xs
xsm
sm
md
lg

ปิดฉาก “ทีไอทีวี” ศาลไม่คุ้มครองฉุกเฉิน กรมประชาฯ สั่งหยุดแพร่ภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปิดฉากทีไอทีวี ศาลปกครองไม่สั่งยกเลิกการห้ามแพร่ภาพของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ระบุเป็นหน้าที่คณะกรรมการนโยบายชั่วคราวที่จะต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับสัญญาการออกอากาศเดิมของผู้จัดรายการ-อนาคตพนักงาน ด้านทีไอทีวีตีความคือพันธะผูกพัน ศาลปกครองชี้ชัดว่ารวมถึงพนักงานทีไอทีวีด้วย

วันนี้ (17 ม.ค.) ศาลปกครองกลาง โดยนายชาวัฒน์ ศรีแก้ว ตุลาการเจ้าของสำนวน ได้มีคำสั่งยกคำขอการบังคับตามคำสั่งทางปกครองที่นายพีระวัฒน์ โชติธรรมโม บรรณาธิการข่าวเช้าและพนักงานไอทีวี รวม 105 คน ขอให้ศาลสั่งให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีดำเนินการให้บริการสาธารณะด้านกิจการวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟเป็นไปอย่างต่อเนื่อง หรือมอบให้ผู้อื่นดำเนินการแทนก็ได้ตามสมควรจนกว่าคดีที่ยื่นฟ้องอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ 25/2551 ลงวันที่ 14 ม.ค.51 เรื่องให้สถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟปฏิบัติตามพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ.2551 โดยสั่งให้ทีไอทีวี ยุติการแพร่ภาพ ตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของวันที่ 14 ม.ค.51 จะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ทั้งนี้ เหตุผลที่ศาลไม่มีคำสั่งคุ้มครองตามที่พนักงานไอทีวีขอระบุว่า ขอเท็จจริงจากการไต่สวนของศาลฟังได้ว่าที่นายพีระวัฒน์และพวกรวม 105 คน ฟ้องว่าการที่อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ได้มีคำสั่งที่ 25/2551 ลงวันที่ 14 ม.ค. 51 เรื่องให้สถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟปฏิบัติตาม พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โดยสั่งให้ทีไอทีวี ยุติการแพร่ภาพ ตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของวันที่ 14 ม.ค.51 เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายทำให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะรวมทั้งผู้ฟ้องคดีทั้งหมดกรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่ในการพิพากษาของศาลปกครอง ซึ่งศาลได้มีคำสั่งรับคำฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณา แต่ที่นายพีระวัฒน์ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งของอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ที่ 25/2551 นั้น ศาลเห็นว่าในชั้นนี้ยังไม่ปรากฎพยานหลักฐานอย่างชัดแจ้งที่จะรับฟังคำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณามาตรา 57 พ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย 2551แล้ว เห็นว่า กฎหมายได้บัญญัติให้โอนบรรดากิจการอำนาจหน้าที่ทรัพย์สินงบประมาณ หนี้ สิทธิ คลื่นความถี่ และภาระผูกพันของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับการดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ และในส่วนของสำนักงานกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟ (เฉพาะกิจ) ที่อยู่ในความดูแลของสำนักนายกรัฐมนตรีและกรมประชาสัมพันธ์ในวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับไปเป็นขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย

บทบัญญัติดังกล่าวย่อมมีผลให้บรรดากิจการอำนาจหน้าที่ ทรัพย์สิน งบประมาณ หนี้ สิทธิคลื่นความถี่และภาระผูกพันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกอากาศรายการต่างๆ ตามกำหนดไว้เดิม ทั้งรายการที่สถานีวิทยุโทรทัศน์ทีไอทีวีดำเนินการเองหรือรายการที่มีสัญญาผูกพันกับบุคคลภายนอก หรือหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติเกี่ยวกับสถานภาพของพนักงานที่ได้ยื่นความประสงค์จะต่อสัญญาไว้ตามประกาศกรมประชาสัมพันธ์ ลงวันที่ 19 ธ.ค. 50 โอนไปเป็นขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย โดยผลของกฎหมายทันที

คำสั่งยังระบุอีกว่าการบริหารกิจการขององค์การฯ ดังกล่าวย่อมเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่ครม.แต่งตั้งขึ้น เพื่อปฏิบัติหน้าที่เป็นคณะกรรมการนโยบายชั่วคราว โดยมีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นธุรการ ตามมาตรา 58 ของพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงฯ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายชั่วคราวที่จะหยิบยกภาระผูกพันในการออกอากาศรายการที่ล่วงเลยกำหนดเวลาออกอากาศตามสัญญาเดิมไปแล้ว และสัญญาต่างๆ ที่ยังไม่ออกอากาศมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

โดยคำนึงถึงบทบัญญัติของพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงฯ ส่วนภาระผูกพันที่เกี่ยวกับสถานภาพของพนักงานทีไอทีวีที่ได้ยื่นความประสงค์และต่อสัญญาจ้างไว้นั้นก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายชั่วคราวที่จะหยิบยกขึ้นมาพิจารณาดำเนินการต่อไปหรือไม่เช่นกัน ซึ่งนายณรงค์ ใจหาญ หนึ่งในคณะกรรมการนโยบายชั่วคราว ให้ถ้อยคำต่อศาลว่าคณะกรรมการนโยบายชั่วคราวสามารถออกผังรายการของสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟในวันที่ 1 ก.พ. 51 และผังรายการจะเสร็จสิ้นภายใน 3 เดือน จึงเห็นได้ว่าคณะกรรมการฯดังกล่าวย่อมมีอำนาจในการดำเนินการกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย รวมทั้งจัดทำผังรายการ และดำเนินการออกอากาศอย่างต่อเนื่องต่อไปตามพ.ร.บ.องค์การกระจายเสียงฯ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามที่ร้องขอ

**ทีไอทีวีตีความต่าง

หลังจากที่ทางศาลปกครองกลางส่งหนังสือแจ้งคำสั่งศาลมายังสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ทางทีไอทีวีได้มีการเรียกรวมพนักงานยังห้องส่ง ชั้น 13 ของตึกชินวัตร 3 โดยมีจำนวนพนักงานทีไอทีวีและสื่อมวลชนจากหลายหน่วยงานเข้าร่วมประมาณ 300-400 คน

โดยระยะเวลาที่พนักงานทยอยเข้ามาในห้องดังกล่าว ได้มีการนำรายการถ่ายทอดสดจาก ช่อง TNN ของทางทรูวิชั่น ยูบีซี โดยมี นายเทพชัย หย่อง คณะกรรมการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย และรักษาการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ไทยพีบีเอส เป็นแขกรับเชิญในรายการ

ในระหว่างนั้น ทั้งพนักงานและสื่อมวลชนต่างได้ฟังคำสัมภาษณ์ พร้อมรับทราบจากรายการดังกล่าวถึงคำสั่งศาล โดยสรุปว่าศาลมีคำสั่ง ให้ยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งของผู้ฟ้องคดีทั้งหนึ่งร้อยห้าของทีไอทีวี ส่งผลให้พนักงานทีไอทีวีอยู่ในอาการเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด แต่หลังจากที่ผู้บริหารของทีไอทีวี ประกอบด้วย นายอัชฌา สุวรรณปากแพรก นายอลงกรณ์ เหมือนดาว นายฉัตรชัย ตะวันธรงค์ และนายไตรภพ ลิมปพัทธ์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายการได้ขึ้นชี้แจงและตีความคำสั่งศาลออกมาอย่างคร่าวๆ ทำให้พนักงานมีสีหน้าและความรู้สึกที่ดีขึ้น

สำหรับคำตีความที่ได้ชี้แจงกับพนักงานครั้งนี้ โดยสรุปคือพันธะผูกพัน ศาลปกครองชี้ชัดว่า รวมถึง พนักงานทีไอทีวีด้วย จากเดิมที่ทางคณะกรรมการฯ ทั้ง 5 เคยกล่าวว่า ไม่รวมถึงพนักงาน ตามที่กรมประชาสัมพันธ์ได้แจ้งให้ทางองค์การกระจายเสียงฯ รับทราบเบื้องต้น ซึ่งเมื่อศาลพิจารณาออกมาแบบนี้ จึงทำให้ศาลเห็นสมควรว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุ้มครอง เพราะพนักงานทีไอทีวี ถือเป็นพันธะผูกพันที่ทางทีวีสาธารณะต้องรับไปด้วย

ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการนโยบายชั่วคราวทั้ง 5 ท่านว่าจะพิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไรต่อไป ส่วนทางทีไอทีวี เตรียมที่จะให้ฝ่ายกฎหมายตีความคำสั่งศาลอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมทั้งต้องให้ฝ่ายกฏหมายได้ร่วมพูดคุยกับทางกฎหมายทั้งของทีวีสาธารณะและกรมประชาสัมพันธ์ ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น กับจำนวนพนักงานทีไอทีวีกว่า 835 คน ขณะที่ทีวีสาธารณะได้เปิดรับสมัครพนักงานไปแล้วกว่า 1,000 คน ว่าจะเป็นไปในทิศทางใด
กำลังโหลดความคิดเห็น