คตส.ไม่หวั่น “หญิงอ้อ” กลับไทย สู้คดีงาบที่รัชดาฯ “นาม” ลั่น ต้องไม่มีการวิ่งเต้น ด้านทีมทนาย “ออหมัก” เข้ายื่นรายชื่อพยาน-ประเด็นสอบเพิ่ม ตัดเหลือเพียง 18 ปาก ขณะที่ สตง.เตรียมเปิดประมูลทรัพย์สินไทยรักไทย บิ๊กล็อต 790 รายการพรุ่งนี้
วันนี้ (8 ม.ค.) ในการประชุมคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีการจัดซื้อเรือและรถดับเพลิง กทม.มีนายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ในฐานประธานอนุกรรมการไต่สวน เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาว่า นาย อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.และนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้หรือไม่ โดย นายนาม ยืนยันว่า เป็นการหยิบหยกมาหารือธรรมดา แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
นายสมหมาย กู้ทรัพย์ ทนายความผู้ได้รับมอบหมายจากนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตผู้ว่าฯ กทม.หนึ่งในผู้ถูกกล่าวหา ได้เดินทางเข้าพบคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อเสนอรายชื่อพยานพร้อมประเด็นการสอบปากคำเพิ่มเติม โดย นายสมหมาย กล่าวภายหลังเข้าพบคณะอนุกรรมการไต่สวน ว่า ได้ยื่นรายชื่อพยานและประเด็นเพื่อให้สอบปากคำเพิ่มต่อคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว จำนวน 18 ปาก จาก 20 ปาก ทั้งนี้ ทีมทนายได้เสนอตัดพยานออก 2 ปาก คือ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีต รมว.ต่างประเทศ และนายจักรมณฑ์ ผาสุกวณิช อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับรายชื่อของพยาน ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
นายสมหมาย กล่าวว่า ในการเข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับอนุกรรมการไต่สวน ทีมทนายได้แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม 1 วันที่ 17 ม.ค.จำนวน 7 ราย ประกอบด้วย พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตประธานคณะกรรมการตรวจสอบการซื้อขายรถ-เรือดับเพลิง ของดีเอสไอ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ เป็นต้น กลุ่มที่ 2 นัดวันที่ 22 ม.ค.จำนวน 8 ราย และกลุ่ม 3 ซึ่งเป็นพยานชาวต่างชาติ 3 ราย ยังไม่ได้กำหนดวัน เนื่องจากอยู่ระหว่างการประสาน โดยได้รับปากว่าจะประสานให้ พร้อมออกหมายเรียกพยานทุกปากให้ด้วย
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส.เปิดเผยว่า ในวันที่ 9 ม.ค. คตส.จะออกหมายเรียกพยาน 18 ราย ตามที่ทีมทนายความนายสมัคร อ้างถึงเข้าให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการ โดยทางทีมทนายรับว่าจะมีการส่งโทรสารที่อยู่จริงของพยานทั้ง 18 ปากมาให้อนุกรรมการไต่สวนในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ทั้งนี้ หากพยานไม่มาจะถือว่าขัดหมายเรียก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับประเทศไทยเพื่อสู้คดีการซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกนั้น นายนาม กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของเขา เป็นคนไทยก็ต้องกลับมาสู้คดี ไม่คิดว่าจะเป็นการส่งสัญญาณอะไรเป็นพิเศษ ไม่กระทบการทำงานของ คตส.โดย คตส.จะทำงานตามปกติโดยที่ไม่รู้สึกหวั่นไหวอะไร อย่างไรก็ตามในสำนวนคดีนี้ คตส.มั่นใจโดยได้มีการรวบรวมข้อเท็จจริงไว้หมดแล้ว ขาดแต่เพียงข้อกฎหมายเท่านั้น ซึ่งในสำนวนนั้นระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นตัวการ เป็นจำเลยที่ 1 ส่วนคุณหญิงพจมาน เป็นจำเลยที่ 2 โดยเป็นผู้สนับสนุน การที่คุณหญิงพจมานเดินทางเข้าสู้คดีเพียงคนเดียว ก็ต้องขึ้นอยู่กับศาลว่าจะใช้ดุลพินิจอย่างไร
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรเดินทางกลับมาสู้คดีหรือไม่ นายนาม กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของเขา แต่เมื่อมีคดีก็ต้องแก้คดี ไม่อย่างนั้นก็ต้องหนีคดีไปจนกว่าอายุความจะหมด
ต่อข้อถามว่า กลัวจะมีการวิ่งเต้นคดีหรือไม่ นายนาม กล่าวว่า ตามหลักคือต้องไม่มีการวิ่งเต้นเพราะเรื่องการวิ่งเต้นเป็นเรื่องนอกกฎหมาย แต่จะมีข้อยกเว้นหรือไม่ ไม่ทราบ ทั้งนี้ คุณหญิงพจมาน และ พ.ต.ท.ทักษิณ มีสิทธิ์ที่จะขอความเป็นธรรมได้ในชั้นศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่าย คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.ได้ตรวจทรัพย์สินของพรรคไทยรักไทย ที่เตรียมขายทอดตลาดหลังจากที่เจ้าหน้าที่ สตง.ได้มีการขนทรัพย์สินทั้งหมดจากพรรคไทยรักไทย มารวมไว้ในเต็นท์หน้าที่ทำการ สตง.จำนวน 790 รายการ เพื่อทำการประมูลขายทอดตลาดในวันที่ 9 ม.ค.นี้ เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ยังมีการประชุมคณะอนุกรรมการตรวจสอบโครงการจัดซื้อวัตถุอุปกรณ์ของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางตรวจสอบผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด (เซ็นทรัลแล็บ) ที่มี นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ กรรมการ คตส.เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้เรียก นายอดิศัย โพธารามิก อดีต รมว.พาณิชย์ เข้าให้ถ้อยคำเพิ่มเติม
นายอดิศัย กล่าวก่อนเข้าให้ถ้อยคำว่า ตนไม่ทราบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรในคดีนี้ เพราะความจริงทราบรายละเอียดในโครงการดังกล่าวเพียงคร่าวๆ แต่ลึกๆ ไม่ทราบ และตนเป็นคนให้ความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรต่อที่ประชุม ครม.ในฐานะที่เป็น รมว.พาณิชย์ในขณะนั้น โดยให้ความเห็นไปว่าเห็นด้วยในหลักการส่วนในหลักปฏิบัติขอให้ประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้แน่ชัด