คตส.โต้ “ทนายแม้ว” ไม่เคยโดนรัฐบาลสุรยุทธ์ครอบงำ “นาม” ระบุแม้ “หญิงอ้อ” จะเดินทางกลับประเทศคนเดียวก็มีช่องทางที่จะดำเนินการในคดีที่ดินรัชดาฯ โดยไม่ต้องรอให้ “แม้ว” กลับมา ด้าน “จารุวรรณ” ร่วมสังเก็ตการณ์ประมูลรถ 6 ล้อ ทรท. 2 คัน ซึ่งได้ราคากว่า 2 ล้าน ฟุ้ง 2 ววันเข้าเป้าได้กว่า 4 ล้านบาท ผู้ประมูลได้เผยแม้ราคาสูงกว่าตลาด แต่ต้องการประมูลไปเป็นวัตถุโบราณ
นาย นาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว กลัวการเมืองแทรกแซงการทำงานของคตส. จากการที่ คตส.เข้าพบเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า ยืนยันได้ว่าไม่มีการแทรกแซงการทำงาน ของคตส.อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาตลอด 1 ปี รัฐบาลไม่เคยแทรกแซง หรือครอบงำคตส.เลย การที่นาย นพดล ออกมาพูดตนไม่สนใจ และยังจำหน้า นายนพดลไม่ได้เลย แต่เป็นธรรมดาที่ทนายความก็ต้องทำหน้าที่อย่างนี้
อย่างไรก็ตามสำหรับคดีการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาที่มีทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นจำเลยนั้น แม้ว่าคุณหญิงพจมาน จะเดินทางกลับประเทศไทยเพียงคนเดียว ก็มีช่องทางที่จะดำเนินคดีกับคุณหญิงพจมาน ได้โดยไม่ต้องรอ ให้พ.ต.ท. ทักษิณ กลับมา แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ส่วนคตส.ก็มีหน้าที่เป็นพยาน ในฐานะที่เป็นผู้ไต่สวนเรื่องนี้
ด้านนาย สัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. กล่าวยืนยันว่า ในการเข้าพบ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไม่มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีการแทรกแซงการทำงาน ของคตส.เป็นเพียงการติดตามความคืบหน้าในการทำงานของคตส.เพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ว่า วานนี้ (10 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 2 ในการเปิดประมูลทรัพย์สินของอดีตพรรคไทยรักไทย หลังจากถูกตุลาการรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ยุบพรรค โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย สตง.ได้เริ่มเปิดให้มีการประมูลตั้งแต่เวลา 10.00 น. มีประชาชนที่สนใจเข้ามาร่วมประมูลกันอย่างคึกคักเหมือนวันแรกที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สตง.ได้จัดให้มีการประมูลรถบรรทุก 6 ล้อจำนวน 2 คัน ซึ่งเดิมเคยเป็นรถ ดัดแปลงที่พรรคไทยรักไทยนำไปใช้หาเสียง โดยคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินดิน (สตง.) ได้มาสังเกตการณ์ และเป็นสักขีพยาน ในการประมูลด้วย ซึ่งนายอัศจรรย์ โอชารส อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย และเจ้าของ โรงงานไม้ปาติเคิล เป็นผู้ประมูลได้ไปทั้ง 2 คัน รวมเป็นเงิน 2,025,000 บาท โดยคันแรกประมูลได้ 1,015,000 บาท และคันที่ 2 ประมูลได้ 1,010,000 บาท
ภายหลังจากการประมูลคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงาน การตรวจเงินดิน (สตง.) กล่าวว่าเงินที่ได้จากการประมูลขายทอดตลาดพรรคไทยรักไทย ขณะนี้ได้ประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับมูลค่าของเงินที่พรรคเป็นหนี้อยู่ เราต้องดูว่าหนี้ที่เกิดขึ้น เป็นหนี้ที่มีสิทธิ์เรียกชำระได้ตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเท่าที่เราตรวจสอบพบว่าเป็นการสั่งทำซีดี ให้กับ บริษัท เอส ซี แมสบล็อค ดังนั้นเราต้องพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้สั่งทำ ใครเป็นผู้รับมอบ และของอยู่ที่ใด มีการรับสภาพหนี้แล้วหรือไม่
ซึ่งก่อนที่ สตง.จะนำทรัพย์สินมาขายถ้ายังประมูลได้เงินไม่ครบก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของกฎหมายว่าจะสามารถรับสภาพหนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของ กองทุนพรรคการเมืองที่จะนำเงินไปชำระ และหากมีเงินส่วนที่เหลือก็จะนำเข้าพรรคการเมืองต่อไป
ด้านนายอัศจรรย์ กล่าวว่า ราคารถที่ประมูลไปสูงกว่าราคาตลาด ซึ่งสาเหตุ ที่ประมูลรถครั้งนี้เนื่องจากอยากเก็บไว้เป็นวัตถุโบราณ เพราะเห็นว่าเป็นของ พรรคไทยรักไทย และในอนาคตมีความตั้งใจว่าจะตั้งพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่นายอัศจรรย์จะประมูลได้รถไปนั้นได้มีการขับเคี่ยวกับนายมาโนช มีวันดี อายุ 46 ปี ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งมีกิจการรับเหมาก่อสร้างและทำถนนที่ต้องการประมูลเพื่อนำไปใช้ในกิจการของบริษัท แต่ที่ต้องยอมแพ้ไปเพราะสู้ราคาไม่ไหว
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่า นายอัศจรรย์ เคยยื่นเรื่องและให้ข้อมูลกับ คตส. เกี่ยวกับการตรวจสอบคดีกล้ายาง 90 ล้านต้น ของรัฐบาลชุดที่แล้ว
นาย นาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความ เสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว กลัวการเมืองแทรกแซงการทำงานของคตส. จากการที่ คตส.เข้าพบเลขาธิการนายกรัฐมนตรีว่า ยืนยันได้ว่าไม่มีการแทรกแซงการทำงาน ของคตส.อย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาตลอด 1 ปี รัฐบาลไม่เคยแทรกแซง หรือครอบงำคตส.เลย การที่นาย นพดล ออกมาพูดตนไม่สนใจ และยังจำหน้า นายนพดลไม่ได้เลย แต่เป็นธรรมดาที่ทนายความก็ต้องทำหน้าที่อย่างนี้
อย่างไรก็ตามสำหรับคดีการซื้อขายที่ดินย่านรัชดาที่มีทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นจำเลยนั้น แม้ว่าคุณหญิงพจมาน จะเดินทางกลับประเทศไทยเพียงคนเดียว ก็มีช่องทางที่จะดำเนินคดีกับคุณหญิงพจมาน ได้โดยไม่ต้องรอ ให้พ.ต.ท. ทักษิณ กลับมา แต่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ส่วนคตส.ก็มีหน้าที่เป็นพยาน ในฐานะที่เป็นผู้ไต่สวนเรื่องนี้
ด้านนาย สัก กอแสงเรือง โฆษกคตส. กล่าวยืนยันว่า ในการเข้าพบ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไม่มีการสั่งการอะไรเป็นพิเศษ ไม่มีการแทรกแซงการทำงาน ของคตส.เป็นเพียงการติดตามความคืบหน้าในการทำงานของคตส.เพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรีเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ว่า วานนี้ (10 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 2 ในการเปิดประมูลทรัพย์สินของอดีตพรรคไทยรักไทย หลังจากถูกตุลาการรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้ยุบพรรค โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย สตง.ได้เริ่มเปิดให้มีการประมูลตั้งแต่เวลา 10.00 น. มีประชาชนที่สนใจเข้ามาร่วมประมูลกันอย่างคึกคักเหมือนวันแรกที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สตง.ได้จัดให้มีการประมูลรถบรรทุก 6 ล้อจำนวน 2 คัน ซึ่งเดิมเคยเป็นรถ ดัดแปลงที่พรรคไทยรักไทยนำไปใช้หาเสียง โดยคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินดิน (สตง.) ได้มาสังเกตการณ์ และเป็นสักขีพยาน ในการประมูลด้วย ซึ่งนายอัศจรรย์ โอชารส อายุ 55 ปี อาชีพค้าขาย และเจ้าของ โรงงานไม้ปาติเคิล เป็นผู้ประมูลได้ไปทั้ง 2 คัน รวมเป็นเงิน 2,025,000 บาท โดยคันแรกประมูลได้ 1,015,000 บาท และคันที่ 2 ประมูลได้ 1,010,000 บาท
ภายหลังจากการประมูลคุณหญิง จารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงาน การตรวจเงินดิน (สตง.) กล่าวว่าเงินที่ได้จากการประมูลขายทอดตลาดพรรคไทยรักไทย ขณะนี้ได้ประมาณ 4 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับมูลค่าของเงินที่พรรคเป็นหนี้อยู่ เราต้องดูว่าหนี้ที่เกิดขึ้น เป็นหนี้ที่มีสิทธิ์เรียกชำระได้ตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเท่าที่เราตรวจสอบพบว่าเป็นการสั่งทำซีดี ให้กับ บริษัท เอส ซี แมสบล็อค ดังนั้นเราต้องพิสูจน์ว่าใครเป็นผู้สั่งทำ ใครเป็นผู้รับมอบ และของอยู่ที่ใด มีการรับสภาพหนี้แล้วหรือไม่
ซึ่งก่อนที่ สตง.จะนำทรัพย์สินมาขายถ้ายังประมูลได้เงินไม่ครบก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของกฎหมายว่าจะสามารถรับสภาพหนี้ได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของ กองทุนพรรคการเมืองที่จะนำเงินไปชำระ และหากมีเงินส่วนที่เหลือก็จะนำเข้าพรรคการเมืองต่อไป
ด้านนายอัศจรรย์ กล่าวว่า ราคารถที่ประมูลไปสูงกว่าราคาตลาด ซึ่งสาเหตุ ที่ประมูลรถครั้งนี้เนื่องจากอยากเก็บไว้เป็นวัตถุโบราณ เพราะเห็นว่าเป็นของ พรรคไทยรักไทย และในอนาคตมีความตั้งใจว่าจะตั้งพรรคการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่นายอัศจรรย์จะประมูลได้รถไปนั้นได้มีการขับเคี่ยวกับนายมาโนช มีวันดี อายุ 46 ปี ฝ่ายจัดซื้อของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งซึ่งมีกิจการรับเหมาก่อสร้างและทำถนนที่ต้องการประมูลเพื่อนำไปใช้ในกิจการของบริษัท แต่ที่ต้องยอมแพ้ไปเพราะสู้ราคาไม่ไหว
อย่างไรก็ตามมีรายงานข่าวว่า นายอัศจรรย์ เคยยื่นเรื่องและให้ข้อมูลกับ คตส. เกี่ยวกับการตรวจสอบคดีกล้ายาง 90 ล้านต้น ของรัฐบาลชุดที่แล้ว
