พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จพระราชดำเนินในการพิธีธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ สำนักพระราชวังประกาศเปลี่ยนเวลาเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในวันที่ 10 ม.ค. เป็นเวลา 14.00-16.00 น. ประธานาธิบดีของฝรั่งเศสส่งสาส์นแสดงความไว้อาลัยอย่างสุดซึ้ง กรมศิลปากรส่งเจ้าหน้าบันทึกเหตุการณ์ลงในจดหมายเหตุแห่งชาติ ด้านพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าเดินทางมาจากทั่วทุกสารทิศถวายสักการะพระศพและน้อมเกล้าฯ ถวายความอาลัยเป็นจำนวนมาก โดยยอดลงนามรวม 2 วันมีทั้งสิ้นกว่า 1.3 หมื่นคน
วานนี้(3 ม.ค.) เวลา 08.02 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 8 รูป ในพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมในการพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมประจำทั้งกลางวันและกลางคืน กำหนด 100 วัน โดยในแต่ละวันจะมีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมและประโคมย่ำยามทุก 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. และเสด็จพระราชดำเนินกลับยังวังสระปทุมในเวลาประมาณ 08.35 น.
จากนั้นในเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ในพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง โดยมีพระสงฆ์จำนวน 8 รูปจากวัดราชสิทธารามและวัดอนงคารามเป็นผู้สวดพระพิธีธรรม
**ปธน.ฝรั่งเศสส่งสาส์นแสดงความอาลัย
วันเดียวกัน นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ได้มีสาส์นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความไว้อาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยเนื้อความในสาส์นระบุว่า
“ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกโศกเศร้าและสะเทือนใจอย่างยิ่ง ในนามของรัฐบาลฝรั่งเศส และประชาชนฝรั่งเศส ขอแสดงความเสียใจแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยความจริงใจ และขอเป็นกำลังใจให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงประชาชนชาวไทยในช่วงโศกเศร้าอาดูรดังกล่าว ประเทศฝรั่งเศสจะไม่ลืมบทบาทที่สำคัญยิ่งของพระองค์ ในการเผยแพร่ภาษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศสในประเทศไทย เช่นเดียวกับที่ได้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อช่วยเหลือด้านการแพทย์ การศึกษา และด้านวัฒนธรรมแก่ผู้ด้อยโอกาส พระองค์ทรงแสดงแบบอย่างให้เห็นถึงกำลังใจที่มุ่งมั่นและกล้าหาญ ขันติธรรม และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ตลอดช่วงที่ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ข้าพระพุทธเจ้าขอแสดงความเสียใจอีกครั้งหนึ่ง ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้ากระหม่อม”
**ปชช.รอลงนามตั้งแต่เช้ามืด
หลังจากที่สำนักพระราชวังได้ออกประกาศให้ประชาชนทราบถึงการเปิดให้ถวายสักการะพระศพและลงนามถวายความอาลัย แด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง จนถึงวันที่ 9 ม.ค.ระหว่างเวลา 09.00-17.00 น.นั้น
วานนี้(3 ม.ค.) ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้พร้อมใจสวมชุดดำไว้ทุกข์ เดินทางมารอถวายสักการะและลงนามถวายความอาลัยตั้งแต่เช้ามืดก่อนที่สำนักพระราชวังจะเปิดให้ลงนาม
นางศรีนวล เกตุเมฆ อาจารย์โรงเรียนวัดบางโป่งดำรงมิตร อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่าได้นำนักเรียนชั้น ม.ต้น จำนวน 55 คนเดินทางโดยลงบัสมาถวายสักการะ โดยได้เดินทางออกจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งแต่เวลา 21.00 น.มาถึง กทม.ประมาณตี 5 และได้มีโอกาสรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ด้วย
“รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และเสียใจที่พระองค์สิ้นพระชนม์ ถึงแม้วันนี้จะไม่มีโอกาเข้าเฝ้าพระองค์แล้ว แต่ก็ตั้งใจมากราบพระองค์เป็นโอกาสสุดท้ายเพื่อแสดงความจงรักภักดี”นางศรีนวลกล่าว
ด้านนางข่อง ดวงจันทร์ดี อายุ 58 ปี ชาวสกลนคร กล่าวว่า มีโอกาสทำงานในโครงการศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม จ.สกลนคร ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯหลายครั้ง อีกทั้งยังได้เป็นคนไข้โรคต้อกระจกในพระอุปถัมภ์ของพระองค์ หลังจากทราบข่าวการสิ้นพระชนม์รู้สึกเสียใจมาก ไม่รู้ว่าจะกลับไปยังโครงการที่พระองค์เคยทรงดูแลอย่างไร
“พระองค์เปรียบเสมือนแม่คนที่สองที่คอยให้และช่วยเหลือชีวิตเรามาตลอด หากเลือกได้อยากสละชีพแทนพระองค์ เพราะพระองค์ทรงทำประโยชน์เพื่อแผ่นดินมากกว่าเราหลายเท่านัก”นางข่องกล่าวทั้งน้ำตา
**ผอ.พอ.สว.ยืนยันสืบสานพระปณิธาน
เมื่อเวลา 10.58 น. พ.อ.กุลทีป เสนจันทร์ฒิไชย ผอ.มูลนิธิ พอ.สว.ได้เป็นตัวแทนเชิญพวงมาลาของมูลนิธิ พอ.สว.มาสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ พร้อมลงนามถวายความอาลัย โดย พ.อ.กุลทีป กล่าวว่า ในนามของตัวแทนมูลนิธิ พอ.สว.รู้สึกเสียใจเพราะพระองค์เปรียบเสมือนพ่อแม่ ไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ พอ.สว.เท่านั้น ประชาชนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ผ่านมูลนิธิ พอ.สว.ก็คงมีความรู้สึกเสียใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม งานพอ.สว.จะต้องดำเนินต่อไปเพราะทุกคนมีกำลังใจดี โดยขณะนี้มีอาสาอยู่ทั้งหมด 51 จังหวัดทั่วประเทศที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งแต่ละที่ได้เตรียมแผนดำเนินงานต่อไปอยู่แล้ว โดยจะส่งแผนปฏิบัติการให้มูลนิธิทราบ จากนั้นมูลนิธิ พอ.สว.จะสนับสนุนในสิ่งที่อาสาของจังหวัดนั้นๆ ต้องการ
“เมื่อสมัยที่ยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ทรงดำเนินงาน พอ.สว.สืบทอดพระราชเจตนารมณ์สมเด็จย่า สิ่งที่เราระลึกถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ก็คือ พระองค์โปรดการตรงต่อเวลามาก เมื่อเสด็จไปไหนจะทรงตรงต่อเวลาเสมอ และพระองค์มักจะตรัสต่ออาสา พอ.สว.เสมอ ว่า ให้รักษาสุขภาพตนเองให้แข็งแรง จึงจะไปรักษาผู้อื่นได้”
ด้านนพ.ยุทธ โพธารามิก รองเลขาธิการมูลนิธิ พอ.สว.กล่าวว่า สำหรับแผนงานต่อไปของมูลนิธิฯ มั่นใจว่าไม่มีการสะดุด สามารถดำเนินกิจกรรมโครงการต่างๆ ได้เป็นปกติ เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการวางแผนดำเนินการอย่างเป็นระบบมีความถาวรมั่นคงยั่งยืน จึงไม่ห่วงการดำเนินการใดๆ ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนราชสกุลสนิทวงศ์ ได้นำพวงมาลามาสักการะพระศพ รวมถึงพวงมาลาจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, สภากรุงเทพมหานคร, คณะนายทหารนำโดยพล.ต.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11,คณะนักเรียนจากร.ร.ตั้งตรงจิตรพณิชยการ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำนักพระราชวังได้นำหนังสือเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2550 มาแจกแก่ประชาชนที่มาสักการะพระศพและลงนามถวายความอาลัยด้วย
**ปู่วัย 64 แต่งกลอนถวายฯ-บุคคลสำคัญทยอยลงนาม
สำหรับบรรยากาศช่วงบ่ายก็ยังคงมีคณะบุคคลสำคัญเป็นจำนวนมาก ลงนามถวายความอาลัย
เมื่อเวลา 13.15 น.ข้าราชการคณะกรรมการ คตส.และ สตง.นำโดยนายนาม ยิ้มแย้ม, คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายสัก กอแสงเรือง พร้อมด้วยข้าราชการ ได้เดินทางมาถวายสักการะพระศพ และลงนามถวายความอาลัย
นายนามกล่าวว่า ในนามของ คตส.รู้สึกเสียใจและสลดใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นอย่างมาก พระราชกรณียกิจของพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนไม่ว่าจะแห่งหนใด โดยสำนักงาน คตส.จะร่วมไว้อาลัยด้วยการนำพระฉายาลักษณ์มาประดิษฐานเพื่อให้ประชาชนได้ถวายสักการะและลงนามไว้อาลัยด้วย
ด้านคุณหญิงจารุวรรณ ระบุว่า สำหรับส่วนตัวนั้นได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์เป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงที่เว้นวรรคจากการดำรงตำแหน่ง พระองค์ทรงเรียกให้เฝ้าฯ และทรงมอบหมายให้ตรวจสอบบัญชีของมูลนิธิที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นหลายมูลนิธิ เช่น มูลนิธิวิชาการโอลิมปิก ซึ่งหลังจากที่ถวายการรับใช้เบื้องพระยุคลบาท ทำให้เห็นว่าพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม
“ครั้งหนึ่งกับเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืม พระองค์โน้มพระวรกายลงมารับสั่งว่า ขอบคุณที่มาช่วยงาน ทำให้ตื้นตันและตราตรึงใจอย่างที่สุด ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์สู่สรวงสวรรค์”คุณหญิงจารุวรรณกล่าว
ขณะที่นายสมควร บุญสมเกียรติ อายุ 64 ปี ประชาชนชาวจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า มาเฝ้าติดตามพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯติดต่อกันถึง 64 วัน พอทราบข่าวพระพี่นางสิ้นพระชนม์ก็รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงพระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก โดยส่วนตัวตั้งใจจะทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ด้วย ขอให้พระองค์สถิตในสรวงสวรรค์ และตั้งใจจะสวมชุดดำไว้ทุกข์ 50 วันด้วย พร้อมกันนี้ได้แต่งกลอนถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ใจความว่า
“ดาวอีกดวงล่วงดับลับจากฟ้า ใจประชาก็พลอยเหงาหงอยสิ้น
โอ้เจ้าฟ้าฯ นราธิวาสราชนครินทร์ โอ้พระปิ่นปกเกล้าของชาวไทย
บุญใดเอื้อเผื่อแผ่แก่ปวงราษฎร์ สนองฝ่าพระบาทพบสุขทุกสมัย
สถิตย์ในห้องสรวงสวรรค์ชั้นใด สำนึกในพระกรุณา...ตราบฟ้าดิน”
สำหรับคณะบุคคลและบุคคลสำคัญอื่นๆ ที่เดินทางมาถวายสักการะและวางพวงมาลา ได้แก่ ข้าราชการศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาคสาม,คณะอาจารย์และนักเรียน ร.ร.บ้านดอนลาว อ.เชียงคำ จ.พะเยา,วิทยาลัยราชพฤกษ์ ,ร.ร.พิมลพณิชยการศรีย่าน,ร.ร.วิมลบริหารธุรกิจ,กระทรวงคมนาคม, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, ข้าราชการกองชาวที่สวนจิตรลดา, ร.ร.สมุทรสาครวิทยาลัย,นายกันตธีร์ ศุภมงคลพร้อมภริยา
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ,นายสมใจนึก เองตระกูล,คุณหญิงสิริทิพย์ กรานเลิศ,คุณหญิงเพลิน เทพหัสดิน ณ อยุธยา , กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, รวมทั้ง Mr. IN Sovanna Third Secretary เป็นผู้เชิญพวงมาลาจากสถานทูตกัมพูชามาถวายสักการะพระศพด้วย
นอกจากนี้ ยังมีพิธีกรและนักแสดงชื่อดัง อาทิ นายจรัญ เพชรเจริญ หรือ “สีเทา”,บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์, หมิง-ชาลิสา บุญครองทรัพย์ เป็นต้น
สำหรับยอดการลงนามถวายความอาลัยนั้น จนกระทั่งปิดให้ลงนามในเวลา 17.00 น.มีประชาชนมาร่วมลงนามทั้งสิ้น 13,072 คน ยอดพวงมาลา 58 พวง เงินทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยเสด็จพระราชกุศลตามอัธยาศัย 109,270 บาท
**สมเด็จพระเทพฯ ทรงห่วงใยปชช.
นายศุภชัย พันธุกานนท์ ที่ปรึกษาวิทยาลัยในวัง (ชาย) ในฐานะเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ผู้รับผิดชอบดูแลรับรองประชาชนที่จะเดินทางมาถวายสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ม.ค.สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป เนื่องจากในช่วงเช้าจะมีพระราชพิธี จากนั้นในวันที่ 11 ม.ค.จะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระศพตั้งแต่ 09.00-16.00 น.ยกเว้นในวันที่มีพิธีหลวง เพื่อประกอบพิธีกรรมตามราชประเพณี เช่น ครบรอบ 15 วัน, 50 วัน หรือ 100 วัน
อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวังมีประสบการณ์ในการเตรียมการรองรับประชาชน จากครั้งที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สวรรคต โดยได้เตรียมการไว้พร้อมสำหรับประชาชนที่เดินทางมาถวายความจงรักภักดี ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยประชาชนที่เดินทางมา โดยมีพระกระแสรับสั่งผ่านทางสำนักพระราชวังให้ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมแพทย์หลวงไว้ดูแลหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
**กทม.จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ 7 ม.ค.-11 เม.ย.
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะจัดนิทรรศการพระกรณียกิจเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ บริเวณลานคนเมือง ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.-11 เม.ย.โดยจะประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานและมูลนิธิที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ พร้อมทั้งทำการแจกจ่ายหนังสือที่ชื่อว่า "สถิต ณ ดวงใจ" ซึ่งจัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ให้กับประชาชนที่มาลงนามด้วย โดยในเบื้องต้นได้จัดพิมพ์ขึ้น 50,000 เล่ม
นอกจากนี้ กทม.จะจัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 185 รูป เพื่อถวายเป็นพระกุศล บริเวณลานคนเมือง ในวโรกาสวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน โดยจะเริ่มในเวลา 06.00 น. ด้วย
**สตช.สั่งทุกหน่วยตั้งโต๊ะลงนามไว้อาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้ กองบัญชาการ กองบังคับการและ กองกำกับการ ต่างๆ พร้อมทั้ง สถานีตำรวจทั่วประเทศ ดำเนินการจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์พร้อมประดับพุ่มดอกไม้ และแพรไว้ทุกข์ นอกจากนี้ให้จัดสมุดลงนามไว้อาลัย เพื่อให้ข้าราชการตำรวจพร้อมครอบครัวและประชาชนโดยทั่วไป ได้มาแสดงความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นาง
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาลได้มีเจ้าหน้าที่นำผ้าแพรสีขาว-ดำ มาประดับที่รั้วด้านหน้า ตึกไทยคู่ฟ้าแทนทีผ้าแพรสีขาว-เหลืองที่ประดับอยู่ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ บุคลากรที่ทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งสื่อมวลชนทุกคนล้วนแต่งชุดไว้ทุกข์ด้วยเช่นกัน
**สธ.จัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติ 2 เล่มแจก
นางกาญจนา กาญจนสินิทธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะจัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กล่าวว่า ขณะนี้สธ. อยู่ระหว่างการจัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติ โดยจัดทำเป็น 2 รูปแบบ รูปแบบแรกจัดทำเป็นหนังสือรวบรวมพระราชกรณียกิจ และเดินหน้าสืบสานพระปณิธานของพระองค์ ขนาด เอ 5 หนา 40 หน้า พิมพ์สี่สี เนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย มีรูปภาพประกอบสวยงาม ส่วนรูปปก ตั้งใจให้เป็นภาพพระสาทิสลักษณ์ของพระองค์ วาดด้วยสี ชอล์ก จัดพิมพ์จำนวน 100,000 เล่ม แจกจ่ายให้ประชาชนที่มาร่วมงานพระศพที่พระบรมมหาราชวัง
ส่วนรูปแบบที่ 2 จะเป็นหนังสือรวบรวมพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจที่สำคัญเกี่ยวข้องกับงานด้านสาธารณสุขเพื่อแผ่นดินไทย ขนาดใหญ่เกือบเท่า เอ 3 ปกแข็ง จัดพิมพ์จำวน 3,000 เล่ม ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ โดยจะแจกจ่ายให้สถานที่ราชการ และสถานทูตไทยในต่างประเทศทุกแห่ง โดยสธ. จะจัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติทั้ง 2 รูปแบบให้สวยงามสมพระเกียรติ
**บันทึกในจดหมายเหตุแห่งชาติ
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวหลังจากการประชุมคณะกรรมการกรมศิลปากรเพื่อเตรียมความพร้อม ในการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่า เบื้องต้นได้ส่งวงปี่พาทย์ 2 วง จากสำนักสังคีต เพื่อประโคมในพระราชพิธีดังกล่าวทุก 3 ชั่วโมง สลับกันเช้า-เย็น ในส่วนของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้ทำหน้าที่จดบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ตลอด ในส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะพระเมรุมาศต้องรอสำนักพระราชวังแจ้งให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะโปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรดำเนินการเรื่องอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมศิลปากรได้เตรียมหาข้อมูลเกี่ยวกับพระเมรุให้สมกับพระอิสริยยศของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งเป็นชั้นเจ้าฟ้าว่าจะต้องเตรียมการอย่างไร
ขณะเดียวกันได้ดำเนินการสำรวจราชรถ ราชยาน คานหามที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งใช้ในพระราชพิธีเคลื่อนพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อปี 2538 ว่ามีความพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ และต้องใช้งบประมาณปรับปรุงทั้งหมดเท่าไร ส่วนจะดำเนินการต่อไปอย่างไรจะต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯ อย่างเป็นทางการก่อน นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังได้เตรียมข้อมูลจัดพิมพ์หนังสือ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล และคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ หากรัฐบาลเห็นชอบ กรมศิลปากรจะศึกษาข้อมูลทำรายละเอียดต่อไป.
วานนี้(3 ม.ค.) เวลา 08.02 น.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินยังพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 8 รูป ในพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมในการพิธีพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีพระพิธีธรรมประจำทั้งกลางวันและกลางคืน กำหนด 100 วัน โดยในแต่ละวันจะมีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมและประโคมย่ำยามทุก 3 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 06.00-24.00 น. และเสด็จพระราชดำเนินกลับยังวังสระปทุมในเวลาประมาณ 08.35 น.
จากนั้นในเวลา 19.00 น. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ในพระพิธีธรรม สวดพระอภิธรรมพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระบรมมหาราชวัง โดยมีพระสงฆ์จำนวน 8 รูปจากวัดราชสิทธารามและวัดอนงคารามเป็นผู้สวดพระพิธีธรรม
**ปธน.ฝรั่งเศสส่งสาส์นแสดงความอาลัย
วันเดียวกัน นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า นายนิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีของฝรั่งเศส ได้มีสาส์นกราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความไว้อาลัยอย่างสุดซึ้งต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ โดยเนื้อความในสาส์นระบุว่า
“ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกโศกเศร้าและสะเทือนใจอย่างยิ่ง ในนามของรัฐบาลฝรั่งเศส และประชาชนฝรั่งเศส ขอแสดงความเสียใจแด่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยความจริงใจ และขอเป็นกำลังใจให้แก่พระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงประชาชนชาวไทยในช่วงโศกเศร้าอาดูรดังกล่าว ประเทศฝรั่งเศสจะไม่ลืมบทบาทที่สำคัญยิ่งของพระองค์ ในการเผยแพร่ภาษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศสในประเทศไทย เช่นเดียวกับที่ได้ทรงอุทิศพระองค์เพื่อช่วยเหลือด้านการแพทย์ การศึกษา และด้านวัฒนธรรมแก่ผู้ด้อยโอกาส พระองค์ทรงแสดงแบบอย่างให้เห็นถึงกำลังใจที่มุ่งมั่นและกล้าหาญ ขันติธรรม และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ตลอดช่วงที่ทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ ข้าพระพุทธเจ้าขอแสดงความเสียใจอีกครั้งหนึ่ง ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้ากระหม่อม”
**ปชช.รอลงนามตั้งแต่เช้ามืด
หลังจากที่สำนักพระราชวังได้ออกประกาศให้ประชาชนทราบถึงการเปิดให้ถวายสักการะพระศพและลงนามถวายความอาลัย แด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม ในพระบรมมหาราชวัง จนถึงวันที่ 9 ม.ค.ระหว่างเวลา 09.00-17.00 น.นั้น
วานนี้(3 ม.ค.) ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้พร้อมใจสวมชุดดำไว้ทุกข์ เดินทางมารอถวายสักการะและลงนามถวายความอาลัยตั้งแต่เช้ามืดก่อนที่สำนักพระราชวังจะเปิดให้ลงนาม
นางศรีนวล เกตุเมฆ อาจารย์โรงเรียนวัดบางโป่งดำรงมิตร อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่าได้นำนักเรียนชั้น ม.ต้น จำนวน 55 คนเดินทางโดยลงบัสมาถวายสักการะ โดยได้เดินทางออกจากจังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งแต่เวลา 21.00 น.มาถึง กทม.ประมาณตี 5 และได้มีโอกาสรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ด้วย
“รู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ และเสียใจที่พระองค์สิ้นพระชนม์ ถึงแม้วันนี้จะไม่มีโอกาเข้าเฝ้าพระองค์แล้ว แต่ก็ตั้งใจมากราบพระองค์เป็นโอกาสสุดท้ายเพื่อแสดงความจงรักภักดี”นางศรีนวลกล่าว
ด้านนางข่อง ดวงจันทร์ดี อายุ 58 ปี ชาวสกลนคร กล่าวว่า มีโอกาสทำงานในโครงการศิลปาชีพบ้านกุดนาขาม จ.สกลนคร ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯหลายครั้ง อีกทั้งยังได้เป็นคนไข้โรคต้อกระจกในพระอุปถัมภ์ของพระองค์ หลังจากทราบข่าวการสิ้นพระชนม์รู้สึกเสียใจมาก ไม่รู้ว่าจะกลับไปยังโครงการที่พระองค์เคยทรงดูแลอย่างไร
“พระองค์เปรียบเสมือนแม่คนที่สองที่คอยให้และช่วยเหลือชีวิตเรามาตลอด หากเลือกได้อยากสละชีพแทนพระองค์ เพราะพระองค์ทรงทำประโยชน์เพื่อแผ่นดินมากกว่าเราหลายเท่านัก”นางข่องกล่าวทั้งน้ำตา
**ผอ.พอ.สว.ยืนยันสืบสานพระปณิธาน
เมื่อเวลา 10.58 น. พ.อ.กุลทีป เสนจันทร์ฒิไชย ผอ.มูลนิธิ พอ.สว.ได้เป็นตัวแทนเชิญพวงมาลาของมูลนิธิ พอ.สว.มาสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ พร้อมลงนามถวายความอาลัย โดย พ.อ.กุลทีป กล่าวว่า ในนามของตัวแทนมูลนิธิ พอ.สว.รู้สึกเสียใจเพราะพระองค์เปรียบเสมือนพ่อแม่ ไม่ใช่เฉพาะเจ้าหน้าที่ พอ.สว.เท่านั้น ประชาชนที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ผ่านมูลนิธิ พอ.สว.ก็คงมีความรู้สึกเสียใจเช่นกัน อย่างไรก็ตาม งานพอ.สว.จะต้องดำเนินต่อไปเพราะทุกคนมีกำลังใจดี โดยขณะนี้มีอาสาอยู่ทั้งหมด 51 จังหวัดทั่วประเทศที่พร้อมปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งแต่ละที่ได้เตรียมแผนดำเนินงานต่อไปอยู่แล้ว โดยจะส่งแผนปฏิบัติการให้มูลนิธิทราบ จากนั้นมูลนิธิ พอ.สว.จะสนับสนุนในสิ่งที่อาสาของจังหวัดนั้นๆ ต้องการ
“เมื่อสมัยที่ยังดำรงพระชนม์ชีพอยู่ พระองค์ทรงดำเนินงาน พอ.สว.สืบทอดพระราชเจตนารมณ์สมเด็จย่า สิ่งที่เราระลึกถึงสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ก็คือ พระองค์โปรดการตรงต่อเวลามาก เมื่อเสด็จไปไหนจะทรงตรงต่อเวลาเสมอ และพระองค์มักจะตรัสต่ออาสา พอ.สว.เสมอ ว่า ให้รักษาสุขภาพตนเองให้แข็งแรง จึงจะไปรักษาผู้อื่นได้”
ด้านนพ.ยุทธ โพธารามิก รองเลขาธิการมูลนิธิ พอ.สว.กล่าวว่า สำหรับแผนงานต่อไปของมูลนิธิฯ มั่นใจว่าไม่มีการสะดุด สามารถดำเนินกิจกรรมโครงการต่างๆ ได้เป็นปกติ เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการวางแผนดำเนินการอย่างเป็นระบบมีความถาวรมั่นคงยั่งยืน จึงไม่ห่วงการดำเนินการใดๆ ในอนาคต
นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนราชสกุลสนิทวงศ์ ได้นำพวงมาลามาสักการะพระศพ รวมถึงพวงมาลาจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย, สภากรุงเทพมหานคร, คณะนายทหารนำโดยพล.ต.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11,คณะนักเรียนจากร.ร.ตั้งตรงจิตรพณิชยการ เป็นต้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำนักพระราชวังได้นำหนังสือเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมายุ 7 รอบ เมื่อวันที่ 6 พ.ค.2550 มาแจกแก่ประชาชนที่มาสักการะพระศพและลงนามถวายความอาลัยด้วย
**ปู่วัย 64 แต่งกลอนถวายฯ-บุคคลสำคัญทยอยลงนาม
สำหรับบรรยากาศช่วงบ่ายก็ยังคงมีคณะบุคคลสำคัญเป็นจำนวนมาก ลงนามถวายความอาลัย
เมื่อเวลา 13.15 น.ข้าราชการคณะกรรมการ คตส.และ สตง.นำโดยนายนาม ยิ้มแย้ม, คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา, นายแก้วสรร อติโพธิ, นายสัก กอแสงเรือง พร้อมด้วยข้าราชการ ได้เดินทางมาถวายสักการะพระศพ และลงนามถวายความอาลัย
นายนามกล่าวว่า ในนามของ คตส.รู้สึกเสียใจและสลดใจต่อการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นอย่างมาก พระราชกรณียกิจของพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งประชาชนไม่ว่าจะแห่งหนใด โดยสำนักงาน คตส.จะร่วมไว้อาลัยด้วยการนำพระฉายาลักษณ์มาประดิษฐานเพื่อให้ประชาชนได้ถวายสักการะและลงนามไว้อาลัยด้วย
ด้านคุณหญิงจารุวรรณ ระบุว่า สำหรับส่วนตัวนั้นได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์เป็นอย่างมาก ซึ่งในช่วงที่เว้นวรรคจากการดำรงตำแหน่ง พระองค์ทรงเรียกให้เฝ้าฯ และทรงมอบหมายให้ตรวจสอบบัญชีของมูลนิธิที่พระองค์ทรงตั้งขึ้นหลายมูลนิธิ เช่น มูลนิธิวิชาการโอลิมปิก ซึ่งหลังจากที่ถวายการรับใช้เบื้องพระยุคลบาท ทำให้เห็นว่าพระองค์ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา ทรงมีพระจริยวัตรที่งดงาม
“ครั้งหนึ่งกับเหตุการณ์ที่ไม่มีวันลืม พระองค์โน้มพระวรกายลงมารับสั่งว่า ขอบคุณที่มาช่วยงาน ทำให้ตื้นตันและตราตรึงใจอย่างที่สุด ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ขอให้ดวงพระวิญญาณของพระองค์สู่สรวงสวรรค์”คุณหญิงจารุวรรณกล่าว
ขณะที่นายสมควร บุญสมเกียรติ อายุ 64 ปี ประชาชนชาวจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า มาเฝ้าติดตามพระอาการพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯติดต่อกันถึง 64 วัน พอทราบข่าวพระพี่นางสิ้นพระชนม์ก็รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงพระสุขภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาก โดยส่วนตัวตั้งใจจะทำบุญใส่บาตรอุทิศส่วนกุศลถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางฯ ด้วย ขอให้พระองค์สถิตในสรวงสวรรค์ และตั้งใจจะสวมชุดดำไว้ทุกข์ 50 วันด้วย พร้อมกันนี้ได้แต่งกลอนถวายแด่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ใจความว่า
“ดาวอีกดวงล่วงดับลับจากฟ้า ใจประชาก็พลอยเหงาหงอยสิ้น
โอ้เจ้าฟ้าฯ นราธิวาสราชนครินทร์ โอ้พระปิ่นปกเกล้าของชาวไทย
บุญใดเอื้อเผื่อแผ่แก่ปวงราษฎร์ สนองฝ่าพระบาทพบสุขทุกสมัย
สถิตย์ในห้องสรวงสวรรค์ชั้นใด สำนึกในพระกรุณา...ตราบฟ้าดิน”
สำหรับคณะบุคคลและบุคคลสำคัญอื่นๆ ที่เดินทางมาถวายสักการะและวางพวงมาลา ได้แก่ ข้าราชการศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ข้าราชการศาลอุทธรณ์ภาคสาม,คณะอาจารย์และนักเรียน ร.ร.บ้านดอนลาว อ.เชียงคำ จ.พะเยา,วิทยาลัยราชพฤกษ์ ,ร.ร.พิมลพณิชยการศรีย่าน,ร.ร.วิมลบริหารธุรกิจ,กระทรวงคมนาคม, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง, ข้าราชการกองชาวที่สวนจิตรลดา, ร.ร.สมุทรสาครวิทยาลัย,นายกันตธีร์ ศุภมงคลพร้อมภริยา
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ,นายสมใจนึก เองตระกูล,คุณหญิงสิริทิพย์ กรานเลิศ,คุณหญิงเพลิน เทพหัสดิน ณ อยุธยา , กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, รวมทั้ง Mr. IN Sovanna Third Secretary เป็นผู้เชิญพวงมาลาจากสถานทูตกัมพูชามาถวายสักการะพระศพด้วย
นอกจากนี้ ยังมีพิธีกรและนักแสดงชื่อดัง อาทิ นายจรัญ เพชรเจริญ หรือ “สีเทา”,บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, นุ้ย-สุจิรา อรุณพิพัฒน์, หมิง-ชาลิสา บุญครองทรัพย์ เป็นต้น
สำหรับยอดการลงนามถวายความอาลัยนั้น จนกระทั่งปิดให้ลงนามในเวลา 17.00 น.มีประชาชนมาร่วมลงนามทั้งสิ้น 13,072 คน ยอดพวงมาลา 58 พวง เงินทูลเกล้าฯถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยเสด็จพระราชกุศลตามอัธยาศัย 109,270 บาท
**สมเด็จพระเทพฯ ทรงห่วงใยปชช.
นายศุภชัย พันธุกานนท์ ที่ปรึกษาวิทยาลัยในวัง (ชาย) ในฐานะเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ผู้รับผิดชอบดูแลรับรองประชาชนที่จะเดินทางมาถวายสักการะพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ม.ค.สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป เนื่องจากในช่วงเช้าจะมีพระราชพิธี จากนั้นในวันที่ 11 ม.ค.จะเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะพระศพตั้งแต่ 09.00-16.00 น.ยกเว้นในวันที่มีพิธีหลวง เพื่อประกอบพิธีกรรมตามราชประเพณี เช่น ครบรอบ 15 วัน, 50 วัน หรือ 100 วัน
อย่างไรก็ตาม สำนักพระราชวังมีประสบการณ์ในการเตรียมการรองรับประชาชน จากครั้งที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี สวรรคต โดยได้เตรียมการไว้พร้อมสำหรับประชาชนที่เดินทางมาถวายความจงรักภักดี ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงห่วงใยประชาชนที่เดินทางมา โดยมีพระกระแสรับสั่งผ่านทางสำนักพระราชวังให้ดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด จัดเตรียมแพทย์หลวงไว้ดูแลหากเกิดเหตุฉุกเฉิน
**กทม.จัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ 7 ม.ค.-11 เม.ย.
นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะจัดนิทรรศการพระกรณียกิจเพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ณ บริเวณลานคนเมือง ตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค.-11 เม.ย.โดยจะประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานและมูลนิธิที่อยู่ในพระอุปถัมภ์ พร้อมทั้งทำการแจกจ่ายหนังสือที่ชื่อว่า "สถิต ณ ดวงใจ" ซึ่งจัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา ให้กับประชาชนที่มาลงนามด้วย โดยในเบื้องต้นได้จัดพิมพ์ขึ้น 50,000 เล่ม
นอกจากนี้ กทม.จะจัดพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 185 รูป เพื่อถวายเป็นพระกุศล บริเวณลานคนเมือง ในวโรกาสวันครบรอบวันสิ้นพระชนม์ 7 วัน 50 วัน และ 100 วัน โดยจะเริ่มในเวลา 06.00 น. ด้วย
**สตช.สั่งทุกหน่วยตั้งโต๊ะลงนามไว้อาลัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มีคำสั่งให้ กองบัญชาการ กองบังคับการและ กองกำกับการ ต่างๆ พร้อมทั้ง สถานีตำรวจทั่วประเทศ ดำเนินการจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระฉายาลักษณ์พร้อมประดับพุ่มดอกไม้ และแพรไว้ทุกข์ นอกจากนี้ให้จัดสมุดลงนามไว้อาลัย เพื่อให้ข้าราชการตำรวจพร้อมครอบครัวและประชาชนโดยทั่วไป ได้มาแสดงความอาลัยต่อการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นาง
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาลได้มีเจ้าหน้าที่นำผ้าแพรสีขาว-ดำ มาประดับที่รั้วด้านหน้า ตึกไทยคู่ฟ้าแทนทีผ้าแพรสีขาว-เหลืองที่ประดับอยู่ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ บุคลากรที่ทำงานอยู่ในทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งสื่อมวลชนทุกคนล้วนแต่งชุดไว้ทุกข์ด้วยเช่นกัน
**สธ.จัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติ 2 เล่มแจก
นางกาญจนา กาญจนสินิทธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะจัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ กล่าวว่า ขณะนี้สธ. อยู่ระหว่างการจัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติ โดยจัดทำเป็น 2 รูปแบบ รูปแบบแรกจัดทำเป็นหนังสือรวบรวมพระราชกรณียกิจ และเดินหน้าสืบสานพระปณิธานของพระองค์ ขนาด เอ 5 หนา 40 หน้า พิมพ์สี่สี เนื้อหาอ่านเข้าใจง่าย มีรูปภาพประกอบสวยงาม ส่วนรูปปก ตั้งใจให้เป็นภาพพระสาทิสลักษณ์ของพระองค์ วาดด้วยสี ชอล์ก จัดพิมพ์จำนวน 100,000 เล่ม แจกจ่ายให้ประชาชนที่มาร่วมงานพระศพที่พระบรมมหาราชวัง
ส่วนรูปแบบที่ 2 จะเป็นหนังสือรวบรวมพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจที่สำคัญเกี่ยวข้องกับงานด้านสาธารณสุขเพื่อแผ่นดินไทย ขนาดใหญ่เกือบเท่า เอ 3 ปกแข็ง จัดพิมพ์จำวน 3,000 เล่ม ทั้งภาษาไทย และอังกฤษ โดยจะแจกจ่ายให้สถานที่ราชการ และสถานทูตไทยในต่างประเทศทุกแห่ง โดยสธ. จะจัดทำหนังสือเทิดพระเกียรติทั้ง 2 รูปแบบให้สวยงามสมพระเกียรติ
**บันทึกในจดหมายเหตุแห่งชาติ
นายเกรียงไกร สัมปัชชลิต อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวหลังจากการประชุมคณะกรรมการกรมศิลปากรเพื่อเตรียมความพร้อม ในการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ว่า เบื้องต้นได้ส่งวงปี่พาทย์ 2 วง จากสำนักสังคีต เพื่อประโคมในพระราชพิธีดังกล่าวทุก 3 ชั่วโมง สลับกันเช้า-เย็น ในส่วนของสำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติได้ทำหน้าที่จดบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ตลอด ในส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะพระเมรุมาศต้องรอสำนักพระราชวังแจ้งให้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะโปรดเกล้าฯ ให้กรมศิลปากรดำเนินการเรื่องอะไรบ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมศิลปากรได้เตรียมหาข้อมูลเกี่ยวกับพระเมรุให้สมกับพระอิสริยยศของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ซึ่งเป็นชั้นเจ้าฟ้าว่าจะต้องเตรียมการอย่างไร
ขณะเดียวกันได้ดำเนินการสำรวจราชรถ ราชยาน คานหามที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งใช้ในพระราชพิธีเคลื่อนพระบรมศพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เมื่อปี 2538 ว่ามีความพร้อมที่จะใช้งานหรือไม่ และต้องใช้งบประมาณปรับปรุงทั้งหมดเท่าไร ส่วนจะดำเนินการต่อไปอย่างไรจะต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯ อย่างเป็นทางการก่อน นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังได้เตรียมข้อมูลจัดพิมพ์หนังสือ และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ เพื่อเสนอต่อรัฐบาล และคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ หากรัฐบาลเห็นชอบ กรมศิลปากรจะศึกษาข้อมูลทำรายละเอียดต่อไป.