“นายกฯ” อวยพรขอให้คนไทยมีจิตใจเข้มแข็งดีงาม มีสุขภาพพลานามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ชี้ปี 2551 เป็นปีแห่งความสมานฉันท์ เพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศ พร้อมเชิญชวนให้ร่วมกันทำความดีถวายในหลวง
พล.อ.สุรุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 เมื่อวันที่ 31 ธ.ค.2550 เมื่อเวลา 24.00 น. ซึ่งออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย โดยมีใจความสำคัญว่า
ในโอกาสอันเป็นมงคลดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 ในนามของรัฐบาล ขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า พร้อมใจกันตั้งจิตอธิษฐานอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และขออำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล โปรดอภิบาลประทานจตุรพิธพรชัยให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระบารมีแผ่ไพศาล ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าเหล่าพสกนิกรชาวไทย ตราบกาลนิรันดร
ปีพุทธศักราช 2550 ที่กำลังผ่านพ้นไป นับเป็นปีแห่งประวัติศาสตร์ เนื่องจากเป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งประชาชนชาวไทยและรัฐบาลได้ร่วมกันจัดกิจกรรม และงานเฉลิมฉลองตลอดทั้งปี รวมทั้งได้ร่วมกันทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชสักการะด้วยความจงรักภักดี และความสำนึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ ที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน
และปีนี้เป็นปีที่รัฐบาลโดยการนำของผม ซึ่งได้เข้ามารับหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2550 และได้เข้ามาบริหารประเทศในช่วงแห่งการเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ ได้แก้ไขปัญหาของชาติทั้งในการสร้างความสามัคคีปรองดอง ความสมานฉันท์ รวมทั้งการวางรากฐานที่สำคัญๆให้แก่บ้านเมือง เพื่อนำพาประเทศให้ผ่านพ้นปัญหาและก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างราบรื่นมั่นคงอีกครั้ง
ภารกิจสำคัญประการหนึ่งที่รัฐบาลเร่งดำเนินการคือการนำประเทศไทยคืนสู่ครรลองของการปกครอง ในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงประมุข โดยสนับสนุนกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 โดยพี่น้องประชาชนได้ร่วมกันไปลงประชามติในการร่างรัฐธรรมนูญฯ และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา และคาดว่าภายในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ประเทศไทยน่าจะมีรัฐบาลมาทำหน้าที่บริหารประเทศแทนรัฐบาลปัจจุบันต่อไป
ก่อนที่รัฐบาลนี้จะสิ้นสุดการบริหารราชการแผ่นดิน กระผมในนามของรัฐบาลขอขอบคุณพี่น้องประชาชนทุกคนที่ได้ร่วมมือในการทำงานด้วยดีตลอดระยะเวลากว่า 1 ปี ที่ผ่านมา และนอกจากได้ดำเนินงานตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว ยังได้แก้ไขปัญหาสำคัญและเร่งด่วนที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนเช่น ปัญหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2549 และปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งแม้ว่าในขณะนี้การแก้ปัญหาจะยังไม่จบสิ้น แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และความเสียสละของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และมั่นใจว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ความสงบร่มเย็นได้อีกครั้ง
สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของประเทศ การต่างประเทศ และด้านอื่นๆ รัฐบาลได้พยายามสร้างความสมดุลให้กับการพัฒนาประเทศทุกด้าน และวางรากฐานของชาติให้เข้มแข็ง เพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยรัฐบาลได้เร่งแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ด้วยการเสนอกฎหมาย เพื่อป้องกันการทุจริต คอร์รัปชั่น และผลประโยชน์ทับซ้อนในการบริหารบ้านเมือง ส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมของคนในชาติ สร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในทุกองค์กรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ยึดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักในการบริหารราชการแผ่นดิน และนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการวางรากฐานของสังคมและเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ มีภูมิคุ้มกันกันต่อผลกระทบที่เกิดจากภาวะความผันผวนหรือความเปลี่ยนแปลงต่างๆในส่วนท้องถิ่น
นอกจากนี้รัฐบาลได้จัดทำยุทธศาสตร์อยู่ดี มีสุข เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งบนพื้นฐานการเรียนรู้ที่จะพึ่งพาตนเองตามความต้องการของชุมชน รวมทั้งได้กำเนินการปฏิรูปการศึกษา โดยยึดหลักคุณธรรมนำความรู้ และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชนไทย ให้กล้าคิดกล้าทำ ในสิ่งที่ถูกต้องมากขึ้น
อีกทั้งยังได้มีการพัฒนา และปรับปรุงระบบกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมหลักนิติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคมไทย เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับความเสมอภาคและเป็นธรรม ด้านการต่างประเทศ ได้เร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่นานประเทศทั่วโลก เพื่อเรียกร้องความเชื่อมั่นของประเทศไทยกลับมา และเชื่อว่าหลังจากการเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง และก่อนที่เราจะได้รัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ ขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยพึงตระหนักและน้อมนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเน้นย้ำในความสุจริต มีเมตตา และความสามัคคีของคนในชาติ มายึดถือและปฏิบัติ เพื่อความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดินไทยแห่งนี้สืบต่อไป
ปีพุทธศักราช 2551 ที่จะถึงนี้ ขอให้เป็นปีแห่งความหวัง และปีแห่งการสร้างความรักความสามัคคี ปรองดองกัน ความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการร่วมกันเดินหน้าพัฒนาประเทศไทย ให้ก้าวสู่ความเจริญมั่นคง ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคมมากยิ่งขึ้น และเชื่อว่าเป้าหมายดังกล่าวคงไม่ไกลเกินไป หากพี่น้องประชาชนทั้งชาติจะมีความรัก สามัคคี และยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ
ในศุภวารดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2551 ในนามของรัฐบาลขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ทุกท่านเคารพนับถือ อีกทั้งพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน มีจิตใจเข้มแข็งดีงาม มีสุขภาพ พลาอนามัยที่สมบูรณ์แข็งแรง ประสบแต่ความสุขความสำเร็จ และความเจริญก้าวหน้าในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการตลอดไป