**"ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม**
ข้าพระพุทธเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะตัวแทนของประชาชนชาวไทยผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งที่ได้ชุมนุมกัน ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ได้ร่วมติดตามการชุมนุมในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งที่พำนักอยู่ในต่างประเทศทั่วโลก ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลถวายพระพรเนื่องในมหามงคลสมัยที่วันคล้ายวันพระราชสมภพในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๑ นี้
ในระยะเวลา ๔-๕ ปีมานี้ ราชอาณาจักรไทยได้เผชิญกับวิกฤตอันหนักหน่วงทั่วทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยนักการเมืองที่มีความมุ่งร้ายต่อประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดินเป็นมูลค่ามหาศาลยิ่งกว่ายุคใดในประวัติศาสตร์ของชาติ ด้วยวิธีการเข้าครองอำนาจรัฐ ควบคุมรัฐสภา แทรกแซงองค์กรอิสระ บั่นทอนกระบวนการยุติธรรม จ้วงจาบหยาบช้าและจัดตั้งเป็นขบวนการเพื่อทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับพสกนิกรของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต สถานการณ์หวุดหวิดใกล้ที่จะเกิดเป็นสงครามกลางเมือง ความดีและคุณธรรมถูกกดข่มเพื่อให้ยอมจำนนต่อความชั่วร้าย
แต่ทว่าประชาชาติไทยส่วนใหญ่ยังคงสืบสายเลือดและจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นชนชั้น ชนชาติ หรือนับถือศาสนาวัฒนธรรมใด ๆ และด้วยน้ำใจที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงจำเป็นต้องลุกขึ้นต่อสู้กับเหล่ามารอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ด้วยความเสียสละ ไม่ท้อถอยต่อความยากลำบาก ความร้อน ความหนาว และภัยอันตรายนานาชนิด
ประชาชาติไทยได้ตื่นตัวขึ้นรับรู้ความจริงครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ จึงได้เข้าร่วมการต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นจำนวนอย่างน้อย ๒๐ ล้านคนแล้ว และด้วยพลังวิริยะภาพของเหล่าพสกนิกรผู้จงรักภักดีย่อมทำให้เกิดความตื่นตัวขึ้นทั่วทุกอณูแห่งราชอาณาจักรนี้ในระยะอันไม่ไกลจากนี้แล้ว กระแสความรักชาติและความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ได้ลุกโชนโชติช่วงขึ้นในห้วงจิตใจของอาณาประชาราษฎร์ทั้งแผ่นดิน
**ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ได้ก่อเกิดเป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีธรรมในขอบเขตทั่วประเทศ และในทุกประเทศที่มีพสกนิกรของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพำนักอยู่ ตีโต้การสร้างกระแสผิด ๆ คือกระแสความสามัคคีสมานฉันท์ที่ไม่เป็นธรรมและเป็นมิจฉาทิฐิอย่างมีพลังยิ่ง ก่อสถานการณ์และบรรยากาศสามัคคีธรรมที่มีสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางอย่างกว้างขวางทั่วประเทศแล้ว
สามัคคีธรรมที่มีชาติและพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางเช่นนี้ ได้ก่อให้เกิดภราดรภาพที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในราชอาณาจักรนี้ พสกนิกรทุกชนชั้น ทุกชนชาติ ทุกศาสนา ทุกสาขาอาชีพ ได้กลายเป็นพี่น้องกัน ห่วงหาอาทรและเกื้อกูลกัน ปกป้องผองภัยให้แก่กัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันและกัน ถือเอาคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมเป็นที่ตั้ง
จึงเป็นที่หวังได้ว่าสถานการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยและทรงชี้ไว้ว่าเป็นสถานการณ์ที่วิกฤตที่สุดในโลก ตลอดจนความห่วงใยแห่งน้ำพระราชหฤทัยในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะได้รับการแก้ไขให้ฟื้นคืนดีอย่างถึงรากทั่วทั้งพระราชอาณาจักรในเวลาอันใกล้**
ความจริงและข้อมูลข่าวสารอันถูกต้องประดุจดังประทีปแห่งธรรม ทอแสงไปถึงไหนย่อมสว่างไปถึงนั่น ย่อมขจัดความหลงผิด ความเข้าใจผิด ความติดยึดผิดๆ และความแตกแยกร้าวฉาน และสร้างเอกภาพแห่งความรับรู้ ตลอดจนเอกภาพทางการปฏิบัติขึ้น นั่นคือสามัคคีธรรมและภราดรภาพอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติไทย
**ในเวลาบัดนี้ มีผู้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารโดยผ่านทางเอเอสทีวีกว่า ๑๕ ล้านคน และโดยผ่านทางเคเบิ้ลทีวีอีกกว่า ๑๐ ล้านคน ไม่นับรวมผู้ที่ได้รับทราบโดยผ่านอินเตอร์เน็ต วิทยุ และสื่ออื่นๆ อีก รวมแล้วกว่า ๒๕ ล้านคน ความตื่นตัวดังกล่าวนี้กำลังฟื้นคืนชีวิตทั้งสังคมเมืองและชนบทไทยที่โดดเดี่ยวมืดมนและเน่าเฟะให้กลับมาอบอุ่น เต็มไปด้วยความเอื้ออาทรและมีอนาคตอีกครั้งหนึ่ง จะเป็นภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งในการป้องกันความชั่วร้ายไม่ให้แพร่ขยายหรือเกิดขึ้นอีกต่อไป จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่แห่งสามัคคีธรรมที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยร่มเย็นเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง สมดังพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทสืบไป**
ในท่ามกลางความยากลำบากและอันตรายนานัปการ ผองข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณและพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมตลอดมา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่จะฝังซึ้งตรึงใจผองข้าพระพุทธเจ้าไปตลอดชีวิต
ยามใดแดดร้อนจ้า ท้องถนนร้อนระอุ ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ขอพึ่งพระบารมี วิงวอนขอต่อพระสุริยเทพให้ผ่อนแรงแสงอันกล้านั้นลง และยังจิตใจของผองข้าพระพุทธเจ้าให้ชุ่มฉ่ำดุจน้ำมนต์ ก็เป็นผลทุกครั้ง
ยามหนึ่ง ผองข้าพระพุทธเจ้ากำลังเดือดร้อนด้วยขาดแคลนน้ำดื่ม เป็นที่ทุกข์เวทนา ก็มีฝนทิพย์หลั่งลงจากฟากฟ้า ไม่เพียงแต่จะดับความกระหายด้วยน้ำทิพย์เท่านั้น แต่ทุกดวงใจยังปลื้มปีติเป็นล้นพ้นในน้ำพระราชหฤทัยแห่งพระมหากรุณาธิคุณ เป็นที่ซาบซึ้งตรึงใจไปตลอดกาลนาน
ยามใดฝนฟ้ากระหน่ำหนัก หรือฟ้าคำรนฝนคำราม ในขณะที่ผองข้าพระพุทธเจ้ากำลังชุมนุมกันอยู่ ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ขอพึ่งพระบารมี วิงวอนขอต่อพระวายุเทพและพระพิรุณเทพให้ช่วยพัดพาเมฆฝนให้ผ่านพ้นไป ก็เป็นผลทุกครั้ง ทำให้ผองข้าพระพุทธเจ้าสามารถปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน
ยามใดมีภยันตรายหมายสังหารผลาญชีวิต หรือมุ่งทำร้ายทำลายประชาชน ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ขอพึ่งพระบารมี วิงวอนต่อพระสยามเทวาธิราชได้แผ่บารมีปกป้องคุ้มครองผองภัยให้กับเหล่าแกนนำและพี่น้องประชาชนผู้จงรักภักดี ทำให้มีความปลอดภัยและภยันตรายใด ๆ ไม่กล้ำกรายตลอดมา
**พี่น้องที่เคารพ ต่อไปนี้ขอให้กล่าวตามผมอย่างพร้อมเพรียงกันดังนี้**
ผองข้าพระพุทธเจ้า รู้สึกและสัมผัส ได้อย่างชัดแจ้งว่า พระบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่แผ่มาปกปักรักษาอาณาประชาราษฎร์นั้น ทรงไว้ซึ่งอานุภาพและ พลานุภาพอย่างแท้จริง หลายครั้งมีความรู้สึกสัมผัสประหนึ่งว่าพระหัตถ์อันอบอุ่นและเปี่ยมด้วยพระเมตตาบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้แผ่มาปกปักรักษาและคุ้มครองผองภัยพสกนิกร ทำให้เกิดความปีติ ความอิ่มใจ ความอุ่นใจ และเต็มไปด้วยความศรัทธาเชื่อมั่น หนุนเร้าให้พลังแห่งความจงรักภักดีในจิตใจของแต่ละคนกล้าแกร่งและกล้ายืนหยัด ทำให้สัจธรรมที่ว่าธรรมย่อมชนะอธรรม ทอแสง ฉายแสง และแผ่ปกคลุมราชอาณาจักรแห่งนี้
**ด้วยสำนึกในพระเมตตาคุณ ในพระมหากรุณาธิคุณ และด้วยความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และพระบรมวงศานุวงศ์ ผองข้าพระพุทธเจ้าขอกราบถวายสัตย์ว่า จะพร้อมยอมพลีแม้ชีวิต เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะสั่งลูกสั่งหลานไปตลอดทุกชั่วคน ให้บำรุงน้ำใจสำนึกและจงรักภักดีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ มิให้คลอนแคลนเสื่อมคลายลงเป็นอันขาด จะพร้อมยอมพลีแม้ชีวิตเข้าต่อสู้กับอริราชศัตรูถวายเป็นราชพลีตลอดไป**
ด้วยอำนาจแห่งความสัตย์ดังกราบบังคมทูลมา ขอเหล่าเทพยดาเทพารักษ์ทั้งปวงที่บำรุงรักษาราชอาณาจักรนี้ มีพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง เจ้าพ่อหอกลอง ตลอดจนดวงพระวิญญาณแห่งอดีตสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งพระแม่ธรณี พระแม่คงคา ได้เป็นพยานแห่งสัตยาธิษฐานนี้ และช่วยกำกับบำรุงน้ำใจอาณาประชาราษฎร์ในยุคนี้และในยุคต่อๆ ไปตลอดกาลนาน ให้มีความมั่นคงจงรักภักดีในพระบรมราชจักรีวงศ์เป็นนิรันดร
ด้วยอำนาจแห่งสัตยาธิษฐานนี้ ขอคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนเทพยดาอารักษ์ทั้งปวงที่บำรุงรักษาพระราชอาณาจักรนี้ และที่บำรุงรักษาพระบรมราชจักรีวงศ์ได้ปกปักรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้ทรงปราศจากอุปัทวันตรายทั้งปวง สรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัยใด ๆ อย่าได้กล้ำกรายใกล้พระองค์เลย ขอจงทรงพระเจริญในจตุรพิธพรแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา สถิตอยู่คู่พระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎรทั้งปวงตลอดกาลนานเทอญ
**ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ"**
จากนั้น ผู้เข้าร่วมชุมนุมได้จุดเทียนชัยถวายพระพร พร้อมกับร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา ตามด้วยการจุดพลุไฟเฉลิมพระเกียรติ อย่างสวยงามตระการตา
ข้าพระพุทธเจ้า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะตัวแทนของประชาชนชาวไทยผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งที่ได้ชุมนุมกัน ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานคร ทั้งที่ได้ร่วมติดตามการชุมนุมในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ รวมทั้งที่พำนักอยู่ในต่างประเทศทั่วโลก ขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาสกราบบังคมทูลถวายพระพรเนื่องในมหามงคลสมัยที่วันคล้ายวันพระราชสมภพในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เวียนมาบรรจบครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๑ นี้
ในระยะเวลา ๔-๕ ปีมานี้ ราชอาณาจักรไทยได้เผชิญกับวิกฤตอันหนักหน่วงทั่วทุกด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม โดยนักการเมืองที่มีความมุ่งร้ายต่อประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดินเป็นมูลค่ามหาศาลยิ่งกว่ายุคใดในประวัติศาสตร์ของชาติ ด้วยวิธีการเข้าครองอำนาจรัฐ ควบคุมรัฐสภา แทรกแซงองค์กรอิสระ บั่นทอนกระบวนการยุติธรรม จ้วงจาบหยาบช้าและจัดตั้งเป็นขบวนการเพื่อทำลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับพสกนิกรของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต สถานการณ์หวุดหวิดใกล้ที่จะเกิดเป็นสงครามกลางเมือง ความดีและคุณธรรมถูกกดข่มเพื่อให้ยอมจำนนต่อความชั่วร้าย
แต่ทว่าประชาชาติไทยส่วนใหญ่ยังคงสืบสายเลือดและจิตวิญญาณของบรรพบุรุษ ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะเป็นชนชั้น ชนชาติ หรือนับถือศาสนาวัฒนธรรมใด ๆ และด้วยน้ำใจที่จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงจำเป็นต้องลุกขึ้นต่อสู้กับเหล่ามารอย่างกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ด้วยความเสียสละ ไม่ท้อถอยต่อความยากลำบาก ความร้อน ความหนาว และภัยอันตรายนานาชนิด
ประชาชาติไทยได้ตื่นตัวขึ้นรับรู้ความจริงครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ จึงได้เข้าร่วมการต่อสู้กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นจำนวนอย่างน้อย ๒๐ ล้านคนแล้ว และด้วยพลังวิริยะภาพของเหล่าพสกนิกรผู้จงรักภักดีย่อมทำให้เกิดความตื่นตัวขึ้นทั่วทุกอณูแห่งราชอาณาจักรนี้ในระยะอันไม่ไกลจากนี้แล้ว กระแสความรักชาติและความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ได้ลุกโชนโชติช่วงขึ้นในห้วงจิตใจของอาณาประชาราษฎร์ทั้งแผ่นดิน
**ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ได้ก่อเกิดเป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีธรรมในขอบเขตทั่วประเทศ และในทุกประเทศที่มีพสกนิกรของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทพำนักอยู่ ตีโต้การสร้างกระแสผิด ๆ คือกระแสความสามัคคีสมานฉันท์ที่ไม่เป็นธรรมและเป็นมิจฉาทิฐิอย่างมีพลังยิ่ง ก่อสถานการณ์และบรรยากาศสามัคคีธรรมที่มีสถาบันชาติและพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางอย่างกว้างขวางทั่วประเทศแล้ว
สามัคคีธรรมที่มีชาติและพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางเช่นนี้ ได้ก่อให้เกิดภราดรภาพที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในราชอาณาจักรนี้ พสกนิกรทุกชนชั้น ทุกชนชาติ ทุกศาสนา ทุกสาขาอาชีพ ได้กลายเป็นพี่น้องกัน ห่วงหาอาทรและเกื้อกูลกัน ปกป้องผองภัยให้แก่กัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันและกัน ถือเอาคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรมเป็นที่ตั้ง
จึงเป็นที่หวังได้ว่าสถานการณ์ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยและทรงชี้ไว้ว่าเป็นสถานการณ์ที่วิกฤตที่สุดในโลก ตลอดจนความห่วงใยแห่งน้ำพระราชหฤทัยในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจะได้รับการแก้ไขให้ฟื้นคืนดีอย่างถึงรากทั่วทั้งพระราชอาณาจักรในเวลาอันใกล้**
ความจริงและข้อมูลข่าวสารอันถูกต้องประดุจดังประทีปแห่งธรรม ทอแสงไปถึงไหนย่อมสว่างไปถึงนั่น ย่อมขจัดความหลงผิด ความเข้าใจผิด ความติดยึดผิดๆ และความแตกแยกร้าวฉาน และสร้างเอกภาพแห่งความรับรู้ ตลอดจนเอกภาพทางการปฏิบัติขึ้น นั่นคือสามัคคีธรรมและภราดรภาพอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติไทย
**ในเวลาบัดนี้ มีผู้ได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารโดยผ่านทางเอเอสทีวีกว่า ๑๕ ล้านคน และโดยผ่านทางเคเบิ้ลทีวีอีกกว่า ๑๐ ล้านคน ไม่นับรวมผู้ที่ได้รับทราบโดยผ่านอินเตอร์เน็ต วิทยุ และสื่ออื่นๆ อีก รวมแล้วกว่า ๒๕ ล้านคน ความตื่นตัวดังกล่าวนี้กำลังฟื้นคืนชีวิตทั้งสังคมเมืองและชนบทไทยที่โดดเดี่ยวมืดมนและเน่าเฟะให้กลับมาอบอุ่น เต็มไปด้วยความเอื้ออาทรและมีอนาคตอีกครั้งหนึ่ง จะเป็นภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งในการป้องกันความชั่วร้ายไม่ให้แพร่ขยายหรือเกิดขึ้นอีกต่อไป จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่แห่งสามัคคีธรรมที่จะทำให้ราชอาณาจักรไทยร่มเย็นเป็นสุขและเจริญรุ่งเรือง สมดังพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทสืบไป**
ในท่ามกลางความยากลำบากและอันตรายนานัปการ ผองข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณและพระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อมตลอดมา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่จะฝังซึ้งตรึงใจผองข้าพระพุทธเจ้าไปตลอดชีวิต
ยามใดแดดร้อนจ้า ท้องถนนร้อนระอุ ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ขอพึ่งพระบารมี วิงวอนขอต่อพระสุริยเทพให้ผ่อนแรงแสงอันกล้านั้นลง และยังจิตใจของผองข้าพระพุทธเจ้าให้ชุ่มฉ่ำดุจน้ำมนต์ ก็เป็นผลทุกครั้ง
ยามหนึ่ง ผองข้าพระพุทธเจ้ากำลังเดือดร้อนด้วยขาดแคลนน้ำดื่ม เป็นที่ทุกข์เวทนา ก็มีฝนทิพย์หลั่งลงจากฟากฟ้า ไม่เพียงแต่จะดับความกระหายด้วยน้ำทิพย์เท่านั้น แต่ทุกดวงใจยังปลื้มปีติเป็นล้นพ้นในน้ำพระราชหฤทัยแห่งพระมหากรุณาธิคุณ เป็นที่ซาบซึ้งตรึงใจไปตลอดกาลนาน
ยามใดฝนฟ้ากระหน่ำหนัก หรือฟ้าคำรนฝนคำราม ในขณะที่ผองข้าพระพุทธเจ้ากำลังชุมนุมกันอยู่ ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ขอพึ่งพระบารมี วิงวอนขอต่อพระวายุเทพและพระพิรุณเทพให้ช่วยพัดพาเมฆฝนให้ผ่านพ้นไป ก็เป็นผลทุกครั้ง ทำให้ผองข้าพระพุทธเจ้าสามารถปฏิบัติภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ของข้าแผ่นดินได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน
ยามใดมีภยันตรายหมายสังหารผลาญชีวิต หรือมุ่งทำร้ายทำลายประชาชน ข้าพระพุทธเจ้าก็ได้ขอพึ่งพระบารมี วิงวอนต่อพระสยามเทวาธิราชได้แผ่บารมีปกป้องคุ้มครองผองภัยให้กับเหล่าแกนนำและพี่น้องประชาชนผู้จงรักภักดี ทำให้มีความปลอดภัยและภยันตรายใด ๆ ไม่กล้ำกรายตลอดมา
**พี่น้องที่เคารพ ต่อไปนี้ขอให้กล่าวตามผมอย่างพร้อมเพรียงกันดังนี้**
ผองข้าพระพุทธเจ้า รู้สึกและสัมผัส ได้อย่างชัดแจ้งว่า พระบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่แผ่มาปกปักรักษาอาณาประชาราษฎร์นั้น ทรงไว้ซึ่งอานุภาพและ พลานุภาพอย่างแท้จริง หลายครั้งมีความรู้สึกสัมผัสประหนึ่งว่าพระหัตถ์อันอบอุ่นและเปี่ยมด้วยพระเมตตาบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้แผ่มาปกปักรักษาและคุ้มครองผองภัยพสกนิกร ทำให้เกิดความปีติ ความอิ่มใจ ความอุ่นใจ และเต็มไปด้วยความศรัทธาเชื่อมั่น หนุนเร้าให้พลังแห่งความจงรักภักดีในจิตใจของแต่ละคนกล้าแกร่งและกล้ายืนหยัด ทำให้สัจธรรมที่ว่าธรรมย่อมชนะอธรรม ทอแสง ฉายแสง และแผ่ปกคลุมราชอาณาจักรแห่งนี้
**ด้วยสำนึกในพระเมตตาคุณ ในพระมหากรุณาธิคุณ และด้วยความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และพระบรมวงศานุวงศ์ ผองข้าพระพุทธเจ้าขอกราบถวายสัตย์ว่า จะพร้อมยอมพลีแม้ชีวิต เพื่อพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และจะสั่งลูกสั่งหลานไปตลอดทุกชั่วคน ให้บำรุงน้ำใจสำนึกและจงรักภักดีต่อพระบรมราชจักรีวงศ์ มิให้คลอนแคลนเสื่อมคลายลงเป็นอันขาด จะพร้อมยอมพลีแม้ชีวิตเข้าต่อสู้กับอริราชศัตรูถวายเป็นราชพลีตลอดไป**
ด้วยอำนาจแห่งความสัตย์ดังกราบบังคมทูลมา ขอเหล่าเทพยดาเทพารักษ์ทั้งปวงที่บำรุงรักษาราชอาณาจักรนี้ มีพระสยามเทวาธิราช พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง เจ้าพ่อหอกลอง ตลอดจนดวงพระวิญญาณแห่งอดีตสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งพระแม่ธรณี พระแม่คงคา ได้เป็นพยานแห่งสัตยาธิษฐานนี้ และช่วยกำกับบำรุงน้ำใจอาณาประชาราษฎร์ในยุคนี้และในยุคต่อๆ ไปตลอดกาลนาน ให้มีความมั่นคงจงรักภักดีในพระบรมราชจักรีวงศ์เป็นนิรันดร
ด้วยอำนาจแห่งสัตยาธิษฐานนี้ ขอคุณพระศรีรัตนตรัย ตลอดจนเทพยดาอารักษ์ทั้งปวงที่บำรุงรักษาพระราชอาณาจักรนี้ และที่บำรุงรักษาพระบรมราชจักรีวงศ์ได้ปกปักรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้ทรงปราศจากอุปัทวันตรายทั้งปวง สรรพทุกข์ สรรพโศก สรรพโรค สรรพภัยใด ๆ อย่าได้กล้ำกรายใกล้พระองค์เลย ขอจงทรงพระเจริญในจตุรพิธพรแห่งองค์สมเด็จพระบรมศาสดา สถิตอยู่คู่พระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นมิ่งขวัญปกเกล้าปกกระหม่อมอาณาประชาราษฎรทั้งปวงตลอดกาลนานเทอญ
**ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ
ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ"**
จากนั้น ผู้เข้าร่วมชุมนุมได้จุดเทียนชัยถวายพระพร พร้อมกับร่วมกันร้องเพลงสดุดีมหาราชา ตามด้วยการจุดพลุไฟเฉลิมพระเกียรติ อย่างสวยงามตระการตา