นายกรัฐมนตรีส่งสารวันเด็กแห่งชาติถึงเด็กทั่วประเทศ ขอให้ยึดมั่นและเจริญรอยตามเบื้องพระบุคลบาท “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” และ “สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ” ในการใช้ชีวิต พร้อมแนะเด็กและเยาวชนจำเป็นจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่จะสามารถรับมือกับภัยคุกคามจากโลกยุคโลกาภิวัตน์ ด้าน “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระพรขอให้เด็กทุกคนทำแต่ความดี เพื่อตอบแทนพระคุณผู้ให้กำเนิด สธ.เตือนเที่ยววันเด็กระวัง 2 โรคร้าย “อาหารเห็นพิษ-ทางเดินหายใจ”
วานนี้ (11 ม.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบโล่รางวัลและของที่ระลึกแก่เด็กและเยาวชนดีเด่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ จำนวน 680 คน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ 12 ม.ค.นี้
พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวให้โอวาทแก่เยาวชนที่มาร่วมงานว่า ขอแสดงความยินดีในความสำเร็จจนได้รับการยกย่องให้เป็นเด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการประพฤติตน ประกอบคุณงามความดี การรู้จักหน้าที่ของตนเอง ขยันหมั่นเพียรในการศึกษาหาความรู้ และฝึกฝนปฏิบัติตนจนเป็นที่ประจักษ์
อย่างไรก็ตาม สภาพสังคมในปัจจุบันได้วิวัฒน์และได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้เกิดค่านิยมในการบริโภคที่เกินความจำเป็น และเกิดความเสื่อมโทรมทางด้านสังคมและจิตใจจนส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนในหลายๆ ด้านทั้งทางตรง และทางอ้อม ดังนั้น เด็กและเยาวชนจำเป็นจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่จะสามารถรับมือกับภัยคุกคามทุกชนิดอย่างรู้เท่าทันและปลอดภัย
นายกฯ ให้เดินตามรอยในหลวง-ราชินี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(11 ม.ค.) สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกสารพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาส ็วันเด็กแห่งชาติิ ประจำปี 51 ความว่า ผมขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังเด็ก ๆ ทุกคน และขอให้ถือว่าวันเด็กแห่งชาติปีนี้เป็นช่วงเวลาอันดีที่ทุกคนจะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ดี ๆ ตามที่มุ่งมั่นตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปี เพราะการเริ่มต้นที่ดีนั้นเท่ากับประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“ผมมีความเชื่อมั่นว่าคนไทยไม่ว่าเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างก็อยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมอันดีงาม มีความรัก ความผูกพันอันแน่นแฟ้นในทุก ๆ ระดับ เป็นสังคมที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย และช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาน้อยใหญ่ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริง ก็ด้วยการกระทำของทุกคนและด้วยการปลูกฝังทั้งด้านความคิดและการกระทำให้แก่เด็ก โดยเริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้และทำต่อเนื่องกันไปจนเกิดเป็นคุณค่าของสังคม”
ผู้ใหญ่จะต้องให้ความรักและความเอาใจใส่ต่อเด็กและเยาวชนให้มากขึ้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนเติบโตขึ้นด้วยความมั่นใจ มีชีวิตอยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่ น่าอาศัยและมีความมั่นคงปลอดภัย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างให้เกิดขึ้นจึงจะนำไปสู่เป้าหมายที่เป็นจริงได้
สังคมไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ โดยทุกพระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ทรงมีความมุ่งมั่นที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์โดยถ้วนหน้า หากเราคนไทยทั้งที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่ต่างยึดมั่นและเจริญรอยตามเบื้องพระบุคลบาทดังกล่าวแล้ว ก็จะยังความอุดมสมบูรณ์ไพศาลมาสู่ทั่วผืนแผ่นดินไทย
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่าวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ผมได้ให้คำขวัญว่า “สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม” เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลในการสร้างสังคมที่มีวัฒนธรรมอันดีงามยิ่งขึ้นไป เพราะความสามัคคี ความมีวินัย การใฝ่เรียนรู้และการเชิดชูคุณธรรม คือสิ่งสำคัญที่จะนำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จและความก้าวหน้าตามที่ทุกคนปรารถนา
“ผมในนามของคณะรัฐมนตรีและผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนไทยในทุกภาคส่วน มีความตั้งใจและยินดีที่จะทำในสิ่งที่ดี ๆ และมีคุณประโยชน์ให้แก่เด็ก ๆ และเยาวชนอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเด็กไทยให้มีคุณธรรมนำความรู้ ควบคู่กับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความรับผิดชอบในทุก ๆ ด้าน ผมจึงขอเชิญชวนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ตลอดจนผู้ใหญ่ในสังคมทุกคนช่วยกันดูแลเอาใจใส่เด็กและเยาวชนของเรา ให้เจริญงอกงามเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีพลังและความเข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้นไป”
ในโอกาสนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจศักดิ์สิทธิ์ในสากล อีกทั้งพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้เด็กและเยาวชนไทย ตลอดจนผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนทุกคน จงประสบแต่สรรพสิ่งมิ่งมงคลและสัมฤทธิผลในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการตลอดไป ขอให้เจริญด้วยสติปัญญาและพลานามัย รวมทั้งมีชีวิตที่สดใสและประสบความสำเร็จตลอดไป
สมเด็จพระสังฆราชขอให้ทำความดี
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระพรวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2551 ความว่า ในวันเด็กแห่งชาติ 12 ม.ค. พ.ศ. 2551 เมื่อมาถึงวันเด็กแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นวันเป็นศรีเป็นมงคลแก่จิตใจเด็กไทยทั้งหลาย เพราะวันนี้คือ ็วันเด็กแห่งชาติิ เด็กจะได้รับความรู้สึกพิเศษในจิตใจ ไม่เพียงโอกาสพิเศษที่จะได้รับความสนุกสนานสำราญใจนานาประการ แต่จะได้รับสิ่งที่ควรถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งของชีวิตคือพร
เมื่อมาถึงวันเด็ก ผู้ใหญ่ทั้งหลายจะพากันให้ศีลให้พรลูกหลานที่เข้าไปกราบไหว้แสดงความเคารพ เด็กน่าจะไม่เพียงสักแต่รับพรส่งเดชไป โดยไม่คิดให้เห็นค่าจริงจังของพรที่ได้รับ ต้องมีเด็กที่เห็นความมีคุณของพรที่ได้ยินจากเสียงผู้ใหญ่ ย่อมนอบน้อมรับพรด้วยความจริงใจแม้ตามประสาเด็ก และการรับพรด้วยความรู้สึกจริงใจ จะเป็นไปในความรู้สึกของผู้ใหญ่หรือของเด็กก็ตาม ย่อมมีผลเป็นมงคล อันพรนั้นเกิดจากใจจริงของผู้ให้ย่อมมีผลงดงามแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้รับ รับด้วยความจริงใจ
พรที่ผู้ใหญ่ให้เด็กด้วยความปรารถนาดีจริงใจ คือ เด็กจงเห็นความสำคัญอย่างยิ่งของมารดาบิดา จงมุ่งมั่นตอบสนองพระเดชพระคุณของท่าน ด้วยการพยายามทำความดีให้สุดความสามารถให้เป็นที่ปรากฏประจักษ์จริงใจในความรู้สึกของตนเอง ซึ่งแน่นอนจะต้องปรากฏประจักษ์ในความรู้สึกของท่านผู้เป็นมารดาบิดา ด้วยเช่นเดียวกัน เพียงเท่านี้ก็น่าจะเข้าใจได้แล้ว ว่าเมื่อบุตรธิดาทำความดี ผู้เป็นมารดาบิดาย่อมยินดียิ่งกว่าตอบแทนด้วยวิธีอื่นใด
วันเด็กในปีนี้ ขอเด็กทุกคนจงตั้งใจให้มั่นว่าจะทำแต่ความดี ไม่ทำความไม่ดีเพื่อตอบแทนพระคุณพ้นประมาณของท่านผู้ให้กำเนิด จงตั้งใจและจงทำให้ได้ ชีวิตทุกคนจะร่มเย็นเป็นสุข บ้านเมืองจะไกลทุกข์ไกลร้อน พ้นสภาพที่น่ากลัวในทุกวันนี้ได้ด้วยพลังความดีของเด็กแน่นอน
“อภิรักษ”ให้เด็กขยัน-ประหยัด-ซื่อสัตย์
วันเดียวกันนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำคณะครูและนักเรียน โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 200 คน ร่วมยืนถวายอาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จากนั้นได้มอบโอวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2551 โดยเน้นย้ำให้ เยาวชน ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่เพราะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศจึงขอให้เด็ก กทม. ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ รักความเป็นไทย ใช้ชีวิตพอเพียง ตามคำขวัญในปีนี้ พร้อมมอบเกียรติบัตรให้นักเรียนที่ชนะการเขียนจดหมายเปิดผนึก ในโครงการส่งเสริมใช้สิทธิ์เลือกตั้งและต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง จากนั้นได้มอบกระเป๋าและเครื่องเขียนให้กับนักเรียนทุกคน เป็นของขวัญวันเด็ก
ย้ำย้ายจากสนามเสือป่ามาจัดที่ ศธ.
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2551 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 มกราคม 2551 ว่า ขอย้ำว่าได้ย้ายสถานที่จัดงานจากสนามเสือป่ามาจัดที่กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมเพิ่มกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ขณะที่กิจกรรมอื่นๆ ก็เปิดให้เด็กๆ ได้พัฒนาศักยภาพเพิ่มความรู้มากมาย เช่น ฝึกการจราจร วาดภาพศิลปะ กิจกรรมชมภาพยนตร์ นิทรรศการ 108 เต็นท์ซึ่งทุกเต็นท์จะมีของขวัญ และกิจกรรมเสริมสร้างสติปัญญานักเรียน พร้อมเปิดชมวังจันทรเกษม เข้าชมอาคารราชวัลลภ ห้องทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและเปิดโอกาสให้เด็กนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีได้ กิจกรรมที่ปรับเป็นพัฒนาศักยภาพเพิ่มความรู้
ทั้งนี้ การจัดงานจะใช้สถานที่ภายในทั้งหมดของศธ. ซึ่งคาดว่าจะรองรับเด็กที่จะมาร่วมงานได้ 50,000 คน และหมุนเวียนเข้า-ออกได้ถึง 100,000 คน
เตือนเที่ยววันเด็กระวัง 2 โรคร้าย
นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เนื่องในวันเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองมักจะพาบุตรหลานของตนเองไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ที่ทั้งภาคราชการและเอกชนจัดไว้ แต่เนื่องจากสถานที่เหล่านี้มีความแออัด อาจเป็นแหล่งที่ก่อเกิดโรคต่างๆ ได้ ซึ่งโรคที่สร้างความวิตกกังวล มี 2 โรค คือ โรคทางเดินหายใจ และโรคอุจจาระร่วงและโรคอาหารเป็นพิษ
สำหรับโรคทางเดินหายใจขอให้ผู้ปกครองระมัดระวังอย่าพาเด็กไปใกล้ชิดผู้ที่เป็นหวัด ผู้ที่ไอ จาม หมั่นล้างมือถ้ามีโอกาสเพราะเชื้อโรคมักจะเกาะอยู่ตามราวบันได มือจับประตูหรือราวเกาะต่างๆ หรือที่ต่างๆ ที่มีประชาชนสัมผัสมากๆ และถ้าผู้ป่วยเป็นหวัดอยากไปเที่ยวงานวันเด็กขอแนะนำให้ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น
ส่วนโรคอุจจาระร่วงและโรคอาหารเป็นพิษ ในการจัดเลี้ยงงานวันเด็ก อาหารต้องสะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ ควรสังเกตวันหมดอายุของขนมต่างๆ ขนมต่างๆ และน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญควรมีการจัดเตรียมที่ล้างมือให้เด็กก่อนรับประทานอาหาร
วานนี้ (11 ม.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการมอบโล่รางวัลและของที่ระลึกแก่เด็กและเยาวชนดีเด่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ จำนวน 680 คน เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ 12 ม.ค.นี้
พล.อ.สุรยุทธ์กล่าวให้โอวาทแก่เยาวชนที่มาร่วมงานว่า ขอแสดงความยินดีในความสำเร็จจนได้รับการยกย่องให้เป็นเด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการประพฤติตน ประกอบคุณงามความดี การรู้จักหน้าที่ของตนเอง ขยันหมั่นเพียรในการศึกษาหาความรู้ และฝึกฝนปฏิบัติตนจนเป็นที่ประจักษ์
อย่างไรก็ตาม สภาพสังคมในปัจจุบันได้วิวัฒน์และได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วทำให้เกิดค่านิยมในการบริโภคที่เกินความจำเป็น และเกิดความเสื่อมโทรมทางด้านสังคมและจิตใจจนส่งผลกระทบต่อเด็กและเยาวชนในหลายๆ ด้านทั้งทางตรง และทางอ้อม ดังนั้น เด็กและเยาวชนจำเป็นจะต้องมีภูมิคุ้มกันที่จะสามารถรับมือกับภัยคุกคามทุกชนิดอย่างรู้เท่าทันและปลอดภัย
นายกฯ ให้เดินตามรอยในหลวง-ราชินี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(11 ม.ค.) สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกสารพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาส ็วันเด็กแห่งชาติิ ประจำปี 51 ความว่า ผมขอส่งความระลึกถึงและความปรารถนาดีมายังเด็ก ๆ ทุกคน และขอให้ถือว่าวันเด็กแห่งชาติปีนี้เป็นช่วงเวลาอันดีที่ทุกคนจะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ ดี ๆ ตามที่มุ่งมั่นตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้นปี เพราะการเริ่มต้นที่ดีนั้นเท่ากับประสบความสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“ผมมีความเชื่อมั่นว่าคนไทยไม่ว่าเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ต่างก็อยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมอันดีงาม มีความรัก ความผูกพันอันแน่นแฟ้นในทุก ๆ ระดับ เป็นสังคมที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย และช่วยกันฝ่าฟันอุปสรรคและปัญหาน้อยใหญ่ด้วยความร่วมมือ ร่วมใจกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จริง ก็ด้วยการกระทำของทุกคนและด้วยการปลูกฝังทั้งด้านความคิดและการกระทำให้แก่เด็ก โดยเริ่มต้นกันตั้งแต่วันนี้และทำต่อเนื่องกันไปจนเกิดเป็นคุณค่าของสังคม”
ผู้ใหญ่จะต้องให้ความรักและความเอาใจใส่ต่อเด็กและเยาวชนให้มากขึ้น เพื่อให้เด็กและเยาวชนเติบโตขึ้นด้วยความมั่นใจ มีชีวิตอยู่ในสังคมและสิ่งแวดล้อมที่น่าอยู่ น่าอาศัยและมีความมั่นคงปลอดภัย สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างให้เกิดขึ้นจึงจะนำไปสู่เป้าหมายที่เป็นจริงได้
สังคมไทยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นศูนย์รวมแห่งจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ โดยทุกพระองค์ได้ทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ทรงมีความมุ่งมั่นที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้แก่อาณาประชาราษฎร์โดยถ้วนหน้า หากเราคนไทยทั้งที่เป็นเด็กและผู้ใหญ่ต่างยึดมั่นและเจริญรอยตามเบื้องพระบุคลบาทดังกล่าวแล้ว ก็จะยังความอุดมสมบูรณ์ไพศาลมาสู่ทั่วผืนแผ่นดินไทย
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวว่าวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ผมได้ให้คำขวัญว่า “สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม” เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้นำไปประพฤติปฏิบัติ เพื่อให้เกิดผลในการสร้างสังคมที่มีวัฒนธรรมอันดีงามยิ่งขึ้นไป เพราะความสามัคคี ความมีวินัย การใฝ่เรียนรู้และการเชิดชูคุณธรรม คือสิ่งสำคัญที่จะนำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จและความก้าวหน้าตามที่ทุกคนปรารถนา
“ผมในนามของคณะรัฐมนตรีและผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนไทยในทุกภาคส่วน มีความตั้งใจและยินดีที่จะทำในสิ่งที่ดี ๆ และมีคุณประโยชน์ให้แก่เด็ก ๆ และเยาวชนอย่างเต็มที่ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาเด็กไทยให้มีคุณธรรมนำความรู้ ควบคู่กับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความรับผิดชอบในทุก ๆ ด้าน ผมจึงขอเชิญชวนพ่อแม่ ผู้ปกครอง ตลอดจนผู้ใหญ่ในสังคมทุกคนช่วยกันดูแลเอาใจใส่เด็กและเยาวชนของเรา ให้เจริญงอกงามเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีพลังและความเข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้นไป”
ในโอกาสนี้ ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและอำนาจศักดิ์สิทธิ์ในสากล อีกทั้งพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ โปรดดลบันดาลพระราชทานพรให้เด็กและเยาวชนไทย ตลอดจนผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชนทุกคน จงประสบแต่สรรพสิ่งมิ่งมงคลและสัมฤทธิผลในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการตลอดไป ขอให้เจริญด้วยสติปัญญาและพลานามัย รวมทั้งมีชีวิตที่สดใสและประสบความสำเร็จตลอดไป
สมเด็จพระสังฆราชขอให้ทำความดี
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระพรวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2551 ความว่า ในวันเด็กแห่งชาติ 12 ม.ค. พ.ศ. 2551 เมื่อมาถึงวันเด็กแห่งชาติอีกครั้งหนึ่ง ก็เท่ากับเป็นวันเป็นศรีเป็นมงคลแก่จิตใจเด็กไทยทั้งหลาย เพราะวันนี้คือ ็วันเด็กแห่งชาติิ เด็กจะได้รับความรู้สึกพิเศษในจิตใจ ไม่เพียงโอกาสพิเศษที่จะได้รับความสนุกสนานสำราญใจนานาประการ แต่จะได้รับสิ่งที่ควรถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งของชีวิตคือพร
เมื่อมาถึงวันเด็ก ผู้ใหญ่ทั้งหลายจะพากันให้ศีลให้พรลูกหลานที่เข้าไปกราบไหว้แสดงความเคารพ เด็กน่าจะไม่เพียงสักแต่รับพรส่งเดชไป โดยไม่คิดให้เห็นค่าจริงจังของพรที่ได้รับ ต้องมีเด็กที่เห็นความมีคุณของพรที่ได้ยินจากเสียงผู้ใหญ่ ย่อมนอบน้อมรับพรด้วยความจริงใจแม้ตามประสาเด็ก และการรับพรด้วยความรู้สึกจริงใจ จะเป็นไปในความรู้สึกของผู้ใหญ่หรือของเด็กก็ตาม ย่อมมีผลเป็นมงคล อันพรนั้นเกิดจากใจจริงของผู้ให้ย่อมมีผลงดงามแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้รับ รับด้วยความจริงใจ
พรที่ผู้ใหญ่ให้เด็กด้วยความปรารถนาดีจริงใจ คือ เด็กจงเห็นความสำคัญอย่างยิ่งของมารดาบิดา จงมุ่งมั่นตอบสนองพระเดชพระคุณของท่าน ด้วยการพยายามทำความดีให้สุดความสามารถให้เป็นที่ปรากฏประจักษ์จริงใจในความรู้สึกของตนเอง ซึ่งแน่นอนจะต้องปรากฏประจักษ์ในความรู้สึกของท่านผู้เป็นมารดาบิดา ด้วยเช่นเดียวกัน เพียงเท่านี้ก็น่าจะเข้าใจได้แล้ว ว่าเมื่อบุตรธิดาทำความดี ผู้เป็นมารดาบิดาย่อมยินดียิ่งกว่าตอบแทนด้วยวิธีอื่นใด
วันเด็กในปีนี้ ขอเด็กทุกคนจงตั้งใจให้มั่นว่าจะทำแต่ความดี ไม่ทำความไม่ดีเพื่อตอบแทนพระคุณพ้นประมาณของท่านผู้ให้กำเนิด จงตั้งใจและจงทำให้ได้ ชีวิตทุกคนจะร่มเย็นเป็นสุข บ้านเมืองจะไกลทุกข์ไกลร้อน พ้นสภาพที่น่ากลัวในทุกวันนี้ได้ด้วยพลังความดีของเด็กแน่นอน
“อภิรักษ”ให้เด็กขยัน-ประหยัด-ซื่อสัตย์
วันเดียวกันนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นำคณะครูและนักเรียน โรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร 200 คน ร่วมยืนถวายอาลัยแด่ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ จากนั้นได้มอบโอวาท เนื่องในวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2551 โดยเน้นย้ำให้ เยาวชน ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่เพราะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศจึงขอให้เด็ก กทม. ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ รักความเป็นไทย ใช้ชีวิตพอเพียง ตามคำขวัญในปีนี้ พร้อมมอบเกียรติบัตรให้นักเรียนที่ชนะการเขียนจดหมายเปิดผนึก ในโครงการส่งเสริมใช้สิทธิ์เลือกตั้งและต่อต้านการซื้อสิทธิ์ขายเสียง จากนั้นได้มอบกระเป๋าและเครื่องเขียนให้กับนักเรียนทุกคน เป็นของขวัญวันเด็ก
ย้ำย้ายจากสนามเสือป่ามาจัดที่ ศธ.
นางจรวยพร ธรณินทร์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยถึงงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2551 ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 12 มกราคม 2551 ว่า ขอย้ำว่าได้ย้ายสถานที่จัดงานจากสนามเสือป่ามาจัดที่กระทรวงศึกษาธิการ พร้อมเพิ่มกิจกรรมเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ ขณะที่กิจกรรมอื่นๆ ก็เปิดให้เด็กๆ ได้พัฒนาศักยภาพเพิ่มความรู้มากมาย เช่น ฝึกการจราจร วาดภาพศิลปะ กิจกรรมชมภาพยนตร์ นิทรรศการ 108 เต็นท์ซึ่งทุกเต็นท์จะมีของขวัญ และกิจกรรมเสริมสร้างสติปัญญานักเรียน พร้อมเปิดชมวังจันทรเกษม เข้าชมอาคารราชวัลลภ ห้องทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและเปิดโอกาสให้เด็กนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีได้ กิจกรรมที่ปรับเป็นพัฒนาศักยภาพเพิ่มความรู้
ทั้งนี้ การจัดงานจะใช้สถานที่ภายในทั้งหมดของศธ. ซึ่งคาดว่าจะรองรับเด็กที่จะมาร่วมงานได้ 50,000 คน และหมุนเวียนเข้า-ออกได้ถึง 100,000 คน
เตือนเที่ยววันเด็กระวัง 2 โรคร้าย
นพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เนื่องในวันเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองมักจะพาบุตรหลานของตนเองไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ที่ทั้งภาคราชการและเอกชนจัดไว้ แต่เนื่องจากสถานที่เหล่านี้มีความแออัด อาจเป็นแหล่งที่ก่อเกิดโรคต่างๆ ได้ ซึ่งโรคที่สร้างความวิตกกังวล มี 2 โรค คือ โรคทางเดินหายใจ และโรคอุจจาระร่วงและโรคอาหารเป็นพิษ
สำหรับโรคทางเดินหายใจขอให้ผู้ปกครองระมัดระวังอย่าพาเด็กไปใกล้ชิดผู้ที่เป็นหวัด ผู้ที่ไอ จาม หมั่นล้างมือถ้ามีโอกาสเพราะเชื้อโรคมักจะเกาะอยู่ตามราวบันได มือจับประตูหรือราวเกาะต่างๆ หรือที่ต่างๆ ที่มีประชาชนสัมผัสมากๆ และถ้าผู้ป่วยเป็นหวัดอยากไปเที่ยวงานวันเด็กขอแนะนำให้ใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่น
ส่วนโรคอุจจาระร่วงและโรคอาหารเป็นพิษ ในการจัดเลี้ยงงานวันเด็ก อาหารต้องสะอาด ปรุงสุกใหม่ๆ ควรสังเกตวันหมดอายุของขนมต่างๆ ขนมต่างๆ และน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญควรมีการจัดเตรียมที่ล้างมือให้เด็กก่อนรับประทานอาหาร