ถึงแม้จะเป็น “นักวิชาการเสื้อแดง” เครือๆ กัน แต่ในความเป็นจริง “เกษียร” กับ “สมศักดิ์” ออกอาการแหม่งๆ ใส่กันมานานนมแล้ว อย่าว่าแต่ในข้อเขียน กระทั่งในวงน้ำชากาแฟว่ากันว่าถ้าใครเผลอเมื่อไร อีกฝ่ายจะ “เหวี่ยง” ใส่ผ่านหูของมิตรสหายอย่างไม่ยั้ง
ตราบกระทั่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สติของปัญญาชน (ที่ตนเองตั้งให้แก่ตัวเอง) ก็แตกดังโพละ เมื่อสมศักดิ์ซัดเปรี้ยงเข้าที่ก้านสมองของเกษียร จากนั้นสังเวียนของสองปัญญาชนปนยาชันก็ระเบิดศึกขึ้นทันที คุณทุบผม ผมกัดหูคุณ คุณบีบหำผม ผมดีดติ่งปากคุณ ท่ามกลางกองเชียร์คอยกดแป้นคอมพิวเตอร์ลุ้นอย่างถึงเครื่องแกง
นี่เป็นครั้งแรกที่สื่อสมองขี้เลื่อยอย่างผู้จัดกวน ได้รับการอนุญาตจากเกษียร นักวิชาการที่ “สมศักดิ์” ยกตำแหน่ง “ปัญญาชนไร้กระดูกสันหลัง” ให้อย่างจั๋งหนับ
“โห! เอาขั้นงั้นเลยเรอะครับจาน” บักแหลมตาเหลือก ชี้มือสั่นระริกไปที่รูปภาพของสมศักดิ์ที่ติดหราไว้ในห้องทำงาน
“มันยังน้อยไป เหม่...มีอย่างที่ไหนมาด่ากันได้ หาว่าผมเป็น ชะอุ้บ!” เกษียรรีบยกมืออุบปากตัวเองแทบไม่ทัน
“ฟังมาว่าจานกะจานสมศักดิ์ชิงร้อยชิงล้านกันมาตลอด” บักแหลมถามนำ
“ชิงดีชิงเด่นครับ แหม ทำเป็นปล่อยมุก ก็ธรรมดานะครับ ปัญญาชนอย่างพวกผมเอาเข้าจริงก็กิเลสอัตตาหนาเตอะ ยกเว้นอาจารย์สุวินัย เขียนอะไรในก็แหลมคม”
“ชะ...อ้าว” บักแหลมตาเหลือก “แล้วคนอื่นล่ะครับ แบบว่า อืมม์ คนที่ไม่ได้เป็นนักวิชาการ”
“ผมชอบคุณไพวรินทร์ ขาวงามนะ กวีซีไรต์ เขาเป็นคนที่คิด และเข้าใจในนามธรรมอย่างทะลุปรุโปร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทกวีชิ้นที่ชื่อเจ็ดล้านเจ็ด เด็ดสะระตี๋มั่กๆ”
“จานครับ จะยูเทิร์นกลับไปเขียนบทความใน...”
“จุ๊ๆๆๆ ขอร้องล่ะบักแหลม อย่าเอ่ยถึงชื่อที่เสนียดหูผมอีก”
“ฮึ่ยยย ไม่ถึงขนาดนั้นมั้งจาน อะไรจะฝังหุ่นปานนั้น เอ้อ! จาน ที่ว่าจานสมศักดิ์ร้องไห้สั่งขี้มูกปู้ดๆ กับนักข่าวต่างชาติน่ะจริงป่ะ”
“อย่าเอ็ดไปนะบักแหลม ความจริงหัวโตไม่ได้ร้องไห้ตอนที่รู้ว่าจะโดนคดี 112” เกษียรป้องปากกระซิบ แล้วต่อว่า “แต่ขี้แตกเต็มกุงเกงเลยเชียวแหละ มันถึงกล้าท้าเหย็งๆ ไง ไม่ได้ร้องไห้ ขี้แตกอย่างเดียว 555”