ประเด็นฟอกเงิน–คริปโตฯ กลับมาร้อนอีกครั้ง หลังคลิปวิเคราะห์ “พ่อเลี้ยงเจ” ตั้งคำถามต่อความโปร่งใสของแพลตฟอร์มไทย ชี้สัดส่วนเทรด USDT พุ่งผิดปกติ 51% จี้รัฐเร่งตรวจสอบ ป้องกันระบบการเงินถูกใช้เป็นช่องทางผิดกฎหมาย
วันนี้ (18 ธ.ค.) เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์ หลังช่อง YouTube ชื่อดัง “พ่อเลี้ยงเจจากดาวอังคาร” เผยแพร่วิดีโอวิเคราะห์ ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติของสัดส่วนการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีในแพลตฟอร์มไทย โดยเฉพาะ Bitkub ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ และอาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทที่แข็งค่าผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา
“พ่อเลี้ยงเจ” ตั้งคำถามตั้งแต่นาทีแรกของวิดีโอว่า หน่วยงานกำกับดูแลอย่าง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สำนักงาน ก.ล.ต. ควรเข้าตรวจสอบธุรกรรมในตลาดคริปโตไทยอย่างจริงจังหรือไม่ หลังพบความเคลื่อนไหวที่ไม่สอดคล้องกับภาพรวมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่แข็งค่าจากระดับราว 37 บาทต่อดอลลาร์ มาอยู่ใกล้ 30 บาท ทั้งที่เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะซบเซา
“พ่อเลี้ยงเจ” อ้างว่า ไทยอาจกำลังกลายเป็น ศูนย์กลางการฟอกเงินของกลุ่มสแกมเมอร์จากประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านหลายช่องทาง ทั้งอสังหาริมทรัพย์ ทองคำ และคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะการใช้ Stable Coin อย่าง USDT ซึ่งผูกมูลค่ากับเงินดอลลาร์ และนิยมใช้เป็นตัวกลางในการเคลื่อนย้ายเงิน เนื่องจากมีความผันผวนต่ำ
หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือ สัดส่วนการเทรด USDT ของ Bitkub ซึ่งถูกนำมาเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Binance และ Bybit ที่มีสัดส่วนการเทรด USDT เฉลี่ยเพียง 5–8% ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด ขณะที่ Bitkub ถูกอ้างว่ามีสัดส่วนการเทรด USDT สูงถึง 51% หรือมากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดโลกเกือบ 10 เท่า
ผู้ดำเนินรายการตั้งข้อสังเกตว่า กลไกการฟอกเงินผ่านคริปโตสามารถทำได้ง่าย หากแพลตฟอร์มเป็นผู้อนุมัติธุรกรรม และหากผู้บริหารหรือผู้เกี่ยวข้องรู้เห็นเป็นใจ อาจเปิดช่องให้มีการหมุนเวียนเงินผิดกฎหมายได้ โดยเฉพาะในบริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และมีการเปิดเผยข้อมูลจำกัด
นอกจากนี้ ยังอ้างถึงกรณีพบ ป้ายโฆษณารับแลก USDT เป็นเงินสดตามเสาไฟฟ้า ซึ่งมีข้อความภาษาจีน พร้อมตั้งข้อสงสัยว่ามีกลุ่ม “จีนเทา” อยู่เบื้องหลัง และอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ความต้องการเงินบาทเพิ่มสูง จนค่าเงินแข็งค่าผิดธรรมชาติ
ช่วงท้ายของวิดีโอมีการย้อนถึงกรณี SCB เคยอยู่ระหว่างการเข้าซื้อกิจการ Bitkub รวมถึงการออกเหรียญ KUB Coin ที่เคยมีมูลค่าพุ่งสูง ก่อนจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง พร้อมแสดงความเห็นว่า การที่ดีลดังกล่าวไม่เกิดขึ้น อาจเป็นผลดีต่อ SCB ในระยะยาว
“พ่อเลี้ยงเจ” ยังตั้งคำถามถึง ความโปร่งใสของ Bitkub โดยสงสัยว่าทำไมจึงไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น แต่กลับมีแผนจะไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงแทน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า รายได้ของแพลตฟอร์มอาจไม่ได้มาจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายเพียงอย่างเดียว
ท้ายที่สุด ได้เรียกร้องให้ Bitkub รวมถึงแพลตฟอร์มคริปโตไทยรายอื่น ออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนถึง ความผิดปกติของสัดส่วนการเทรด Stable Coin และให้หน่วยงานรัฐเร่งตรวจสอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบการเงินไทยถูกใช้เป็นช่องทางฟอกเงิน หรือถูกนำไปเชื่อมโยงกับการเมืองในอนาคต


