xs
xsm
sm
md
lg

เหมือนอยู่คนละโลก! สื่อเขมรอ้าง “อนุทิน” รับปากจะหยุดยิง แต่กลับลำรบต่อ หักหน้า “ทรัมป์” ท้าทายมหาอำนาจ เชื่อไทยจะโดนสหรัฐฯ กดดัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สื่อเขมรเสนอบทวิเคราะห์เป็นตุเป็นตะ อ้าง “อนุทิน” รับปากจะทำตามข้อตกลงสันติภาพ แต่ไม่ทันไรก็กลับลำ ประกาศรบกัมพูชาต่อ เท่ากับหักหน้าผู้นำอเมริกา แถมยังตอบโต้คำพูด “ทรัมป์” เป็นการท้าทายมหาอำนาจและทำลายความน่าเชื่อถือทางการทูตสหรัฐฯ และจะทำให้ไทยถูกกดดันกลับ

Fresh News สื่อกัมพูชาภายใต้การควบคุมของฮุน มานา ลูกสาวนายฮุนเซน ผู้มีอำนาจสูงสุดในกัมพูชา นำเสนอบทวิเคราะห์ กรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทยประกาศเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป หลังจากหารือทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบสหรัฐฯ

Fresh News อ้างว่า นายกรัฐมนตรีไทยได้เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว หลังจากให้คำมั่นกับประธานาธิบดีทรัมป์ว่าจะเคารพข้อตกลงสันติภาพ แต่พอทรัมป์ประกาศว่าทั้งสองประเทศได้ตกลงจะหยุดยิงแล้ว นายอนุทินกลับพลิกคำพูดว่าไทยยังคงเดินหน้าทำสงครามต่อไป

คำแถลงของนายอนุทินที่ประกาศเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารต่อไป ภายหลังคำเรียกร้องให้หยุดยิงจากประธานาธิบดีทรัมป์ ถูกมองว่าเป็นการปฏิเสธการหยุดยิงอย่างเปิดเผย และทำให้การประกาศสันติภาพของประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลายเป็นประเด็นที่ถูกตั้งคำถามต่อความน่าเชื่อถือบนเวทีนานาชาติ คำพูดของนายอนุทินจึงทำให้ประเทศไทยเผชิญกับความขัดแย้งทางการทูต เมื่อสวนทางกับคำประกาศสันติภาพของผู้นำสหรัฐฯ ที่ได้แถลงต่อสาธารณชนไปแล้ว

การปฏิเสธดังกล่าวยิ่งชัดเจนจากการตอบโต้ถ้อยคำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มองเหตุระเบิดทุ่นระเบิดซึ่งทำให้ทหารไทยบาดเจ็บว่าเป็น “อุบัติเหตุริมถนน” และประกาศว่า “ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงยุติการยิงทั้งหมดตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป และกลับไปปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพเดิม” ทว่า นายกรัฐมนตรีไทยกลับตอบโต้ว่า “นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุริมถนน” และประกาศว่าไทยจะเดินหน้ามาตรการทางทหารที่จำเป็นต่อไป ตราบใดที่ยังเห็นว่าดินแดนและประชาชนของตนถูกคุกคาม


นายอนุทินยังโพสต์ข้อความถึงสหรัฐฯ อีกว่า “ขอย้ำให้ชัดเจนว่า การปฏิบัติการที่เราดำเนินการในเช้าวันนี้ ได้แสดงจุดยืนของเราแล้ว” ซึ่งสะท้อนว่าการตัดสินใจถูกวางอยู่บนการใช้กำลังทางทหาร ไม่ใช่บนการเจรจาสันติภาพ

บทวิเคราะห์ Fresh News อ้างอีกว่า การปฏิเสธการหยุดยิงของฝ่ายไทยก่อให้เกิดคำถามว่าใครเป็นผู้ควบคุม “คำสั่งยิง” และการปฏิบัติการทางทหารตามแนวชายแดน เพราะหลังการสนทนาทางโทรศัพท์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยืนยันต่อสาธารณชนอย่างชัดเจนว่า “ทั้งสองฝ่ายตกลงยุติการยิงทั้งหมดตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป และกลับไปปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพเดิม” แต่ต่อมานายอนุทินกลับแสดงท่าทีตรงกันข้าม ไม่ใช่การชะลอ แต่เป็นการปฏิเสธอย่างเปิดเผย

โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นที่รู้กันดีว่าไม่ยอมรับความขัดแย้งต่อหน้าสาธารณชนอย่างเงียบ ๆ ต่อคำพูดหรือข้อตกลงที่ตนประกาศไว้ โดยเฉพาะด้านนโยบายต่างประเทศ การปฏิเสธต่อสาธารณชนหลังการประกาศ “ข้อตกลงสันติภาพ” จากผู้นำมหาอำนาจ จะถูกมองว่าเป็นการท้าทายโดยตรง ไม่เพียงต่อบุคคล แต่ต่อความน่าเชื่อถือของการทูตสหรัฐฯ ด้วย

ในบริบทเช่นนี้ การปฏิเสธการหยุดยิงที่ประกาศต่อสาธารณชน อาจถูกมองว่าเป็นการหักหน้าผู้ไกล่เกลี่ย และบ่อนทำลายหลักประกันทางการเมืองของสหรัฐฯ บนเวทีโลก นักวิเคราะห์การทูตจึงประเมินว่า ปฏิกิริยาจากสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบแรงกดดันทางการทูต การชี้แจงต่อสาธารณชน หรือการใช้เครื่องมือทางการเมือง


กำลังโหลดความคิดเห็น