xs
xsm
sm
md
lg

“มาลี” แถลงอ้างไทยใช้แก๊สพิษ-อาวุธหนักโจมตีกัมพูชา ละเมิดหยุดยิง ขณะเขมรไม่ได้ตอบโต้ วอนทั่วโลกร่วมประณาม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กระทรวงหลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ประณามไทย อ้างละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและปฏิญญาสันติภาพ ใช้อาวุธหนักโจมตีกัมพูชา บินเอฟ-16 ทิ้งระเบิด ยิงแก๊สน้ำตา-ควันพิษใส่หลายพื้นที่ โดยที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ตอบโต้ เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณาม และให้ไทยรับผิดชอบ

วันนี้(8 ธ.ค.) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกเอกสารแถลงข่าว โดย พล.ท.มาลี สุจาตา โฆษกกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งต่อสาธารณชน ผู้สื่อข่าวทั้งในและต่างประเทศ ให้ทราบถึงสถานการณ์บริเวณแนวชายแดนกัมพูชา–ไทยในวันนี้ว่า

ฝ่ายไทยได้ละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง และ “แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยข้อตกลงสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทย” ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 โดยได้กลับมาก่อเหตุรุกรานด้วยอาวุธต่อบูรณภาพแห่งดินแดนกัมพูชาอีกครั้ง ด้วยการใช้กำลังทางทหาร กระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำรุกรานอันป่าเถื่อน โหดร้าย และเป็นอาชญากรรมสงครามของราชอาณาจักรไทยต่ออธิปไตยและดินแดนของกัมพูชา

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2025 เวลาประมาณ 14.15 น. กองทัพไทยได้เริ่มการยิงโจมตีในพื้นที่พลาญธม จังหวัดพระวิหาร และได้ดำเนินต่อเนื่องมาถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2025 โดยกองทัพไทยเปิดการยิงโจมตีอีกครั้งตั้งแต่เวลา 05.04 น. จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันนี้ กองทัพไทยยังไม่ยุติการโจมตีในพื้นที่อานเสะ(ช่องอานม้า) และพื้นที่อื่นๆ อย่างต่อเนื่องและรุนแรง

ในพื้นที่กองทัพภูมิภาคที่ 4 การยิงโจมตีของกองทัพไทยมีการใช้อาวุธหนักและยุทโธปกรณ์หลากหลายประเภท อาทิ ปืนเล็กยาว ปืนกล ปืนครก MT60 รถถัง ปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ปืนกล 12.7 มม. รวมถึงใช้เครื่องบินรบ F-16 ทิ้งระเบิด เครื่องบิน AT-6 ทิ้งระเบิด โดรนทิ้งระเบิด และใช้แก๊สน้ำตาหรือควันพิษต่อกองกำลังกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าว

ต่อมาเวลา 13.36 น. ของวันนี้ กองทัพไทยได้ขยายพื้นที่ปฏิบัติการโจมตีไปยังต่างจุดในกองทัพภูมิภาคที่ 5 จังหวัดบันเตียเมียนเจย ทั้งในพื้นที่ที่กำลังตั้งรับเพื่อปกป้องดินแดนของตน ได้แก่ พื้นที่หมู่บ้านไพรจัน หมู่บ้านโชคชัย ตำบลโอไบชัน อำเภอโอโจรว และหมู่บ้านโกกเมียด อำเภอทโมก จังหวัดบันเตียเมียนเจย รวมถึงในอำเภอสมพูหลวน จังหวัดพระตะบอง

การกระทำที่เป็นการใช้กำลังอาวุธของกองทัพไทยครั้งนี้ เกิดขึ้นต่อเนื่องหลังจากได้ก่อเหตุหลายกรณีในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ด้วยเจตนายุยงให้เกิดการปะทะ ทั้งนี้กองทัพไทยได้ใช้อาวุธหนักหลายประเภทในพื้นที่กองทัพภูมิภาคที่ 5 ประกอบด้วย ปืนเล็กยาว ปืนครกขนาด 60 มม. ปืนครกขนาด 80 มม. ปืนกล 12.7 มม. และรถถัง กระทั่งถึงขณะนี้ กองทัพไทยยังไม่หยุดการโจมตีแต่อย่างใด

แม้ว่าจะมีการโจมตีอย่างรุนแรงตั้งแต่วันที่ 7 ต่อเนื่องถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2025 แต่กองกำลังกัมพูชายังไม่ได้ยิงตอบโต้ โดยได้ยึดมั่นในความอดทนสูงสุด กองทัพกัมพูชามีความมุ่งมั่นโดยไม่หวั่นไหวในการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนกัมพูชา เพื่อต่อสู้กับการรุกรานอันโหดร้ายของไทยต่อกัมพูชา

การรุกรานครั้งที่สองนี้ เป็นการแสดงเจตนาชัดเจนของฝ่ายไทยที่จะรุกล้ำและยึดครองดินแดนประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ “แผนที่ฝ่ายเดียว” ของตนเอง และใช้กำลังเพื่อเปลี่ยนแปลงเส้นพรมแดน ซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ ทั้งยังเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่ต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก

การกระทำนี้เป็นการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิงที่ทั้งสองประเทศตกลงร่วมกันเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2025 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีนเป็นสักขีพยาน อีกทั้งเป็นการละเมิดแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยข้อตกลงสันติภาพซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2025 ซึ่งเกิดขึ้นจากความพยายามโดยตรงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบรอฮีม รวมถึงข้อตกลงทวิภาคีทั้งหลายในการประชุม GBC และ RBC

โดยนัยนี้ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการละเมิดแถลงการณ์สันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทยของฝ่ายไทยครั้งแล้วครั้งเล่า และเรียกร้องให้ไทยรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดดังกล่าว กัมพูชาขอให้ไทยหยุดพฤติกรรมเป็นศัตรูโดยทันที ถอนกำลังออกจากดินแดนของกัมพูชา และหลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นภัยต่อสันติภาพและความมั่นคงของภูมิภาค

กัมพูชาขอเรียกร้องให้ฝ่ายไทยกลับมาเคารพข้อตกลงหยุดยิง แถลงการณ์สันติภาพ และพันธกรณีทั้งหลายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างจริงจัง ซื่อสัตย์ และสมัครใจโดยแท้จริง

กัมพูชายังคงมุ่งมั่นอย่างยิ่งในการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง แถลงการณ์สันติภาพ และข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงไว้โดยสุจริตและมีความรับผิดชอบสูงสุด รวมถึงยึดมั่นในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญา และข้อตกลงที่มีอยู่ ต่อต้านการข่มขู่หรือการใช้กำลัง และแสวงหาทางออกที่ยุติธรรม ถูกต้อง ยั่งยืน และเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ

กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชาจะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ในการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนกัมพูชา โดยไม่ยอมให้ประเทศใดละเมิดดินแดนของตนโดยผิดกฎหมายเป็นอันขาด ไม่ว่าราคาใดก็ตาม

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน
กรุงพนมเปญ วันที่ 8 ธันวาคม 2025

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกของไทยระบุว่า ทหารกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อนยิงปืนเล็กยาวใส่ไทยพื้นที่ภูผาเหล็ก‐พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากนั้น มีการยิงปะทะกันตลอดทั้งคืน จนถึงวันที่ 8 ธ.ค. ในช่วงเช้ามืด ได้มีการปะทะในพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทหารกัมพูชาได้ทำการยิงด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้งตั้งแต่เวลาโดยประมาณ 05.05 น.ซึ่งฝ่ายไทยได้ตอบโต้ตามกฎการปะทะด้วยอาวุธปืนเล็กและอาวุธวิธีโค้ง

และเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น. ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กองทัพบกได้รับรายงานว่าทหารกัมพูชาได้ยิงปืนใหญ่ใส่ฐาน “อนุพงศ์” บริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ13 นาย ฝ่ายไทยจึงได้เริ่มใช้อากาศยานเข้าโจมตีต่อเป้าหมายทางทหารในหลายพื้นที่เพื่อยับยั้งการโจมตีของอาวุธยิงสนับสนุนของทหารกัมพูชา


กำลังโหลดความคิดเห็น