xs
xsm
sm
md
lg

ถอนสัญชาติลูก 3 คนของ “ก๊กอาน” ส.ว.กัมพูชา หลังพบแอบอ้างคนไทยเป็นพ่อแม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมการปกครองถอนสัญชาติลูก 3 คนของ “ก๊กอาน” ส.ว.กัมพูชา หลังพบแจ้งเกิดที่จังหวัดร้อยเอ็ด โดยแอบอ้างคนไทยเป็นพ่อแม่ ถือเป็นคนต่างด้าว ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย เตรียมดำเนินการทางกฎหมาย

วันนี้ (13 พ.ย.) กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เผยแพร่รายงานผลการดำเนินการทางทะเบียนกรณีนายก๊กอาน (KOK AN) สมาชิกวุฒิสภากัมพูชา และบุตร รวม 3 ราย โดยระบุว่า ได้ดำเนินการถอนสัญชาติไทยของบุตรทั้งสาม เนื่องจากตรวจสอบพบว่าได้แอบอ้างนำบุคคลสัญชาติไทยซึ่งไม่ใช่บิดามารดาที่แท้จริงมาใช้ในการแจ้งเกิดเพื่อให้ได้รับสัญชาติไทยโดยมิชอบ ส่งผลให้ทั้งหมดเป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย และต้องถูกดำเนินการตามกฎหมาย

รายงานระบุว่า จากการสืบสวนร่วมระหว่างกรมการปกครอง หน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานด้านข่าว พบว่านายก๊กอานเป็นบุคคลสัญชาติกัมพูชา มีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ประกอบธุรกิจหลายประเภทในภูมิภาค ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับกลุ่มกาสิโน ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน และเครือข่ายสแกมเมอร์ ทั้งยังเคยได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้อง แต่ต่อมาได้เดินทางออกนอกประเทศโดยไม่แจ้งเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ทำให้ใบถิ่นที่อยู่นั้นสิ้นสภาพ

กรมการปกครองจึงได้แจ้งให้สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพมหานคร ดำเนินการจำหน่ายชื่อของนายก๊กอานออกจากทะเบียนบ้าน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 ส่งผลให้นายก๊กอานมีสถานะเป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอาศัยในประเทศไทย

สำหรับบุตรทั้งสามของนายก๊กอาน ได้แก่
1. น.ส.จรี คล่องกิจกล
2. น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล (ยูไล่)
3. นายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล

ตรวจสอบพบว่าได้รับสัญชาติไทยโดยทุจริต จากการแจ้งเกิดเกินกำหนดที่อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด โดยอ้างบุคคลสัญชาติไทยซึ่งไม่ใช่บิดามารดาที่แท้จริงเป็นผู้ให้กำเนิด จึงถือว่าทั้งสามไม่มีสัญชาติไทยตั้งแต่ต้น

กรมการปกครองได้ดำเนินการยกเลิกสูติบัตรที่ออกโดยมิชอบ และแจ้งให้สำนักงานเขตประเวศจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้านแล้วเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ทำให้ทั้งหมดมีสถานะเป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย และอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

กรมการปกครองย้ำว่า การได้สัญชาติไทยหรือใบสำคัญถิ่นที่อยู่เป็นสิทธิสำคัญของความเป็นพลเมือง หากบุคคลต่างด้าวแฝงตัวเข้ามาทำธุรกิจผิดกฎหมายแล้วได้รับสิทธินี้โดยมิชอบ จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคนไทยโดยรวม

ทั้งนี้ กรมการปกครองยืนยันเดินหน้านโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ และจะถอนสัญชาติไทยจากบุคคลที่ได้มาโดยมิชอบหรือมีพฤติกรรมเป็นภัยต่อประเทศอย่างเด็ดขาดทุกกรณี


รายละเอียด กรมการปกครองรายงานผลการดำเนินการทางทะเบียนกรณีนายก๊กอาน และบุตร

กรมการปกครองได้ตรวจสอบข้อมูลในทางลับจากหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานทางการข่าว พบว่านายก๊กอาน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา มีตำแหน่งเป็นสมาชิกวุฒิสภาของประเทศกัมพูชา ประกอบธุรกิจหลายประเทศซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มกาสิโน ค้ามนุษย์ การฟอกเงิน สแกมเมอร์ และถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายไทย และได้รับใบสำคัญถิ่นที่อยู่ ทั้งยังมีบุตรจำนวน 3 ราย ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยระบุว่ามีบิดามารดา เป็นบุคคลสัญชาติไทย จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

กรมการปกครอง ในฐานะสำนักทะเบียนกลางซึ่งมีอำนาจกำกับดูแลสำนักทะเบียนทุกแห่ง ได้เร่งรัดในการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการมีถิ่นที่อยู่ และการได้สัญชาติไทยดังกล่าวแล้ว โดยได้รับความร่วมมือจากสำนักทะเบียนกรุงเทพมหานคร สำนักทะเบียนอำเภอ และส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ผลปรากฏว่า

1. นายก๊กอาน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา ได้รับให้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยโดยถูกต้อง จากสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจริง แต่ด้วยบุคคลดังกล่าวได้เดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้ดำเนินการแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ทำให้ใบถิ่นที่อยู่นั้นไม่สามามารถใช้ได้อีกต่อไป จึงได้แจ้งให้สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพฯ ดำเนินการจำหน่ายชื่อของบุคคลดังกล่าวออกจากทะเบียนบ้านด้วยแล้ว (นายก๊กอาน มีเลขประจำตัว 8-1032-xxxxx-xx-x และมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ) โดยคาดว่าจะจำหน่ายชื่อในทะเบียนบ้านได้ในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 และจะทำให้บุคคลดังกล่าวมีสถานะ “เป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอาศัยในประเทศไทย”

2. บุตรของนายก๊กอาน (KOK AN) บุคคลสัญชาติกัมพูชา จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1. น.ส.จรี คล่องกิจกล 2. น.ส.ภูเฌอหลิน คล่องกิจกล (ยูไล่) และ 3. นายกิตติศักดิ์ คล่องกิจกล ได้ตรวจสอบพบว่าได้สัญชาติไทยโดยทุจริต เนื่องจากได้แอบอ้างนำคนสัญชาติไทยซึ่งไม่ใช่บิดามารดาที่แท้จริงมาระบุว่าเป็นบิดามารดาของตนในขณะที่ได้มีการแจ้งการเกิดเกินกำหนด ณ สำนักทะเบียนอำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด

จึงถือว่าบุคคลดังกล่าวทั้ง 3 รายนั้นไม่มีสัญชาติไทยตั้งแต่แรก โดยมีการยกเลิกสูติบัตรที่ได้มีการแจ้งการเกิดโดยทุจริต และสำนักทะเบียนกลางได้แจ้งให้สำนักงานเขตประเวศ กรุงเทพฯ ดำเนินการจำหน่ายชื่อของบุคคลดังกล่าวออกจากทะเบียนบ้านด้วยแล้ว เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 โดยทั้ง 3 คนมีทะเบียนบ้านอยู่ในเขตประเวศ กรุงเทพฯ โดยปัจจุบันบุคคลทั้ง 3 ราย ถือว่า “เป็นคนต่างด้าวที่ไม่มีสิทธิอยู่ในประเทศไทย” และจะต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายจากผลที่ได้มีการแจ้งการเกิดโดยทุจริตต่อไป

กรมการปกครองขอเรียนต่อพี่น้องประชาชนว่าการได้สัญชาติไทยและการได้ใบสำคัญถิ่นที่อยู่เป็นการก่อให้เกิดสิทธิความเป็นพลเมืองไทย หากมีบุคคลต่างด้าวแฝงตัวเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย และได้รับสิทธิดังกล่าวแล้วจะทำให้ประชาชนคนไทยเกิดความเดือดร้อนได้

โดยนโยบายของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้มุ่งเน้นปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติทุกรูปแบบ หากมีบุคคลได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติหรือได้สัญชาติไทยภายหลังการเกิด พบว่ามีพฤติกรรมที่มีการกระทำควานผิดในเงื่อนไขที่สามารถถอนสัญชาติไทยได้ ถือว่าเป็นบุคคลที่ทำร้ายคนไทยไม่ควรมีสัญชาติไทยต่อไป และจะพิจารณาถอนสัญชาติโดยเด็ดขาดทุกกรณี

กรมการปกครอง

สำนักบริหารการทะเบียน



กำลังโหลดความคิดเห็น