คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) โดย ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีและประธานกรรมการหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 จัดการบรรยายพิเศษภายใต้ Module 5: Technology and Intellectual Property for Business and Legal Management เพื่อมอบมุมมองและประสบการณ์เฉพาะที่จำเป็นสำหรับผู้นำในการรับมือกับความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งยวดต่อการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันและอนาคต
โดยได้รับเกียรติจาก 3 ผู้ทรงคุณวุฒิระดับแนวหน้า ได้แก่ คุณปริญญา หอมอเนก ดร.ธนัย ชรินทร์สาร และ ดร.ธัชพล โปษยานนท์ มาร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้สำคัญ ด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงและธรรมาภิบาลข้อมูล ด้านยุทธศาสตร์การเติบโตในตลาดระหว่างประเทศ และด้านการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีและธรรมาภิบาลปัญญาประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 ณ ห้องประชุม ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ อนุสรณ์
การบรรยายเริ่มต้นด้วย คุณปริญญา หอมอเนก ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอซิส โปรเฟสชั่นนัล เซ็นเตอร์ จำกัด และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ในหัวข้อ การบริหารความเสี่ยงและธรรมาภิบาลข้อมูลในภาวะที่ข้อมูลส่วนบุคคลสิ้นสภาพการคุ้มครอง โดยคุณปริญญาได้เผยว่า ปัจจุบันข้อมูลส่วนบุคคลของทุกคนอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง พร้อมกับกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า "ข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเราทุกคน...ไม่เหลืออะไรแล้ว" ซึ่งหมายถึงข้อมูลของทุกคนได้รั่วไหลออกไปสู่มือมิจฉาชีพและแก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดแล้ว ทั้งข้อมูลบัตรประชาชน ชื่อ ที่อยู่ หรือเบอร์โทรศัพท์
เมื่อข้อมูลไม่ปลอดภัย ความมั่นคงก็เปราะบาง
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเปราะบางของข้อมูล คุณปริญญาได้แสดงถึงความน่ากลัวของเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างละเอียด โดยนำเบอร์โทรศัพท์ของอาสาสมัครในห้องบรรยายไปค้นหาข้อมูล ผลปรากฏว่าสามารถระบุชื่อ-นามสกุล หน้าที่การงาน ประวัติการศึกษา รวมถึงชื่อของสมาชิกในครอบครัวได้อย่างแม่นยำ
"เวลาเราให้เบอร์โทรศัพท์ใครไป พวกเขาก็จะบันทึกไว้ในรายชื่อผู้ติดต่อ และเมื่อแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น LINE หรือ Facebook ขอสิทธิในการเข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อ ข้อมูลเหล่านี้ก็จะดูดออกไปทั้งหมด” คุณปริญญาอธิบาย และย้ำว่า การให้คนอื่นเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์เป็นเหมือนกับการปลดล็อกโทรศัพท์แล้วเปิดช่องให้เกิดการดึงข้อมูลมหาศาลออกไปโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น “นามบัตรในล็อตถัดไปจึงไม่ควรใส่เบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว”
คุณปริญญายังได้เน้นย้ำถึงภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้นจากการใช้เทคโนโลยี Deepfake ซึ่งสามารถสังเคราะห์เสียงและสร้างวิดีโอเพื่อใช้ในการหลอกลวงทางการเงินได้อย่างแนบเนียน โดยระบุว่า “เสียงของเราเพียงแค่ 10 วินาที ก็สามารถนำไปสร้างเป็นเสียงพูดที่เหมือนจริงได้อย่างสมบูรณ์” พร้อมยกตัวอย่างเครื่องมืออย่าง MiniMax และ ElevenLabs ที่สามารถทำสิ่งนี้ได้อย่างน่ากลัว รวมถึง VEO 3 ซึ่งใช้สร้างวิดีโอปลอมที่สมจริงอย่างน่าทึ่ง
สำหรับวิธีการรับมือกับภัยเหล่านี้ คุณปริญญาเสนอแนวทางการป้องกันเชิงรุก อาทิ การกำหนดรหัสลับประจำครอบครัว ปกป้องข้อมูลบนบัตรประชาชน จัดการความเป็นส่วนตัวในสมาร์ตโฟน หรือการใช้บัตรเครดิตและเดบิตอย่างชาญฉลาด เป็นต้น พร้อมกับทิ้งท้ายว่า “การแก้ปัญหาเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ไม่ได้อยู่ที่หน่วยงานกำกับดูแลเพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนต้องควบคุมและป้องกันข้อมูลของตนเองอย่างเข้มงวดเช่นเดียวกัน”
ธุรกิจที่ยืนหยัดได้ ต้องคิดไกลกว่าพรมแดน
ถัดมาเป็นการบรรยายในหัวข้อ "กลยุทธ์การบริหารจัดการธุรกิจระหว่างประเทศและองค์กรข้ามชาติ" โดย ดร.ธนัย ชรินทร์สาร ที่ปรึกษาด้านการวางแผนกลยุทธ์ บริษัท เอ็มพีที โซลูชั่น จำกัด ที่มาให้ความรู้และเปิดมุมมองแก่ผู้เข้ารับการอบรม
ดร.ธนัย เริ่มการบรรยายโดยระบุว่า "กลยุทธ์" ในบริบทของการบริหารจัดการสมัยใหม่คือ "ศาสตร์แห่งความสำเร็จ" ที่มีเป้าหมายสูงสุดในการสร้าง "ผลการประกอบการที่เหนือกว่าในระยะยาว" พร้อมชี้ว่า "องค์กรธุรกิจไทยจำเป็นต้องแสวงหาการเติบโตนอกตลาดภายในประเทศ ซึ่งมีขนาดจำกัดเพียง 70 ล้านคน ไปสู่ตลาดโลกที่มีขนาดใหญ่ถึง 8,000 ล้านคน" โดยเฉพาะในสภาวะที่ทรัพยากรภายในประเทศลดลง ทั้งภาคแรงงาน รวมถึงข้อจำกัดของตลาดเพื่อนบ้าน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี
นอกจากนี้ ดร.ธนัย ยังนำเสนอกรอบแนวคิดและเครื่องมือเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้บริหารในการตัดสินใจขยายธุรกิจสู่สากลอย่างเป็นระบบ อาทิ การสร้าง Portfolio ของตลาด การเลือกตลาดเป้าหมาย การปรับสินค้าให้เข้ากับท้องถิ่น รวมถึงการจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยองค์กรต่างๆ ต้องคำนึงถึงเรื่องการบริหารจัดการข้ามวัฒนธรรมและภูมิรัฐศาสตร์ หากต้องการความสำเร็จอย่างยั่งยืนในเวทีโลก
AI จะเป็นเพื่อนที่ไว้ใจ หรือศัตรูที่คาดไม่ถึง อยู่ที่เราเลือกกำกับมัน
ขณะที่การบรรยายจาก ดร.ธัชพล โปษยานนท์ ผู้อำนวยการบริษัท พาโล อัลโต เน็ตเวิร์คประเทศไทย และอินโดจีน ในหัวข้อ "โลกของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) กับอนาคตธุรกิจไทยในยุค Next Normal" ระบุว่า AI ในยุคแรกคือความพยายามเลียนแบบความสามารถของมนุษย์ เช่น การมองเห็น (Robot Vision) การเคลื่อนไหว (Robotics) และการคิด (Thinking) ก่อนจะพัฒนามาเป็น Machine Learning และ Deep Learning ที่ทำให้เครื่องจักรสามารถเรียนรู้และฉลาดขึ้นได้ ซึ่งปัจจุบัน AI ก้าวไปสู่ระดับ Generative AI ที่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ได้ด้วยตนเอง
"ส่วน IoT คือการที่อุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Smart Home ที่เราสามารถสั่งเปิด-ปิดไฟหรือเครื่องปรับอากาศจากระยะไกลได้ เพื่อความสะดวกสบาย การประหยัดพลังงาน และความปลอดภัย"
ดร.ธัชพล ยังเสริมอีกว่า เมื่อนำ AI และ IoT มารวมกัน จะเกิดเป็น A-IoT ซึ่งเป็นการฝังความฉลาดของ AI ลงไปในอุปกรณ์ IoT ทำให้สามารถทำงานที่ซับซ้อนและตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง โดยมีเทคโนโลยี 5G เป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ พร้อมกันนั้นยังได้ยกกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จในภาคธุรกิจไทย อาทิ 7-11 ที่ใช้งาน Sensor Vision ในการวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าและบริหารจัดการสต็อกสินค้า เพื่อลดการสูญเสียโอกาสทางการขายซึ่งเคยมีมูลค่าสูงถึง 500 ล้านบาทต่อวัน หรือกรณีของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ใช้ AI ในการปรับสูตรอาหารสัตว์ให้มีต้นทุนต่ำที่สุดโดยคุณค่าทางโภชนาการยังเหมือนเดิม
ปิดท้ายที่โจทย์ใหญ่ เทคโนโลยีฉลาดได้ กติกาต้องแกร่งกว่า
อย่างไรก็ตาม ดร.ธัชพล เน้นย้ำถึงความท้าทายด้านธรรมาภิบาลและความเสี่ยงที่มาพร้อมกับ AI ซึ่งเป็นประเด็นที่คณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยยกตัวอย่างที่น่าสนใจจากกรณีการฉ้อโกงในฮ่องกง ซึ่งมิจฉาชีพใช้เทคโนโลยี Deepfake ปลอมตัวเป็น CEO และสั่งการให้หัวหน้าฝ่ายการเงินโอนเงินมูลค่าสูงถึง 35 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.127 พันล้านบาท) พร้อมทิ้งท้ายว่า "องค์กรจำเป็นต้องมีกรอบการกำกับดูแลที่เรียกว่า TRiSM (Trust, Risk, and Security Management) เพื่อสร้างความเชื่อมั่น บริหารความเสี่ยง และรับประกันความปลอดภัยในการนำ AI มาใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความรับผิดชอบ"
หลังจบการบรรยายของวิทยากรทั้ง 3 ท่าน ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ และประธานกรรมการหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 ได้สรุปว่า “การบรรยายใน 3 หัวข้อนี้ ชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้นำองค์กรในการกำหนดยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ขององค์กรให้ประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีก็มาพร้อมกับความเสี่ยงในเรื่องภัยทางไซเบอร์ ซึ่งผู้นำองค์กรต้องรู้จักวิธีบริหารความเสี่ยง และวางกติกาที่เหมาะสมในการรับมือกับภัยเหล่านี้ให้ได้ ซึ่งการศึกษาในหลักสูตร Super LBA จะช่วยบูรณาการความรู้และทักษะ โดยเชื่อมโยงทั้งมิติทางเทคโนโลยี กฎหมาย และกลยุทธ์เข้าด้วยกัน เพื่อให้ผู้บริหารได้รับมุมมองที่ครบถ้วน สามารถตัดสินใจได้อย่างเฉียบคมท่ามกลางความเปลี่ยนแปลง และนำพาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน"