xs
xsm
sm
md
lg

หลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 ของคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ DPU สร้างสมรรถนะด้านเทคโนโลยีเชิงรุก สำหรับผู้นำองค์กรชั้นนำ ถอดรหัสอนาคตด้วย AI และ Blockchain

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ดึงผู้เชี่ยวชาญเปิดมุมมองเชิงลึกด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI), บล็อกเชน (Blockchain) และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีดิจิทัล สำหรับนักศึกษาในหลักสูตร Super LBA รุ่นที่ 2 ใน Module 5 เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะด้านเทคโนโลยีในยุคดิจิทัลสำหรับผู้นำองค์กรชั้นนำ และเตรียมความพร้อมสำหรับการรับมือกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ณ ห้องประชุม ดร.ไสว สุทธิพิทักษ์ อนุสรณ์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์

โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับประเทศ และระดับสากล ได้แก่ พันเอก ดร.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ประธานคณะกรรมการศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีอวกาศและวิจัย และประธานที่ปรึกษาคณะทำงานกองทัพบก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรรณพ อารีพรรค ผู้อำนวยการศูนย์บริการทางวิชาการวิทยาลัยนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วย ดร.ประเวทย์ ตันติสัจจธรรม นายกสมาคมไทยบล็อกเชน เป็นวิทยากรร่วมแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์


สงครามข้อมูลและการปรับตัวอย่างเร่งด่วนขององค์กร

พันเอก ดร.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ เริ่มต้นการบรรยายถึงความจำเป็นเร่งด่วนของการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้ไปสู่ความสำเร็จ โดยใช้ประสบการณ์ตรงจากสถานการณ์ชายแดนไทยที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า “การปรับตัวอย่างรวดเร็ว” คือปัจจัยสำคัญในการอยู่รอด โดยเฉพาะองค์กรทางทหารที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์จริงอย่างสงคราม นอกจากนี้ยังได้ยกตัวอย่างที่ชัดเจนจากสงครามยูเครน-รัสเซีย เพื่อชี้ให้เห็นถึงการ "เล่นเกมในกติกาใหม่" ที่เทคโนโลยีเป็นตัวกำหนด โดยการที่สหรัฐฯ สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของรัสเซียล่วงหน้าถึงสองเดือนด้วยเทคโนโลยีดาวเทียม และการที่ยูเครนสามารถใช้โดรนราคาหลักหมื่นบาททำลายรถถังราคาเป็นร้อยล้านได้ ล้วนเป็นสิ่งที่ตอกย้ำถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือเรื่องของการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทำให้ประเทศผู้ซื้อตกเป็น "ทาสทางเทคโนโลยี" ซึ่ง พันเอก ดร.เศรษฐพงศ์ อธิบายว่า เครื่องบินรบ F-16 หรือ F-35 จำเป็นต้องขออนุญาตในการยิงหรือปฏิบัติการเพราะเครื่องบินเหล่านี้ถูกล็อกโค้ดได้ สถานการณ์เช่นนี้ยังเกิดขึ้นกับการใช้โดรนในการรบจริง เมื่อโดรนของคู่กรณีปรับเปลี่ยนคลื่นความถี่ ทำให้ระบบต่อต้านโดรนตามมาตรฐานสากลไม่สามารถจัดการได้ และต้องมีการแก้ไขดัดแปลงที่หน้างานอย่างเร่งด่วนโดยพลเรือนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการคิดค้นและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง

พันเอก ดร.เศรษฐพงศ์ ยังบอกอีกว่า โลกกำลังมุ่งสู่ยุคที่ข้อมูลจะกลายเป็นพลังสำคัญ ซึ่งดาวเทียมวงโคจรต่ำ (LEO) อย่าง Starlink หรือ OneWeb จะเข้ามาปฏิวัติระบบโทรคมนาคม และทำให้เกิด "Open Data" โดยอัตโนมัติ ข้อมูลจะสามารถวิ่งตรงสู่ดาวเทียมโดยไม่ผ่าน Gateway ทำให้ประเทศที่ไม่ใช่ในกลุ่มมหาอำนาจไม่สามารถควบคุมข่าวสารได้ และยังได้การคาดการณ์ว่าในอนาคต "เราจะไม่มีอะไรที่เป็น Privacy" เพราะเทคโนโลยีระบุตำแหน่ง (Location Based Service) จะทำงานเพียงแค่การสแกนใบหน้า อีกทั้งเทคโนโลยีดาวเทียมยังจะเข้ามาแทนที่ภารกิจของหน่วยงานของรัฐบางหน่วยงาน ด้วยความสามารถในการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงพื้นที่อย่างแม่นยำ

“การนำพาองค์กรให้ก้าวทันยุคสมัย ผู้นำต้องมีความกล้าหาญในการแก้ไขสถานการณ์ และยอมที่จะเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดหลักการเดิม เพราะการยึดติดกับแนวคิดเก่าจะนำมาซึ่งความสูญเสียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้” พันเอก ดร.เศรษฐพงศ์ ระบุ


AI ไม่ได้แทนที่มนุษย์ แต่เสริมพลังให้มนุษย์

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธรรณพ อารีพรรค กล่าวว่าปัจจุบัน AI ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันและในแวดวงธุรกิจ ซึ่งทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้ง่ายขึ้น การนำ Generative AI มาใช้ สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมหาศาล โดยจากรายงานของ McKinsey ปี 2023 ระบุว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงถึง 9-63% โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย AI มีศักยภาพที่จะเข้ามาช่วยงานได้ถึง 42-44% ทำให้งานที่เคยใช้เวลานานสามารถเสร็จสิ้นได้ในเวลาที่สั้นลงอย่างเห็นได้ชัด

อย่างไรก็ตาม การใช้งานยังมีข้อจำกัดและความเสี่ยงที่ผู้ใช้งานควรตระหนัก เช่น ปัญหาความหลอนของ AI (Hallucination) ซึ่งมักให้คำตอบผิดพลาดเมื่อไม่มีข้อมูลที่เพียงพอหรือทันสมัย นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลองค์กร โดยไม่ควรป้อนข้อมูลที่เป็นความลับลงใน AI ส่วนบุคคล

“เมื่อเราต้องทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ สิ่งสำคัญคือ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีฐานความรู้ที่มากพอในการประเมินสิ่งที่ได้จาก AI เพราะหากขาดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดและสร้างความเสียหายได้” ผศ.ดร.ธรรณพ กล่าว พร้อมกับแนะนำเทคนิคการสั่งงาน (Prompt) ที่มีประสิทธิภาพ โดยผู้ใช้งานควรระบุรายละเอียดและบริบทที่ชัดเจนและมากเพียงพอให้กับ AI เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจงและนำไปใช้งานต่อได้จริง แทนที่จะสั่งงานแบบกว้างๆ เพื่อที่จะดึงศักยภาพสูงสุดจาก AI ผู้ใช้งานสามารถกำหนดบทบาทให้ AI (Role-Play หรือ "X as") เช่น ให้ AI สวมบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย จะช่วยให้ได้คำตอบที่สอดคล้องกับบริบทนั้นๆ นอกจากนี้หากผู้ใช้งานต้องการผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์และมีนวัตกรรม ผู้ใช้งานจำเป็นต้องใส่ไอเดียหรือองค์ประกอบที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในคำสั่ง ซึ่ง AI จะช่วยขยายและเชื่อมโยงให้เกิดสิ่งใหม่

ผศ.ดร.ธรรณพ ยังสรุปปิดท้ายว่า Generative AI เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของมนุษย์ให้ทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น หน้าที่ของมนุษย์คือการนำร่างงานคุณภาพระดับ B ที่ AI สร้างขึ้น ไปปรับปรุงแก้ไขและคัดเลือกให้เป็นงานคุณภาพระดับ A ซึ่งสิ่งสำคัญในอนาคตอันใกล้คือ "Generative AI literacy" ความสามารถในการรู้จัก ใช้ และรู้เท่าทัน AI การทำความเข้าใจคุณสมบัติของเครื่องมือต่างๆ การเลือกใช้ AI ให้ถูกกับงาน และการตระหนักถึงความเสี่ยงจาก AI เช่น การปลอมแปลงภาพและเสียง จะช่วยลดอันตรายและเพิ่มความสามารถในการใช้เทคโนโลยีนี้ได้อย่างชาญฉลาด


Blockchain พลิกโลกธุรกิจและภาครัฐ

ขณะที่ ดร.ประเวทย์ ตันติสัจจธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI และ Blockchain ได้กล่าวเสริมถึงภาพรวมของระบบนิเวศของ AI ที่ประกอบด้วยส่วนสำคัญหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ Data หรือชุดข้อมูลที่สำคัญที่สุด นอกจากนี้ อธิบายถึงความสำคัญของ AI ในการเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้มีรายได้น้อย โดยการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่จากแผนที่, ข้อมูลสวัสดิการแห่งรัฐ, การเดินทางสาธารณะ และข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงและให้ความช่วยเหลือได้อย่างตรงจุด

หลังจากนั้น ดร.ประเวทย์ ได้พาผู้เข้าร่วมเจาะลึกถึงหลักการของ Blockchain ซึ่งเป็นระบบที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีแห่งอนาคต ด้วยคุณสมบัติ "Decentralization" การกระจายศูนย์ที่สร้าง "Trust System" หรือระบบแห่งความเชื่อมั่นโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวกลางใดๆ ทำให้สามารถโอนย้ายข้อมูลข้ามซีกโลกแบบ Real-time ได้อย่างถูกต้อง ปลอดภัยและโปร่งใสในราคาต่ำ ด้วยเหตุนี้ Blockchain จึงถูกนำไปใช้ทำให้การทำธุรกรรมอย่าง Bitcoin มีค่าธรรมเนียมต่ำและรวดเร็ว อีกทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในภาครัฐได้ เช่น การเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ (e-voting) และการจัดการเอกสารทางกฎหมาย เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความโปร่งใส

อย่างไรก็ตามในบริบทประเทศไทย ความโปร่งใสที่เกินไปก็เป็นความท้าทาย โดย ดร.ประเวทย์ ยอมรับว่านี่อาจเป็นอุปสรรคต่อการนำบล็อกเชนไปใช้ในหน่วยงานราชการบางแห่ง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์หรือการจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ นอกจากนี้การสร้าง AI หรือ Blockchain ของตัวเองเพื่อแข่งขันกับบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกนั้นเป็นเรื่องที่ลงทุนสูงและอาจตามไม่ทัน แต่สิ่งที่ประเทศไทยทำได้และควรให้ความสำคัญคือ ‘Data Set’ ชุดข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นเอกลักษณ์ ตัวอย่างเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารไทย เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดและใช้ประโยชน์ในอนาคต ซึ่งจะทำให้เราสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีได้อย่างเท่าทัน

ในช่วงท้าย ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับความจำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายในการกำกับดูแล Blockchain เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย และความโปร่งใสเสริมสร้างความเชื่อมั่นและกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบที่ชัดเจน ซึ่ง ดร.ประเวทย์ แสดงความเห็นด้วย โดยกล่าวว่าแม้ปัจจุบันจะมีการกำกับดูแล Blockchain แต่เป็นการกำกับดูแลแยกส่วนเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหากมีกฎหมายกำกับดูแลเป็นองค์รวมก็จะเป็นประโยชน์มาก








กำลังโหลดความคิดเห็น