นายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทยร้องสื่อมวลชน หลังถูกกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาคุกคามถึงหน้าสมาคมฯ พร้อมเตรียมแจ้งความ หวั่นถูกกลั่นแกล้ง
จากกรณีที่มีกลุ่มนักกีฬาคนตาบอดเดินทางไปยื่นหนังสือถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกร้องขอความเป็นธรรม และให้ตรวจสอบการฮุบโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน 2,647 เล่ม ของนักกีฬาคนตาบอด ซึ่งเกิดความเข้าใจผิดในเรื่องการเป็นสมาชิกรับสลากฯ กับสมาชิกสามัญของสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย ตามที่มีการเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด นายอำนวย กลิ่นอยู่ นายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นายกองตรีดร.สุธน จิตร์มั่น เลขาธิการสมาคมฯ พลเอก วิทยา ขันธอุบล ประธานที่ปรึกษาสมาคมฯ และพลโท ถาวร ไทยแขก คณะอนุกรรมการสมาคมฯ ได้พาสื่อมวลชนเยี่ยมชมการแจกจ่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลของงวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ให้กับสมาชิกผู้รับสลากฯ ของสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย
นายอำนวยเปิดเผยว่า ตนเองในฐานะนายกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย ซึ่งในวันนี้ได้เชิญสื่อมาเยี่ยมชมการแจกจ่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งทำเป็นประจำทุกวันที่ 6 และวันที่ 21 ของทุกเดือน ที่เราทำมานานหลายปีแล้ว และที่ผ่านมาจะมีสมาชิกผู้รับสลากฯของเราเข้ามารับแบบนี้เป็นประจำ โดยสมาคมฯ จะมีการจัดสรรโควตาสลากฯ ให้กับสมาชิกผู้รับสลากฯ หลังจากได้รับโควตาจากสำนักงานสลากฯ จำนวน 2,647 เล่ม จึงได้นำสื่อมาชมให้เห็นกับตาว่าเราได้แจกจ่ายสลากฯ ให้สมาชิกผู้รับสลากฯ จริงๆ ไม่ใช่ตามที่ถูกกลุ่มคนที่ไปยื่นหนังสือร้องเรียนถึงท่านนายกรัฐมนตรีตามที่ถูกกล่าวหา ซึ่งทางตนเองและสมาคมฯ พร้อมที่จะให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด
แต่หลังจากที่มีการร้องเรียนไป กลับมีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามาซุ่มสังเกตการณ์พฤติกรรมของตนเอง และเจ้าหน้าที่ของสมาคมฯ อีกทั้งกล้องวงจรปิดทุกตัวของสมาคมฯ ก็ถูกคลื่นสัญญาณรบกวน ไม่สามารถใช้งานได้ในช่วงที่มีกลุ่มชายฉกรรจ์มาซุ่มอยู่ จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน เมื่อตนเองให้เจ้าหน้าที่ เข้าไปสอบถามก็ได้แสดงตัว พร้อมแสดงบัตรว่าเป็นตำรวจ โดยอ้างว่าหน่วยเหนือสั่งให้มา ตนเองจึงไม่รู้ว่าหน่วยเหนือที่กล่าวนี้เป็นหน่วยเหนืออะไร เหนือกฎหมาย เหนือระเบียบข้อบังคับ เหนือคุณธรรม หรือว่าเป็นคำสั่งผู้มีอำนาจ หรืออย่างไร ยิ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลมากยิ่งขึ้น เพราะถูกคุกคาม จึงได้ประสานกับพลเอก วิทยา ขันธอุบล ประธานที่ปรึกษาสมาคมฯ และพลโท ถาวร ไทยแขก คณะอนุกรรมการสมาคมฯ ให้ช่วยประสานเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแลความปลอดภัยให้ในเบื้องต้น
นอกจากนี้ นายอำนวยยังกล่าวอีกว่า ตนเองประกอบอาชีพการค้าสลากมามากกว่า 50 ปี จึงทำให้รู้จักคนเยอะ ทั้งนักการเมือง และบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งก็มีการไปร่วมกิจกรรม ทำประโยชน์สาธารณะด้วยกัน จึงอาจจะทำให้มีการเชื่อมโยงว่าตนเองเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการเมืองกับกลุ่มคนเหล่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วตนเองไม่ได้ยึดโยงกับนักการเมืองกลุ่มใด ประกอบกับมีกลุ่มนักกีฬาคนตาบอดไปร้องเรียนให้ตรวจสอบกรณีที่ตนเองตัดสิทธิโควตาสลากฯ เนื่องจากนักกีฬาคนตาบอดกลุ่มนี้ไม่เข้าใจถึงวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของสมาคมฯ ว่าต้องการที่จะส่งเสริมให้นักกีฬาโฟกัสเรื่องของการฝึกซ้อม มากกว่าที่จะเอาเวลาไปเร่ขายสลากฯ จนนำมาสู่ความไม่พอใจ และร้องเรียน
เฉกเช่นเดียวกับคุณพนม และคุณศึกษา ลักษณะพริ้ม สมาชิกสมาคมกีฬาคนตาบอดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตนเองไม่เห็นด้วยที่นักกีฬาคนตาบอดกลุ่มนี้ไปร้องเรียน เนื่องจากตนเองมองว่าในเมื่อคุณเป็นนักกีฬา ก็ต้องโฟกัสเรื่องการฝึกซ้อมเป็นหลักเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ และชื่อเสียงของตนเองและประเทศชาติ จึงไม่ควรเอาเวลาฝึกซ้อมมาเร่ขายสลากฯ จนทำให้เสียเวลาฝึกซ้อม ซึ่งทางสมาคมฯ ก็ได้ดูแลกลุ่มนักกีฬาเหล่านั้นด้วยดีมาตลอด โดยมีกองทุนสวัสดิการนักกีฬาคนตาบอดและบุคลากรทีมชาติไทย คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ และที่ผ่านมาถ้าได้อนุมัติเป็นนักกีฬาคนตาบอดทีมชาติไทย ทางการกีฬาแห่งประเทศไทยก็สนับสนุนงบประมาณในการเก็บตัวฝึกซ้อม เป็นค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหารและค่าที่พัก จำนวนวันละ 900 บาท อยู่แล้ว และทางสมาคมฯ บริหารงานอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้
อย่างไรก็ตาม นายอำนวยระบุว่า ตนเองรับไม่ได้จากการที่ถูกข่มขู่คุกคาม อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนพิการแล้วจะรังแกได้ตามใจชอบ ตนเชื่อมั่นในความดี ในกฎหมายของบ้านเมืองและเชื่อในกฎแห่งกรรม ซึ่งหลังจากนี้ตนจะพิจารณาดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิของตนเองต่อไป ตามที่จำเป็นและเห็นสมควร