รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com
(สรุปข่าวประจำวันที่ 5 - 10 ก.พ. 2567)
อันดับ 1 : "มาดามแป้ง" ประมุขหญิงบอลไทย คว้านายกสมาคมฯ คนที่ 18 ลุยแก้ปัญหาไทยลีก ต่อสัญญาโค้ชอิชิอิ
การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ปรากฎว่า “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ อดีตประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 68 ต่อ 73 เสียง จากผู้สมัคร 5 คน กลายเป็นนายกสมาคมฯ คนที่ 18 และยังเป็นนายกสมาคมฯ ผู้หญิงคนแรก ในประวัติศาสตร์ของชาติสมาชิกทวีปเอเชีย โดยมาดามแป้งได้เปิดใจว่า จะเข้ามาแก้ปัญหาทั้งเรื่องการเงิน โดยเฉพาะลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด การจัดตารางแข่งขันในลีกต่างๆ การต่อสัญญานายมาซาทาดะ อิชิอิ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ออกไปอีก 2 ปีครึ่ง และการเปิดช่องทางให้แฟนบอลเสนอแนะการพัฒนาฟุตบอลไทย
สำหรับมาดามแป้ง เป็นบุตรสาวของนายโพธิพงษ์ และนางยุพา ล่ำซำ และเป็นภรรยาของ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง เป็นกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในวงการฟุตบอล มาดามแป้งสร้างชื่อจากผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย พาทีมเข้าไปแข่งฟุตบอลโลกหญิงรอบสุดท้าย 2 สมัย ก่อนเข้ามาเป็นประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี ในปี 2558 คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ครั้งแรกในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ ยังเคยเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย พาทีมเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในรายการเอเชียนคัพ 2023 ก่อนลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ดังกล่าว
อันดับ 2 : ดรามา "พิธา" บ้านเก่าคุณยาย โพสต์ไอจีบ้านอภัยภูเบศรฯ พระตะบอง แม่เคลียร์ป้องลูกอ้างเข้าใจผิด
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวเน็ตขุดภาพและวิจารณ์กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ภาพบ้านเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่เมืองพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ลงในอินสตาแกรมเมื่อปี 2558 อ้างว่ายายตนเองอาศัยอยู่บ้านหลังนี้เมื่อ 100 ปีก่อน และระบุข้อความภาษาไทยว่า "บ้านเก่าคุณยาย" แต่ทายาทคนในตระกูลอภัยวงศ์ ซึ่งเป็นลูกหลานของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้จักนายพิธาและไม่เคยนับเป็นเครือญาติ อีกทั้งเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อพยพกลับมาที่จังหวัดปราจีนบุรีตั้งแต่ปี 2450หลังเกิดกรณีพิพาทอินโดจีน ระหว่างสยามกับฝรั่งเศส
ตอนหลังนายพิธาชี้แจงว่าเกิดไม่ทันคุณยาย แต่นางอนุศรี อนุรัฐนฤผดุง เคยแต่งงานกับนายเกษม อภัยวงศ์ ซึ่งนางอนุศรีเกิดที่พระนคร เคยไปอยู่พระตะบองพักหนึ่ง ไม่ได้มีเชื้อสายเขมรและตนไม่ได้เป็นลูกครึ่ง ส่วนการโพสต์ภาพบ้านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรก็ด้วยความระลึกถึงตอนไปเที่ยว และอ้างอิงตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่และผู้นำชมขณะนั้น ส่วนนางตรีดาว อภัยวงศ์ สุขุม เปิดเผยว่า นางลิลฎา ลิ้มเจริญรัตน์ แม่ของนายพิธา โทรศัพท์มาปรับความเข้าใจ พูดคุยกับผู้ใหญ่ในสกุลอภัยวงศ์แล้ว เข้าใจว่านายพิธาฟังคำบอกของญาติที่เล่าต่อกันมา ทำให้เกิดเข้าใจผิด ขอขอบคุณที่ระลึกถึง แม้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
อันดับ 3 : "น้องพร" มนต์รักกระบะตู้ทึบ สร้างโลกอีกใบกับช่างกิต ชนวนฆ่าสามีหนุ่มโรงงานทิ้งมอเตอร์เวย์
กรณีการเสียชีวิตของนายธนาสันต์ เตอั้น หรือใหม่ อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงานผลิตยางรถยนต์ในนิคมอมตะนคร เฟส 6 ถูกกลุ่มคนร้ายที่นำโดย นายกิตติโชติ แพไพรมูล หรือช่างกิต บางบ่อ อายุ 37 ปี พร้อมพวกรวม 5 คน อุ้มฆ่ายิงศีรษะถึงแก่ความตาย ก่อนนำศพไปทิ้งไว้ริมรั้วถนนมอเตอร์เวย์ หมายเลข 7 กิโลเมตรที่ 41+100 หมู่ 10 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ก่อนมีผู้พบศพเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีการเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ของ น.ส.วรรณพร หลักแหลม หรือ น้องพร อายุ 33 ปี ภรรยาผู้ตาย ที่ลักลอบเป็นชู้กับช่างกิต ซึ่งพบว่าในวันที่พบศพนายใหม่ น้องพรมีพิรุธทำทีร้องไห้โดยมีช่างกิตอยู่เคียงข้าง
แม้ น.ส.วรรณพรจะรอดพ้นคดี แต่กระแสโซเชียลฯ ตั้งข้อสังเกตถึงการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายชู้ นอกจากช่างกิตที่เป็นคนขับรถกระบะตู้ทึบแล้ว รุ่นพี่ของนายใหม่ยังแฉว่า น้องพรเป็นคนเจ้าชู้ อาจมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายมากถึง 7 คน รวมทั้งนายเอกชัย ชู้อีกคนหนึ่งของน้องพร ได้เข้ากราบขอขมาแม่ของนายใหม่ และกล่าวว่าไม่รู้จริงๆ ว่าน้องพรมีสามี ถ้ารู้แต่แรกก็ไม่ยุ่งแน่นอน ขณะที่นายนนท์ เพื่อนสนิทของช่างกิต กล่าวในรายการโหนกระแสเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ระบุว่า น้องพรไปบ้านช่างกิตทุกวัน ช่างกิตบ่นว่าน้องพรมีเพศสัมพันธ์ดุมาก วันไหนที่นายใหม่ออกจากบ้าน น้องพรก็พาช่างกิตเข้าบ้านมานอนด้วยเหมือนกัน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นกรมธรรม์ประกันชีวิตกลุ่มของบริษัทฯ คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 5-6 แสนบาท แม่ของนายใหม่และน้องพรต้องแบ่งคนละครึ่ง แต่น้องพรจะได้รับเงินเพิ่มเติมจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เพราะนายใหม่ใส่ชื่อ น.ส.วรรณพร เพียงคนเดียว
อันดับ 4 : ย่ำยีหัวใจคนไทย ตะวัน 112 คุกคามขบวนเสด็จกรมสมเด็จพระเทพฯ รับไม่ได้จี้สอบจริยธรรมพิธา
เหตุการณ์ย่ำยีหัวใจคนไทย เมื่้อเย็นวันที่ 4 ก.พ. น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาคดี 112 โดยสารไปกับรถยนต์ยี่ห้อเอ็มจี รุ่นนิวเอ็มจี 3 สีขาว ทะเบียน 8 กจ 1711 กรุงเทพมหานคร มีชายไม่ทราบชื่อเป็นผู้ขับขี่ บีบแตรรถยนต์ลากยาวและพยายามตามจี้ขบวนเสด็จ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จผ่านทางร่วมต่างระดับมักกะสัน เมื่อมาถึงบริเวณทางลงด่วนพหลโยธิน 1 มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่รถปิดท้ายได้สกัดกั้น และ น.ส.ตะวันโต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าทำไมต้องมีคันไหนไปได้สะดวกกว่ารถประชาชน
อีกด้านหนึ่ง มีภาพจากวงจรปิดบนทางด่วน พบว่าขบวนเสด็จไม่ได้ปิดถนน ใช้เวลาผ่านทาง 31 วินาที แต่รถของ น.ส.ตะวันกลับพยายามเข้าไปในขบวน รถปิดท้ายขบวนจึงจำเป็นต้องป้องกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีหรือบุคคลสำคัญผ่านทางก็ป้องกันเช่นกัน ขณะที่ผู้คนที่ศรัทธากรมสมเด็จพระเทพฯ รับไม่ได้กับพฤติกรรมกันถ้วนหน้า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช. มหาดไทย กล่าวว่า ถ้ามีอีกไม่เอาไว้แน่นอน หาเรื่องเนรคุณต่อแผ่นดิน ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ส่วนกลุ่มวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ยื่นหนังสือให้ตรวจสอบจริยธรรมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เพราะเคยเป็นนายประกันให้กับ น.ส.ตะวันคดี 112 มาก่อน
อนึ่ง นายพิธาเคยกล่าวในสภาฯ ชื่นชม น.ส.ตะวัน และ น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือแบม ว่า "ทุกครั้งที่ผมไปหาคุณตะวันและคุณแบม ผมมองตาตะวันแล้วเห็นพิพิมลูกสาวของผมอยู่ในนั้น" และยังเคนติดสติกเกอร์ยกเลิก 112 ร่วมกับ น.ส.ตะวันอีกด้วย
อันดับ 5 : หนุ่มจีน-แคนาดาป่วนการบินไทย ลุกขึ้นเปิดประตูเครื่องเชียงใหม่-กรุงเทพฯ อ้างองค์กรใต้ดินปองร้าย
เหตุปั่นป่วนบนเที่ยวบินการบินไทย เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เมื่อเวลา 21.05 น. วันที่ 7 ก.พ. ขณะที่เที่ยวบินของสายการบินไทย TG121 เชียงใหม่-สุวรรณภูมิ ทำการบินด้วยเครื่องบินแอร์บัส A320 ทะเบียน HS-TXC นามพระราชทาน หนองบัวลำภู กำลังเตรียมทำการวิ่งบนรันเวย์ ปรากฎว่ามีผู้โดยสารชายเกิดอาการตกใจกลัว ลุกขึ้นไปเปิดประตูเครื่องบิน ทำให้สไลด์กางออกมา กัปตันและนักบินต้องจอดเครื่องบินกะทันหัน ส่งผลกระทบ 13 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 2,296 คน หลังเกิดเหตุได้ควบคุมผู้ต้องหา และให้ผู้โดยสารที่เหลือเข้าพักโรงแรม ให้เงินชดเชยก่อนเดินทางในวันรุ่งขึ้น
ด้านตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อคือนายหว่อง ไซ ฮึง (Wong Sai Heung) อายุ 40 ปี เชื้อชาติจีน สัญชาติแคนาดา อาชีพวิศวกรคอมพิวเตอร์ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จากการสอบปากคำ นายหว่องอ้างว่าที่ทำเพราะกลัวจะถูกทำร้าย ก่อนหน้านี้ไปเที่ยวเวียดนาม รู้สึกว่าตัวเองถูกคุกคามและปองร้ายจากกลุ่มองค์กรใต้ดิน จะตามมาทำร้ายตัวเอง และทำลายเครื่องบินที่ตัวเองโดยสาร จึงเกิดความหวาดกลัวและพยายามจะหลบหนีด้วยการเปิดประตูเครื่องบิน ตรวจสอบพบว่าเข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 3 ก.พ. ก่อนมาเที่ยวเชียงใหม่ และวันเกิดเหตุกำลังกลับกรุงเทพฯ เพื่อต่อเครื่องบินกลับแคนาดา
อย่างไรก็ตาม หลังควบคุมตัวเพื่อรอฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ นายหว่องกลับเอาศีรษะโขกลูกกรงหัวแตก เอาปากกัดแขนตัวเอง ตำรวจเห็นท่าไม่ดีจึงนำตัวไปรักษาอาการทางจิตที่โรงพยาบาลสวนปรุงก่อน แล้วค่อยนำตัวมาดำเนินคดีอีกครั้ง
อันดับ 6 : ป.ป.ช.แนะดิจิทัลวอลเล็ต ไม่วิกฤตอย่ากู้หวั่นก่อหนี้ยาว หมอชัยขู่ไม่แจกวิกฤตแน่ เศรษฐานัดถก 15 ก.พ.
ความคืบหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน แจกเงินคนละ 10,000 บาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังถูกคัดค้านจากธนาคารแห่งประเทศไทย และนักวิชาการ เนื่องจากอาจกระทบต่อวินัยการเงินการคลัง ปรากฎว่าวันที่ 7 ก.พ. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งผลการศึกษาไปยังคณะรัฐมนตรี เตือนให้ระวังความเสี่ยงด้านทุจริต ด้านเศรษฐกิจ ด้านกฎหมาย รวมทั้งเทคโนโลยีบล็อกเชน และนโยบายพรรคการเมือง พร้อมข้อเสนอ 8 ข้อ โดยเฉพาะการกู้เงิน 5 แสนล้านบาทอาจก่อภาระหนี้ระยะยาว อีกทั้งเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงขั้นวิกฤต ควรพิจารณาแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาลขู่ว่าถ้าไม่แจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เศรษฐกิจไทยอาจเจอวิกฤติที่แท้จริง ส่วนนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เตือนว่าดิจิทัลวอตเล็ตอาจขาดทุนเหมือนจำนำข้าว แม้จำนำข้าวขาดทุนยังมีข้าวเปลือก แต่ดิจิทัลวอลเล็ตขาดทุนจะไม่เหลืออะไรเลย ส่วนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เรียกประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ในวันที่ 15 ก.พ. ยืนยันว่ากรอบงานโครงการยังเหมือนเดิมและยังเดินหน้าโครงการต่อไป ขณะที่นายเศรษฐายืนยันว่า การประชุมดังกล่าวพร้อมตอบคำถามได้ทั้งหมด
อันดับ 7 : ลิซ่าตั้งค่ายใหม่ LLOUD ในฐานะศิลปินเดี่ยว-เปิดตัวที่สหรัฐฯ หลังต่อสัญญา YG ในฐานะการทำงานกลุ่ม
หลังจากที่ค่ายเพลง YG Entertainment ประเทศเกาหลีใต้ ต่อสัญญากับวง BLACKPINK ในรูปแบบการทำงานกลุ่มโดยไม่มีการทำงานเดี่ยว เพื่อเปิดทางให้สมาชิกทั้ง 4 สาวออกไปทำงานของตัวเอง โดยเจนนี่ได้เปิดบริษัทชื่อว่า OA (Odd Atelier) ขณะที่จีซู มองหาโอกาสที่จะต่อยอดทางด้านการแสดง ปรากฎว่า ลิซ่า ลลิสา มโนบาล หนึ่งในสมาชิก โพสต์สตอรี่อินสตาแกรมด้วยภาพขาว-ดำ พร้อมข้อความว่า “coming soon” และกำหนดวันที่ 8 ก.พ. แล้วในที่สุดเปิดเผยออกมาว่า ลิซ่าได้ตัดสินใจเปิดค่ายของตัวเอง ใช้ชื่อว่า LLOUD ระบุว่า "มาร่วมการเดินทางที่น่าตื่นเต้นครั้งนี้ เพื่อข้ามขอบเขตใหม่ไปด้วยกันค่ะ”
สำหรับบริษัท LLOUD เป็นบริษัทบริหารศิลปิน หรือดูแลผลงานในฐานะศิลปินเดี่ยว ระบุว่าเป็นแพลตฟอร์มที่จะแสดงมุมมองทางดนตรี และวงการบันเทิงชองลิซ่า โดยลิซ่าได้เซลฟี่กับป้ายโฆษณา "LLOUD" หน้าโรงภายพนตร์ TCL Chinese Theatre สถานที่ในประวัติศาตร์ย่าน Hollywood Walk of Fame เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา จึงสันนิษฐานกันว่าลิซ่าอาจจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่ประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า โรเซ่ สมาชิกอีกคนหนึ่งกำลังทำผลงานเพลงร่วมกับโปรดิวเซอร์ชื่อดังระดับโลก และมีข่าวว่าอาจเซ็นสัญญากับค่ายยักษ์ใหญ่ฝั่งอเมริกา