#MGRTOP7 ข่าวฮอตในรอบปี 2566 : ทักษิณโกงยันคุก | เศรษฐานายกฯ ส้มหล่น

วันคืนล่วงไป มีเรื่องราวอะไรบ้าง ... MGR Online ขอนำเสนอ "7 ข่าวฮอตในรอบปี 2566" คัดสรรข่าวเด่น ประเด็นฮอตในรอบปีที่ผ่านมา ทาง mgronline.com แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

อันดับ 1 : ทักษิณ โกงยันคุก

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทยที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวันที่ 22 ส.ค. หลังหลบหนีคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษกมานาน 15 ปี ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุกคดีทุจริตปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์ให้รัฐบาลพม่า เอื้อประโยชน์บริษัทตระกูลตัวเอง 3 ปี และแก้สัญญาสัมปทานโทรคมนาคม เอื้อประโยชน์บริษัทตระกูลตัวเอง 5 ปี รวม 8 ปี เมื่อนำตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ปรากฎว่าหลังเที่ยงคืนก็ส่งไปอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 หอผู้ป่วยพิเศษระดับสูง วีไอพี อ้างว่าแน่นหน้าอก สังคมสงสัยเปรียบดังนักโทษเทวดา

ต่อมาวันที่ 1 ก.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยลดโทษ นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร จาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณยังคงอยู่ในโรงพยาบาลตำรวจ แม้จะมีหลายฝ่ายเรียกร้องให้กลับมาจำคุกก็ตาม แต่เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. กรมราชทัณฑ์ออกระเบียบให้สามารถคุมขังได้ในบ้านพัก สำทับด้วยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณเข้าข่ายจะคุมขังนอกเรือนจำ อ้างว่าไม่ใช่นักโทษอุกฉกรรจ์ ไม่ได้เป็นบุคคลน่ากลัวของสังคม ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม อ้างว่าที่ให้พักชั้น 14 เพื่อความปลอดภัยตามระบบของราชทัณฑ์

อันดับ 2 : เศรษฐา นายกฯ ส้มหล่น

การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 22 พ.ค. พรรคก้าวไกลได้ ส.ส.มากที่สุด 151 คน รองลงมาคือพรรคเพื่อไทย 141 คน พรรคก้าวไกลจึงประกาศจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค ส่วนพรรคเพื่อไทยให้สิทธิพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลก่อน โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ติดปมปัญหาเรื่องถือหุ้นสื่อไอทีวี การประชุมร่วมของรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.ค. มีมติไม่เห็นชอบนายพิธา เพราะได้คะแนนเพียง 324 เสียง ไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา 375 เสียง ต่อมามีการเสนอชื่อนายพิธาอีกครั้ง แต่ถูกคัดค้านเพราะเป็นญัตติที่ถูกตีตกไปแล้ว จึงมีการลงมติพบว่าสมาชิกรัฐสภา 395 เสียง ไม่ให้เสนอชื่อนายพิธารอบสอง

เมื่อพรรคก้าวไกลรวมเสียงสนับสนุนไม่ได้ พรรคเพื่อไทยจึงใช้โอกาสดีลกับพรรคฝั่งรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดิม อาทิ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ ในที่สุดวันที่ 22 ส.ค. ที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบให้นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตผู้บริหารแสนสิริ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ด้วยคะแนน 482 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา และได้รับการโปรดเกล้าฯ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายเศรษฐายืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และประกาศว่า 4 ปีจากนี้จะเป็น 4 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลงประเทศ ให้เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่และความสุขของคนทุกวัย

อนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศวางมือทางการเมือง ลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. และทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีวันสุดท้าย 31 ส.ค. ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรี เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่ผ่านมา

อันดับ 3 : บ้านกำนันนก ยิงสารวัตรดับ

เรื่องอื้อฉาวสั่นสะเทือนวงการสีกากี เมื่อเวลา 4 ทุ่มของวันที่ 6 ก.ย. นายธนัญชัย หมั่นมาก ลูกน้องคนสนิทของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดนครปฐม ใช้ปืนยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. เสียชีวิตกลางงานเลี้ยงภายในบ้านพักกำนันนก หมู่ 1 ต.ตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม หลังกำนันนกไปมีเรื่องกับ พ.ต.ต.ศิวกร เพราะร้องขอให้ช่วยสับเปลี่ยนตำแหน่งตำรวจคนสนิท แต่ พ.ต.ต.ศิวกรตอบปฎิเสธ ทำให้กำนันนกไม่พอใจ ภายหลังกำนันนกเข้ามอบตัว ส่วนนายธนัญชัยถูกตำรวจวิสามัญ ที่ซอยหลังวัดพระแท่นดงรัง จ.กาญจนบุรี เมื่อเช้ามืดวันที่ 8 ก.ย. หลังยิงต่อสู้ขัดขืน

ต่อมาเกิดเรื่องเศร้าเมื่อ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ต.ศิวกร ยิงตัวตายภายในบ้านพักย่านคูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี สาเหตุเกิดจากความเครียดเพราะเป็นคนพา พ.ต.ต.ศิวกร ไปพบกำนันนก แล้วเสียใจที่ดูแลน้องไม่ได้ ขณะที่การสอบสวนโดยตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดคืนวันเกิดเหตุ พบว่ามีตำรวจที่ช่วยเหลือ พ.ต.ต.ศิวกร เพียง 5 นาย ส่วนที่ให้การว่ามีตำรวจช่วยเหลือ 10 นายไม่เป็นความจริง ซึ่งได้ตั้งข้อหาละเว้นการปฏฺิบัติหน้าที่ ปัจจุบันคดีกำนันนกอยู่ในศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง โดยมี พ.ต.ต.เกียรติศักดิ์ หรือเกียรติสมสุข พร้อมพวกรวม 23 คนเป็นจำเลย

ความคืบหน้าล่าสุด ศาลนัดอ่านสอบคำให้การไปเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ที่ผ่านมา จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยศาลจะนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 22 ม.ค. 2567 หากไม่มีการขอเลื่อนนัด คาดว่าจะพิพากษาคดีในช่วงเดือน เม.ย. 2567

อันดับ 4 : แป้ง นาโหนด นักโทษเปลืองภาษี

อีกหนึ่งเรื่องอื้อฉาวในกรมราชทัณฑ์ซ้ำเติมนักโทษเทวดาชั้น 14 เมื่อเวลาประมาณตี 1 วันที่ 22 ต.ค. นายเชาวลิต ทองด้วง หรือ แป้ง นาโหนด นักโทษคดีฆ่าผู้อื่นหลายคดี หลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ขณะรักษาอาการป่วยที่ตึกอายุรกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โดยพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการ 5 คน ตั้งแต่คนที่ติดต่อว่าจ้าง คนเฝ้าไข้ คนจัดหาอุปกรณ์ และคนขับรถพาหลบหนี แบ่งงานกันทำกระทั่งปลดโซ่ตรวนสำเร็จ ส่วนกรมราชทัณฑ์สั่งย้ายผู้บัญชาการเรือนจำและ ผอ.ส่วนควบคุมไปส่วนกลาง ส่วนผู้คุม 2 ราย ที่เฝ้าไข้คืนเกิดเหตุถูกสั่งย้ายไปเรือนจำอำเภอเบตง จ.ยะลา

ต่อมาพบเบาะแสเสี่ยแป้งหลบหนีไปพักในเพิงชั่วคราว บนเทือกเขาบรรทัด รอยต่อระหว่างจังหวัดตรัง พัทลุง และสตูล ตำรวจจึงออกปฎิบัติการตามล่าเสี่ยแป้งแบบจัดเต็ม แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะมีฝนตกหนัก แถมตำรวจ ตชด. ถูกต่อหัวเสือรุมต่อยบาดเจ็บสาหัส สุดท้ายก็คว้าน้ำเหลว เปลืองภาษีประชาชน เพราะพบว่ามีตำรวจนอกรีตที่มีผลประโยชน์สีเทา ขนของหนีภาษี ช่วยเหลือเสี่ยแป้งหนีจากเทือกเขาบรรทัดไปท่าเรือใน อ.ละงู จ.สตูล แล้วลงเรือหลบหนีไปยังจังหวัดอาเจ๊ะห์ ประเทศอินโดนีเซีย แล้วอัดคลิป 2-3 คลิปส่งผ่านนักข่าวท้องถิ่นโจมตีกระบวนการยุติธรรม อ้างว่าถูกกลั่นแกล้งไม่ให้ประกันตัว

อันดับ 5 : กราดยิงพารากอน

เมื่อเย็นวันที่ 3 ต.ค. เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อเยาวชนรายหนึ่งใช้สิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงกราดยิงภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 2 ราย คือ น.ส.จ้าว จินหนาน นักท่องเที่ยวชาวจีน และ น.ส.เมา เมจิน ลูกจ้างชาวเมียนมา ก่อนที่ น.ส.เพ็ญพิวรรณ มิตรธรรมพิทักษ์ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ในอีก 10 วันถัดมา รวมเป็น 3 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 4 ราย ซึ่งรัฐบาลร่วมมือกับศูนย์การค้าสยามพารากอนจ่ายเงินเยียวยาผู้เสียชีวิต รายละ 6,200,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บ รายละ 350,000 บาท เหตุการณ์นี้กระทบการท่องเที่ยวและชื่อเสียงของประเทศ

ตำรวจตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พยายามฆ่า มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งต่อมาศาลเยาวชนและครอบครัวกลางมีคำสั่งให้ส่งตัวผู้ก่อเหตุไปสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เขตบางนา โดยศาลเห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหาอาจเป็นภัยร้ายแรงต่อผู้อื่น ส่วนผู้ปกครองผู้ก่อเหตุแสดงความเสียใจ และตกใจอย่างมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยครอบครัวไม่ยื่นประกันตัวเพราะตั้งใจให้ความร่วมมือกับทางการอย่างเต็มที่ และขอรับผิดชอบอย่างเต็มที่เท่าที่จะทำได้

อันดับ 6 : คดีช็อกโลก แอม ไซยาไนด์

ฆาตกรต่อเนื่องสะเทือนใจคนไทย เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ตำรวจกองปราบปรามจับกุม นางสรารัตน์ รังสิวุฒาพรณ์ หรือแอม ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของเท้าแชร์ที่วูบดับปริศนาขณะทำบุญปล่อยปลาริมท่าน้ำ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี แล้วทรัพย์สินสูญหายมูลค่า 4 หมื่นบาท เชื่อว่าแอมนำสารเคมีไซยาไนด์ (Cyanide) ผสมอาหารให้ผู้ตายรับประทาน เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่ามีเหยื่อถูกวางยาเสียชีวิตอีก 13 คน รอดชีวิตมาได้ 1 คน ต่อมาตำรวจออกหมายจับ พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือรองอ๊อฟ ซึ่งเป็นสามี หลังพบว่าเป็นคนขับรถของหนึ่งในผู้เสียชีวิตไปจำนำ

ขณะที่การสอบสวน รองอ๊อฟรับสารภาพ ศาลให้ประกันตัวโดยติดกำไลอีเอ็ม เมื่อรองอ๊อฟเกลี้ยกล่อมให้แอมสำนึกผิด ปรากฎว่าแอมไปเจอทนายความ แอมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขอให้การชั้นศาลเท่านั้น ต่อมาวันที่ 30 มิ.ย. ตำรวจแถลงปิดคดี พบว่าแอมวางยาฆ่าเจ้าหนี้ 15 คดี ในพื้นที่ 8 จังหวัด คดีแรกเกิดในปี 2558 ต่อเนื่องถึงปี 2566 มีผู้เสียชีวิต 14 ราย รอดชีวิต 1 ราย ถูกแจ้ง 75 ข้อหา รวมทั้งดำเนินคดีกับรองอ๊อฟ และทนายความที่ให้การช่วยเหลือ สำหรับเหตุจูงใจมาจากฆ่าเพื่อเอาทรัพย์สิน และหลอกยืมเงินผู้เสียชีวิตไปปล่อยกู้และเล่นแชร์ อีกทั้งผู้ต้องหาติดพนันออนไลน์มีหนี้ในระบบและนอกระบบจำนวนมาก

คดีนี้อัยการยื่นฟ้องแอม พร้อมด้วยอดีตสามีและทนายความ รวม 5 ข้อหา เมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาประทับรับฟ้อง ขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจพยานหลักฐาน ขณะที่แม่ของเท้าแชร์ผู้เสียชีวิตยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งอีก 27 ล้านบาท

อันดับ 7 : สงครามฮามาส-อิสราเอล

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. กลุ่มติดอาวุธฮามาส ซึ่งปกครองฉนวนกาซา เปิดฉากปฏิบัติการยิงจรวดต่อเนื่องกว่า 5,000 ลูก มุ่งหน้าไปทางอิสราเอล พร้อมส่งกลุ่มมือปืนแทรกซึมก่อเหตุโจมตีในเมืองทางตอนใต้ของอิสราเอล ยิงผู้คนที่ผ่านไปมา ทำให้กองทัพอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศถล่มฉนวนกาซา เพื่อตอบโต้กลุ่มติดอาวุธฮามาสในดินแดนปาเลสไตน์ ประชาชนหลายร้อยคนในฉนวนกาซา ต้องหนีตายออกจากบ้านเพื่อย้ายออกจากชายแดนที่ติดกับอิสราเอล ส่วนแรงงานไทยที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ต่างลงทะเบียนขอกลับประเทศกว่า 7,000 คน ซึ่งรัฐบาลไทยได้ทยอยพาคนไทยกลับบ้านไปแล้ว

สถานการณ์หลังผ่านไปกว่า 2 เดือน พบว่ายังไม่มีท่าว่าจะยุติลง แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวเพื่อเหตุผลด้านมนุษยธรรม และการปล่อยตัวประกันไปเมื่อวันที่ 24 พ.ย. โดยมีประเทศกาตาร์และอียิปต์เป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย แต่ปรากฎว่าวันที่ 1 ธ.ค. อิสราเอลเปิดฉากโจมตีในฉนวนกาซา เกิดการสู้รบของทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง ซ้ำด้วยกลุ่มติดอาวุธฮูตีที่สนับสนุนกลุ่มฮามาสโจมตีเรือสินค้าที่มุ่งหน้าไปยังอิสราเอลในทะเลแดง ส่งผลกระทบต่อเรือขนส่งสินค้าต้องเปลี่ยนเส้นทางอ้อมไปอีก ด้านกระทรวงสาธารณสุขกาซารายงานเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ว่ามีผู้เสียชีวิต 19,667 ราย บาดเจ็บ 52,586 ราย และสูญหายประมาณ 8,000 ราย

กระทรวงการต่างประเทศของไทย แถลงสรุปเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ระบุว่า มีคนไทยเสียชีวิต 39 ราย บาดเจ็บ 18 ราย หนึ่งในนั้นยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 3 ราย ตัวประกันคนไทยถูกปล่อยตัวแล้ว 23 ราย และยังคงถูกจับเป็นตัวประกัน 8 ราย

(หมายเหตุ : คอลัมน์ "Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน" ใน MGR Online ขอหยุดตีพิมพ์เนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2567 และจะกลับมาพบกับผู้อ่านในสัปดาห์ถัดไป ประมาณวันที่ 14 มกราคม 2567)