xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 ข่าวฮอตในรอบปี 2560 : ก้าวคนละก้าว "พี่ตูนพันล้าน" | "เปรี้ยวหั่นศพ" หนีกรรมไม่พ้น | "น้องเมย" เหยื่อเตรียมทหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


MGR Online ขอนำเสนอ "7 ข่าวฮอตในรอบปีในรอบปี 2560" คัดสรรข่าวเด่น ประเด็นฮอตในรอบปีที่ผ่านมา ทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

อันดับ 1 : ก้าวคนละก้าว "พี่ตูนพันล้าน"

ภารกิจวิ่งการกุศล "ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ" ของนักร้องดัง "ตูน บอดี้สแลม" หรือ นายอาทิวราห์ คงมาลัย เริ่มต้นเมื่อวันที่ 1 พ.ย. เวลา 06.09 น. ออกจุดสตาร์ทที่ปากอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ อ.เบตง จ.ยะลา เพื่อระดมทุนจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่งทั่วประเทศ ตั้งเป้ายอดเงินบริจาค 700 ล้านบาท แม้ตลอดเส้นทางจะเต็มไปด้วยอุปสรรค เกิดการบาดเจ็บ แต่ก็มิได้ย่อท้อ อีกทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานสิ่งของเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ

ผ่านไป 55 วัน ในที่สุดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ตูน บอดี้สแลม ก็วิ่งมาถึงด่านแม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมระยะทาง 2,215 กิโลเมตร โดยมียอดบริจาคทะลุเป้ากว่า 1,148 ล้านบาท โดยเจ้าตัวกล่าวเปิดใจว่า ตอน 700 กิโลเมตรแรกที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เหมือนจะไปต่อยาก เพราะต้องเลิกวิ่งกลางคัน คิดว่าอาจจะไปไม่ถึงที่ตั้งใจไว้ แต่พอได้ทีมแพทย์ ทีมกายภาพช่วย จนสุดท้ายกลับมาแล้วหลังจากนั้นไม่บาดเจ็บอีกเลย ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนดีหรือฮีโร่ ฮีโร่ตัวจริงอยู่ที่โรงพยาบาล คือแพทย์และพยาบาลที่ทำงานหนักทั่วประเทศ

อันดับ 2 : "เปรี้ยวหั่นศพ" หนีกรรมไม่พ้น

ฆาตกรรมสยองขวัญเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 พ.ค. พบศพหญิงสาวสภาพถูกหั่นเป็นสองท่อน ถูกฝังดินที่บ้านโนนสง่า อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือ แอ๋ม อายุ 22 ปี สาวร้านคาราโอเกะ จากการสืบสวนของตำรวจพบว่า ผู้ตายขึ้นรถฮฮนด้า ซีอาร์วี จากหน้าหอพักในตัวเมืองขอนแก่น และหนึ่งในผู้ต้องหานำโทรศัพท์มือถือของน้องแอ๋มไปขาย กระทั่งจับกุม นายวศิน นามพรหม อายุ 22 ปี ขณะหลบหนีใน สปป.ลาว และจับกุม น.ส.จิดารัตน์ หรือเบนซ์ พรหมคุณ อายุ 21 ปี ได้ที่ จ.อุบลราชธานี

นายวศินซัดทอดว่า คนที่ลงมือฆ่าคือ น.ส.ปรียานุช หรือเปรี้ยว โนนวังชัย อายุ 24 ปี บีบคอน้องแอ๋มจนตาย แล้วเปิดรีสอร์ตหั่นศพด้วยตัวเอง เพราะโกรธแค้นที่เข้าใจว่าเป็นสายตำรวจจับกุมแฟนหนุ่มคดียาเสพติด ต่อมาวันที่ 3 มิ.ย. ทางการเมียนมาจับกุม น.ส.ปรียานุช พร้อมด้วย น.ส.กวิตา หรือเอิญ ราชดา อายุ 25 ปี และ น.ส.อภิวันทน์ หรือแจ้ สัตยบัณฑิต หลังหลบหนีคดีไปยังเมืองท่าขี้เหล็ก กระทั่งวันที่ 22 ส.ค. อัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดขอนแก่น โดย น.ส.จิดารัตน์ได้ประกันตัวข้อหาร่วมกันลักทรัพย์ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ 6 นัด 20 ก.พ. - 13 มี.ค. 61 สืบพยานจำเลย 14 - 15 มี.ค. 61 ก่อนจะพิพากษาต่อไป

อันดับ 3 : "น้องเมย" เหยื่อเตรียมทหาร

การเสียชีวิตของ "น้องเมย" นตท.ภคพงษ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นอกจากจะสร้างความโศกเศร้าแล้ว ยังเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงสงสัย เพราะได้ใบมรณบัตร ระบุสาเหตุเกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และไม่ได้รับคำชี้แจงที่ละเอียด ในที่สุดวันที่ 26 ต.ค. จึงได้นำศพที่จะฌาปณกิจ ไปผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ แต่พบว่าอวัยวะสำคัญทั้งหัวใจ สมอง และกระเพาะหายไป รวมทั้งพบกระดูกซี่โครงหัก 4 ซี่ มีรอยช้ำในช่องท้อง ไหปลาร้าหัก 2 ข้าง

เมื่อเป็นเช่นนี้จึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจเกิดจากอาจถูกลงโทษที่เรียกว่า การธำรงวินัย จากรุ่นพี่อย่างรุนแรง ทำให้บาดเจ็บสาหัส ก่อนที่จะเสียชีวิต กระทั่งวันที่ 23 พ.ย. ศูนย์อํานวยการแพทย์พระมงกุฎเกล้า ได้ส่งมอบชิ้นส่วนอวัยวะของน้องเมยให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ผ่าพิสูจน์ แต่เป็นไปด้วยความลำบากเพราะถูกแช่ฟอร์มาลีนจนเสื่อมสภาพ ส่วนผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของกองบัญชาการกองทัพไทย เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. ระบุว่า น้องเมยไม่มีใครสั่งลงโทษ ทำร้าย แต่เกิดจากหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และมีอาการคล้ายไฮเปอร์เวนติเลชั่น ทางครอบครัวไม่เชื่อผลการสอบสวน และได้แจ้งความต่อ สภ.เมืองนครนายกให้ดำเนินคดีต่อไป

อันดับ 4 : "ครูจอมทรัพย์" จากแพะกลายเป็นแกะ

หลังจากที่นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตข้าราชการครู จ.สกลนคร ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 3 ปี 2 เดือน ในคดีขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต หลังถูกกล่าวหาว่าขับรถกระบะหมายเลขทะเบียน บค 56 สกลนคร ชนคนตายที่ อ.เรณูนคร จ.นครพนม ก่อนได้รับพระราชทานอภัยโทษออกมา เธอได้เข้าร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรมเพื่อขอให้รื้อฟื้นคดี กลายเป็นประเด็นที่ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรม ต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีมติให้รื้อฟื้นคดี นางจอมทรัพย์ ขึ้นมาใหม่

ต่อมาวันที่ 17 พ.ย. ศาลจังหวัดนครพนมพิพากษาในชั้นฎีกายกคำร้องรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ ระบุว่า พยานคนสำคัญ คือ นายสับ วาปี อายุ 61 ปี ที่อ้างว่าเป็นผู้ก่อเหตุไม่ได้ขึ้นเบิกความ พยานคนอื่นๆ ไม่น่าเชื่อถือ อีกทั้งเชื่อว่ามีขบวนการรับจ้างรับผิดแทน หลังพิพากษาตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหา 11 ราย โดยเฉพาะ นายสุริยา นวลเจริญ หรือ ครูอ๋อง อายุ 54 ปี รับสารภาพว่าจ้างนายสับ 4 แสนบาทเพื่อรับผิดแทนครูจอมทรัพย์ ซึ่งได้ส่งเรื่องไปยังอัยการเรียบร้อยแล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 14 รายที่ช่วยเหลือคดีครูจอมทรัพย์ ตำรวจส่งเรื่องให้กระทรวงยุติธรรมลงโทษทางวินัย บกพร่องต่อหน้าที่ พร้อมทั้งให้ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิด

อันดับ 5 : "ยิ่งลักษณ์" หนีตลอดชีวิต

คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ทำให้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยต้องหนีคุก เมื่อวันที่ 25 ส.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำคุก 5 ปี โดยไม่รอลงอาญา ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เนื่องจากไม่ระงับยับยั้งการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตาม เธอได้หลบหนีออกนอกประเทศเมื่อวันที่ 23 ส.ค. โดยมี พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รอง ผบก.น.5 ขับรถพาหนี ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตฯ ออกหมายจับแล้ว

ขณะที่นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ถูกจำคุก 42 ปี นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำคุก 36 ปี และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง เจ้าของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำคุก 48 ปี ในคดีทุจริตระบายข้าวแบบจีทูจี ศาลเห็นว่า การทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจี 4 ฉบับ ไม่ได้รับรองจากรัฐบาลกลางจีน ซื้อขายในสกุลเงินบาท ชำระเงินแบบโอนเงินภายในประเทศ จ่ายเป็นแคชเชียร์เช็ค เปิดช่องให้เวียนเทียนข้าวกลับมาขายในประเทศได้ อีกทั้งสัญญาฉบับแรกใช้เวลาเพียง 9 วัน ทั้งๆ ที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ขณะนี้จำเลยขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาล เพื่อขอให้ลดโทษ ขณะที่อัยการสูงสุดก็ขออุทธรณ์เพิ่มโทษให้หนักขึ้น

อันดับ 6 : "ธรรมกาย" ยุคอัสดง

กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการพระ เมื่อพระไชยบูลย์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและรับของโจร จากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น 16 ม.ค. คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งให้วัดพระธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เริ่มปฏิบัติการจับกุม แต่ก็ต้องเจอพระสงฆ์ และคณะศิษยาณุศิษย์วัดพระธรรมกายขัดขวาง เมื่อตรวจสอบไปยังอาคารดาวดึงส์ พบว่าไม่เจอตัวพระธัมมชโย แต่ใต้ผ้าห่มมีหมอนและผ้าห่มมาคลุมไว้ ใกล้กันมีเครื่อง Hyperbaric Chamber ที่ช่วยรักษาผิวให้เต่งตึง

อย่างไรก็ตาม หลังถูกขัดขวางมาหลายวัน ในที่สุดวันที่ 10 มี.ค. ดีเอสไอเข้าตรวจพื้นที่ต้องสงสัยเป็นเวลากว่า 6 ชั่วโมง โดยที่ทางวัดเปิดทางให้เต็มที่ แต่ไม่พบพระธัมมชโย ก่อนที่ในเย็นวันเดียวกันจะประกาศยุติการเข้าตรวจค้นวัด ถือว่าเป็นผู้ต้องหาหลบหนีตามหมายจับ ขณะที่เมื่อวันที่ 5 มี.ค. ได้มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ถอดถอนสมณศักดิ์พระเทพญาณมหามุนี หรือ พระธัมมชโย และต่อมามีประกาศถอดถอน พระราชภาวนาจารย์ หรือ พระทัตตชีโว รองเจ้าอาวาสวัด หลังห่างหายไปหลายเดือน ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ดีเอสไอได้เข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายอีกครั้ง แต่ไม่พบพระธัมมชโยตามที่มีกระแสข่าวแต่อย่างใด

อันดับ 7 : "ประวิตร" ตำบลกระสุนตก

นับตั้งแต่การบริหารประเทศตลอด 3 ปี 7 เดือน ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พบว่าบุคคลที่ฉุดรั้งคะแนนนิยมของรัฐบาลบ่อยครั้งที่สุด คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะพี่ใหญ่แห่งกลุ่มบูรพาพยัคฆ์ ที่น้องรักอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดยังไงก็ไม่ขาด อีกทั้งยังมีพฤติกรรมฝืนกระแสสังคมอีกด้วย ตั้งแต่กรณีเช่าเหมาลำเครื่องบินการบินไทย 20 ล้านบาทเพื่อไปประชุมที่เกาะฮาวาย สหรัฐอเมริกา เมื่อ 29 ก.ย. - 1 ต.ค. 59 โดยไม่จำเป็น

ตามมาด้วยการผลักดันให้ ครม. อนุมัติจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีน 1.3 หมื่นล้านบาท จากทั้งหมด 3 ลำ รวม 3.6 หมื่นล้านบาท เมื่อ 18 เม.ย. โดยไม่ได้แถลงให้ทราบ เจ้าตัวอ้างว่าที่ไม่แถลงเพราะเป็นเอกสารลับ สื่อไม่ต้องรู้รายละเอียด ทำให้สังคมทวงถามถึงความโปร่งใส ผ่านไปสักพัก ก็เจอเรื่องโอษฐ์ภัย กล่าวหาน้องเมยว่า ตายเพราะฮีทสโตรก ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องเรียนเตรียมทหาร เอาเฉพาะคนเต็มใจถูกลงโทษ ทำเอาสังคมด่ากันจนต้องขอโทษ ล่าสุด 4 ธ.ค. ถ่ายรูปหมู่ ครม. โชว์แหวนเพชรและนาฬิกาข้อมือ ที่พบว่าไม่ได้แจ้งในบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. แถมถูกชาวเน็ตขุดคุ้ยนาฬิกาหรูหลักแสน ถึงหลักล้านบาทมาได้ตั้ง 12 เรือน

อ่านประกอบ : 10 ข่าวฮอตโซเชียล 2560 #ก้าวคนละก้าว #เปรี้ยวหั่นศพ #น้องเมย
กำลังโหลดความคิดเห็น