xs
xsm
sm
md
lg

คุณภีม-สันติภักดิ์ ลักษณพรหม กับแนวคิดบริหารงานแบบคนรุ่นใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ในฐานะรุ่น 2 ที่ต้องสืบทอดธุรกิจ “คุณภีม-สันติภักดิ์ ลักษณพรหม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท Inno Estate และบริษัทในเครือ เล่าว่า คุณพ่อ-คุณอภิชาปราโมช ลักษณพรหม ประธานบริษัท Innovative M&E Contractor (IMEC) เริ่มต้นจากการดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ออกแบบติดตั้งงานระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการก่อสร้างระบบห้องคลีนรูมครบวงจร (Design & Build) ก่อนจะแตกไลน์ธุรกิจเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มูลค่ารวมหลายพันล้านบาท โดยล่าสุดกำลังเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยแบบ Luxury ย่านรัชดา-ลาดพร้าว กับความท้าทายในการนำพาองค์กรน้องใหม่สู้ศึกอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ Inno Estate  

ชีวิตในวัยเรียนของคุณภีม เริ่มจากการเรียนระดับมัธยมต้นที่โรงเรียนโยธินบูรณะ (English-Program) และเกือบไม่ได้เรียนต่อระดับมัธยมปลาย ด้วยความที่ชอบค้าขายจึงไม่ได้สนใจเรื่องการเรียนมากนัก เขาเริ่มต้นด้วยการหาเงินจากการขายเสื้อผ้ากระสอบจากตลาดโรงเกลือเพื่อจำหน่ายในตลาดนัดจตุจักร และตลาดย่านโชคชัย 4 แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่ออายุ 15 ปี เขาได้เข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนไปยังสหรัฐอเมริกา และได้เข้าศึกษาในระดับไฮสกูลในเมืองชนบทเล็กๆ ชื่อ Charleston (Arkansas) ที่มีประชากรประมาณ 3,000 คน เขาเป็นคนไทยเพียงคนเดียว โดยพักอาศัยกับ Host Family ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของรัฐนี้ และยังมีบริษัททนายความให้คำปรึกษาแก่ประชาชนทั่วสหรัฐอเมริกา  

การได้ใช้ชีวิตในเมืองชนบทที่ทุกอย่างต้องทำเองนั้น ได้เริ่มต้นโดยการช่วยเหลือญาติๆ ของ Host Family ในการทำฟาร์ม ล้างมูลสัตว์ ทาสีบ้านเช่า ตัดหญ้า และจัดหาฟืนไม้เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงในฤดูหนาว โดยได้รับค่าจ้างเป็นเงินดอลลาร์

หลังจากนั้นจึงได้ศึกษาต่อระดับปริญญาที่มหาวิทยาลัย Kendall College Chicago ในเครือของ Les Roches School of Hospitality (Switzerland) สาขา Hospitality Management และได้รับโอกาสฝึกงานที่โรงแรม The Peninsula Chicago Hotel โดยได้รับค่าจ้างตามอัตราที่รัฐบาลกำหนด เสมือนพนักงาน Full Time และอีกแห่งหนึ่งคือ Sheraton Grande Laguna Phuket เพื่อต้องการมีประสบการณ์ด้าน Leisure Hotel ซึ่งกลุ่มลูกค้ามีความแตกต่างจาก City Hotel อย่างสิ้นเชิง จากประสบการณ์ข้างต้นทำให้คุณภีมได้รับ Job Offer ในสหรัฐอเมริกา หลังจากทำงานอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาหนึ่ง จึงได้เดินทางกลับประเทศไทยเพื่อพัฒนาและสานต่อธุรกิจจากคุณพ่อ ด้วยเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ ในแบบฉบับของตนเอง

30 ปีในแวดวงธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันนอกจากธุรกิจประเภทที่อยู่อาศัยเพื่อการขายภายใต้แบรนด์ Inno Estate, Sittarom Residence และ Able Asset คุณภีมยังมีธุรกิจบริหารจัดการพื้นที่ให้เช่าของบริษัทฯในเครือ เช่น

● “Plaza Lagoon” ซึ่งเป็น Community Mall แห่งแรกๆ ของเมืองไทยภายใต้แนวคิด "Resort Makes Mall Mold" ขนาดพื้นที่กว่า 13 ไร่ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติต้นไม้นานาพรรณ  บึงน้ำ ประกอบด้วย Super Market ร้านอาหาร ร้านค้าบริการต่างๆ โรงเรียนและสระว่ายน้ำ เพียบพร้อมให้บริการลูกค้าทั่วไป ปัจจุบันดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 20 ปี และยังครองใจคนย่านลาดพร้าว-วังหิน ตลอดมาก

● “Victory Point” พื้นที่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ฝั่งเกาะพญาไทและเกาะดินแดง เป็นจุดเชื่อมต่อการคมนาคมขนส่งสาธารณะ เช่น รถตู้ รถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้าบีทีเอส มีพื้นที่ลานกิจกรรม เพื่อใช้สำหรับงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต แหล่งรวมเสื้อผ้าของกินของใช้ ที่ได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ขึ้นชื่อว่า "สตรีทฟูดแบบไทย” ที่มีจำหน่ายอย่างมากมาย และราคาเป็นกันเอง

● "Victory Mall" เป็นโครงการ Shopping Plaza ขนาดเล็กบริเวณหัวมุมถนนราชวิถีฝั่งเกาะพญาไท ซึ่งเดิมทีเป็นอาคารพาณิชย์เก่า ที่ถูกเพลิงไหม้แต่ได้รับการบูรณะสร้างขึ้นใหม่พร้อมเชื่อมต่อทางเข้ากับ Sky Walk ของสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นแหล่งรวมร้านจำหน่ายสินค้าราคาย่อมเยา

● “Victory Hub” เป็นรูปแบบโครงการ Mixed-use ประกอบด้วยศูนย์การค้าและโรงแรม VIX Bangkok ฝั่งเกาะดินแดงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งอยู่ตรงข้ามโครงการ Victory Mall เชื่อมกับ Sky walk รถไฟฟ้าบีทีเอส เช่นเดียวกัน เดินทางสะดวกสบาย มีการปรับโฉมใหม่ให้ทันสมัย และสวยงาม แบ่งโซน และสัดส่วนต่างๆให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น มีร้านค้าจำหน่ายอาหาร สินค้า และบริการต่างๆครบวงจร ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ครบสไตล์ คุ้มสตางค์”

คุณภีมกล่าวว่า เขาค่อนข้างภาคภูมิใจกับโปรเจกต์ “Victory Hub” นี้ เนื่องจากเป็นอาคารเก่าที่ต้องปรับปรุงใหม่ทั้งหมด ซึ่งมีความยาก และท้าทายมากๆ เริ่มจากนับหนึ่งใหม่ที่ต้องเข้ามาสำรวจพื้นที่เดิม (Existing Condition) เพื่อนำมาทำ Prelimanary Layout โดยใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในส่วนงานโครงสร้าง สถาปัตยกรรมภายนอกและภายใน งานวิศวกรรมระบบประกอบอาคาร การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่เหมาะสม และสอดคล้องกับ Function การใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมงบประมาณที่มีอย่างจำกัดตาม Feasibility Study นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของโครงการ คือการกำหนดผังรวมและองค์ประกอบของโครงการทั้งในส่วนของ Area Allocation และ Merchandise Layout ทั้งนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ที่สะสมมายาวนาน
ในอดีตอาคารแห่งนี้ถูกปล่อยร้างไม่ได้รับการพัฒนา แต่ด้วยความคุ้นเคยกับทำเล และศักยภาพของพื้นที่ย่านนี้ จึงไม่ลังเลที่จะตัดสินใจลงทุน สร้างสรรค์อาคารนี้ให้เป็นหนึ่งในโครงการ Mixed-used ที่สำคัญของย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อย่างไรก็ดี หลังจากเปิดทำการไม่นาน ก็ประสบกับวิกฤตการณ์โรคระบาดโควิด-19 อย่างรุนแรง แต่ก็ผ่านพ้นมาได้จนกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เขารู้สึกขอบคุณกรรมการและทีมงานทุกท่านสำหรับความทุ่มเททำงานอย่างหนัก ตลอดช่วงเวลาอันยากลำบากนี้

คุณภีมยังอธิบายถึงโปรเจกต์อื่นๆ ที่กำลังทำในปัจจุบัน เช่น โครงการ Baan View Viman, สถานบริการเสริมความงาม Meya Clinic และโปรเจกต์ในอนาคต อย่างร้านก๋วยเตี๋ยว "คึกคักโค" อีกทั้งกำลังพิจารณาถึงการขยายสาขาโรงแรมในต่างจังหวัด และการร่วมลงทุนธุรกิจร้านอาหารที่สหรัฐอเมริกา
คุณภีมมีมุมมองที่น่าสนใจต่อวงการอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน แม้หลังจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ผ่านไปจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมผู้บริโภค โดยเฉพาะการถูก Disrupt จากนวัตกรรมเทคโนโลยี เช่น Online Trading หรือ Social Media ต่างๆ แต่เขายังคงมองเห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยให้ความสำคัญต่อ Location และ Product Quality ที่เป็นวิถีชีวิตให้คนทั่วไปเข้ามาใช้บริการ ให้เข้าถึงได้ง่าย ซื้อง่าย จับจ่ายใช้สอยสะดวก ให้สอดคล้องกับบริบทของสังคมตามยุคสมัย

ด้านการบริหารงานภายในองค์กร เขาเชื่อว่าการสร้างพลังบวกเป็นสิ่งสำคัญ ในฐานะหัวหน้าต้องมีทัศนคติที่ดี มีจิตวิทยาในการผลักดันเติมพลังให้กัน ต้องมีธรรมาภิบาล การสร้างทีมเวิร์ก และความซื่อสัตย์ต่อเพื่อนร่วมงานและองค์กร หากทุกคนทำงานด้วยความสมัครใจ และมีความสุขในสังคมการทำงาน งานก็จะออกมาดี ที่สำคัญอย่างยิ่งต้องเติบโตควบคู่ไปกับองค์กรได้อย่างยั่งยืน

สำหรับงานอดิเรกของคุณภีม เขามักจะไปในสถานที่ใหม่ๆ เพื่อเรียนรู้ ได้เจอสถาปัตยกรรม ธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่น บวกกับความชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซค์ จึงชอบ Road Trip เพื่อท่องเที่ยวตามเมืองใหญ่และชนบททั่วโลก หากนับเฉพาะการขี่มอเตอร์ไซค์ประเทศที่ไปมาแล้ว ได้แก่ ลาว จีน อินเดีย ปากีสถาน และเวียดนาม แม้จะมีอีกหลายที่ที่อยากไปแต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้หายไปจากการทำงานมากนัก ซึ่ง Route ประเทศในโซนยุโรป รัสเซีย ญี่ปุ่น ยังคงเป็นเส้นทางที่ใฝ่ฝันอยู่เสมอ

“ไลฟ์สไตล์กับธุรกิจสามารถไปด้วยกัน เพราะการขี่มอเตอร์ไซค์คือสิ่งที่เรารักและทุกครั้งที่ออกทริป ทุกการเดินทางจะคอยเติมพลังบวกให้เรา ได้เพิ่มจิตวิญญาณในการทำงาน การออกเดินทางคือสิ่งที่ช่วยให้เราได้เห็นโลกกว้างขึ้น เพราะยิ่งเราเห็นโลกเราจะได้ตามทันโลก ได้ไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรมของประเทศต่างๆ มาแชร์กันในทีม และสามารถนำมาประยุกต์เพื่อให้เกิดประโยชน์กับองค์กรของเรา” คุณภีมกล่าวทิ้งท้าย




กำลังโหลดความคิดเห็น