สาวชาวเน็ตรายหนึ่งโพสต์จดหมายเปิดผนึก ร้องถึงเลขาฯ พรรคก้าวไกล ประธานสภาฯ และ รมว.ยุติธรรม เหตุถูก "เจี๊ยบ อมรัตน์" ที่ปรึกษา "รองอ๋อง" โพสต์ข้อมูลส่วนตัว แถมตามไปคุกคามถึงบ้านและที่ทำงาน เหตุมาจากโพสต์ ประกาศยุติสงครามเหลือง-แดง
วันนี้ (20 ก.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "ปีใหม่ ปีใหม่" โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึง นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1, นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เรื่อง ขอความเป็นธรรม และขอความคุ้มครองจากการถูกข้าราชการการเมือง (ที่ปรึกษารองประธานสภาคนที่ 1) เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว ข่มขู่คุกคาม ไล่ล่าแม่มด และใช้อำนาจหน้าที่บีบบังคับให้เอกชนสนองความต้องการให้ตน
เนื้อหาของจดหมายเปิดผนึกระบุว่า เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2566 เวลาเช้า ดิฉันได้ทราบข่าวจากเพื่อนเฟซบุ๊กว่า นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่ปรึกษารองประธานสภาคนที่ 1 (นายปดิภัทธ์ สันติภาดา) ได้โพสต์ และทวีตข้อมูลส่วนตัวของดิฉัน เช่น ชื่อเล่น อายุ วันเดือนปีเกิด บ้านเลขที่ ที่อยู่ หมู่บ้าน รูปพรรณสัณฐานที่พักอาศัยของดิฉัน เช่นสีประตูรั้วบ้าน สีรถยนต์ที่ดิฉันใช้ รวมถึงระบุชื่อมารดาของดิฉัน จำนวนบุตรของดิฉัน และยังได้ระบุสถานที่ทำงานของดิฉันพร้อมเบอร์โทรศัพท์ที่ทำงานโดยละเอียด อีกทั้งยังแจ้งว่าหากใครต้องการทราบชื่อ นามสกุลจริง และรูปของดิฉันให้ติดต่อสอบถามได้จากนางอมรัตน์ นางยินดีมอบให้
ซึ่งภายหลังจากนางอมรัตน์ได้โพสต์และทวีตไปไม่นาน ได้มีสื่อ "ข่าวสด" นำข้อมูลของดิฉันไปเผยแพร่ต่อ และ Top News รายงานข่าว จากนั้นได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์จำนวนมากแสดงความคิดเห็นเชิงข่มขู่คุกคามด้วยถ้อยคำหยาบคาย สร้างความเกลียดชังต่อดิฉัน บางส่วนชักชวนกันมาทำร้ายดิฉัน บางส่วนนำบัตรประชาชนของดิฉันแปะในคอมเมนต์ บางส่วนเอ่ยชื่อจริงของดิฉัน ทั้งในโพสต์ และ ทวิตเตอร์ของนางอมรัตน์ ลุกลามมาถึงในเฟซบุ๊กของดิฉัน
ในเวลาบ่ายโมง ดิฉันได้รับทราบจากผู้จัดการบริษัทที่ดิฉันทำงานอยู่ว่า นางอมรัตน์ได้โทรศัพท์เข้ามาหาเธอ และส่งข้อมูลมาให้เธอทางไลน์ กล่าวหาว่าดิฉันโพสต์หมิ่นนาง อ้างว่าคนอ่านรู้ว่าดิฉันหมายถึงนาง โดยนางอมรัตน์ได้ขอให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลตักเตือนหรือดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อดิฉันต่อไป
ผู้จัดการฝ่ายบุคคลและผู้บริหารท่านหนึ่งของบริษัทได้สอบถามดิฉัน ซึ่งดิฉันยอมรับว่าโพสต์วิจารณ์การเมือง, นักการเมือง และพรรคก้าวไกลจริง โดยใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ระบุชื่อ สกุลจริงของใคร ไม่มีคำไหนสร้างความเสียหาย และไม่ได้คิดร้ายหมายขวัญใครถึงชีวิต ใช้สิทธิเสรีภาพตามกรอบกฎหมายทุกประการ ซึ่งหากนางอมรัตน์รู้สึกว่าดิฉันทำความเสียหายให้นาง นางก็สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้
ทั้งนี้ ดิฉันไม่ได้กระทำในนามบริษัท และ ไม่ได้โพสต์ในเวลางาน เวลาที่โพสต์นอกเวลางาน เช่น ก่อนเริ่มงาน พักเที่ยง หลังเลิกงาน วันหยุด หรือวันที่ดิฉันใช้สิทธิลางานทั้งสิ้น ซึ่งดิฉันได้แจ้งต่อผู้บริหารว่า นางอมรัตน์เริ่มโพสต์เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวดิฉันก่อนหน้านี้แล้ว 1 ครั้งเมื่อกลางเดือนสิงหาคม โดยดิฉันไม่ได้ตอบโต้อะไรนางรุนแรงเกินไปกว่าการโพสต์อธิบายข้อเท็จจริงหักล้างข้อความเท็จที่นางกล่าวหาดิฉัน
เหตุเกิดหลังดิฉันประกาศยุติสงครามเหลือง-แดง ขอเชิญชวนเหลือง-แดงสมานฉันท์เดินหน้าประเทศด้วยกัน และ ขอโทษคนเสื้อเหลืองหากเคยใช้วาจาไม่สุภาพต่อกันในอดีต ซึ่งจากการประกาศนั้น หลายสื่อได้นำข้อความของดิฉันไปลงข่าว ทำให้ NGO แกนนำม็อบคนหนึ่งโพสต์และทวีตถามว่าดิฉันเป็นใคร นางอมรัตน์จึงได้โพสต์เผยแพร่ข้อมูลด้านการศึกษาของดิฉันเพื่อตอบคำถามนั้น แต่เป็นข้อความเท็จเกี่ยวกับตัวดิฉัน กล่าวหาว่าเมื่อก่อนดิฉันรับข้อมูลจากอดีตนักการเมืองพรรคหนึ่งมาโพสต์ ดิฉันได้โพสต์อธิบายข้อเท็จจริง พร้อมแนบหลักฐานเป็น "คำนิยม" ที่นักการเมืองท่านนั้นให้เกียรติเขียนในหนังสือของดิฉัน โดยเนื้อความระบุว่า นักการเมืองท่านนั้นได้รับประโยชน์จากข้อมูลที่ดิฉันค้นคว้านำมาเผยแพร่ ไม่ใช่ดิฉันไปรับข้อมูลจากเขามาโพสต์แต่อย่างใด
เวลาบ่ายสามโมงวันเดียวกันนี้ ผู้บริหารได้แจ้งดิฉันว่า นางอมรัตน์ได้เข้ามาที่ทำงานของดิฉัน ได้ขอพบผู้บริหาร และผู้จัดการฝ่ายบุคคล โดยผู้บริหารท่านหนึ่งไม่ต้องการให้เรื่องลุกลามฟ้องร้องกัน จึงได้แจ้งนางอมรัตน์ไปว่าได้ตักเตือนดิฉันแล้ว และจะออกหนังสือตักเตือนให้ดิฉันเซ็นรับทราบเพื่อยุติการโพสต์ถึงนางอมรัตน์ต่อไป
ซึ่งดิฉันได้บอกผู้บริหารไปว่า ดิฉันไม่ได้โพสต์ถึงนางอมรัตน์ ไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย หรือกฎระเบียบบริษัทใดๆ แต่สิ่งที่นางอมรัตน์โพสต์ข้อมูลส่วนตัวของดิฉันต่างหาก ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ และหมิ่นประมาทดิฉันด้วยการโฆษณา สร้างความเสียหาย และความไม่ปลอดภัยในชีวิต รวมถึงครอบครัวของดิฉัน เพราะไม่รู้ว่าใครจะบุกมาทำร้ายคนในครอบครัวของดิฉันเมื่อไร จากคอมเมนต์ที่คลุ้มคลั่ง ชักชวนกันมารุมทำร้าย บางคนบอกบ้านดิฉันอยู่ใกล้บ้านตนเอง เขาสะดวกจะมาจัดการให้ เป็นต้น
ดิฉันคือผู้เสียหายจากการกระทำของนางอมรัตน์ มีความเสี่ยงสูงถึงชีวิต ไม่ใช่นางอมรัตน์เสียหายจากการกระทำของดิฉัน แต่ทั้งนี้ดิฉันได้แจ้งผู้บริหารไปว่าดิฉันจะไม่แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนาง เพื่อไม่ให้กระทบต่อบริษัทและนายจ้าง โดยมีเงื่อนไขว่า นางอมรัตน์ต้องยุติการคุกคามดิฉันด้วย
แต่ปรากฏว่านางอมรัตน์กลับไม่หยุด ยังโพสต์และทวีตเผยแพร่ข้อมูลดิฉันอีก 4 ครั้ง ครั้งแรกอ้างว่าผู้บริหารและผู้จัดการฝ่ายบุคคลจะทำทัณฑ์บนดิฉัน 1 ปี ครั้งที่สองแจ้งแก้ไขข้อความเพราะบริษัทรับปากนางว่าจะจัดการดิฉันให้แล้ว ครั้งที่ 3 ทวีตภาพบัตรผ่านเข้าบริษัทขอพบผู้บริหารพร้อมระบุว่าได้มาพบและขอบคุณผู้บริหาร โดยบริษัทจะออกหนังสือเตือนดิฉัน และผู้บริหารยังรับปากว่าจะสอดส่องพฤติกรรมดิฉันให้ด้วย ครั้งที่ 4 ทวีตว่าหลังออกจากบริษัทดิฉันแล้ว นางได้มาเยี่ยมบ้านดิฉันด้วย พร้อมลงภาพที่พักของดิฉันประกอบ ทำให้เกิดการแชร์โพสต์และทวีตของนางต่อ โดยมีผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากเข้ามาแสดงความเยาะเย้ยดูหมิ่นเหยียดหยามและแสดงความอาฆาตมาดร้ายดิฉันอีกมากมาย เหตุเพราะนางอมรัตน์เป็นนักการเมืองพรรคก้าวไกลที่มีชื่อเสียง มีคนติดตามหลักล้านคน
ดิฉันจึงจำเป็นต้องเรียนมาเพื่อขอความเป็นธรรม และขอคืนความรู้สึกปลอดภัยให้ครอบครัวดิฉันจากทุกท่าน
ดิฉันเชื่อโดยสุจริตใจว่าประชาชนมีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์การเมือง และนักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะที่กินภาษีของประชาชน โดยใช้สิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญอนุญาต
หากนักการเมืองใดเดือดร้อน หรือเสียหายจากการโพสต์ของประชาชน นักการเมืองมีสิทธิใช้กฎหมายคุ้มครองตัวเองได้ ไม่ใช่ใช้ศาลเตี้ยจัดการ
เช่นเดียวกัน หากประชาชนรู้สึกว่าการกระทำของนักการเมือง ข้าราชการการเมือง ที่กินภาษีของประชาชน เป็นการละเมิดสิทธิ คุกคาม หรือชี้เป้าให้ตกเป็นอันตรายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และครอบครัว ประชาชนย่อมควรได้รับการคุ้มครองทางกฎหมายไม่ต่างกัน
ดิฉันยังเชื่อว่าจริยธรรมของนักการเมือง และข้าราชการการเมืองจำเป็นต้องมี การใช้อำนาจหน้าที่ของข้าราชการการเมืองข่มขู่เอกชน บีบบังคับเอกชนให้ดำเนินการใดๆ ต่อพนักงานของตน เพื่อสนองความต้องการของข้าราชการการเมือง เป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและเสถียรภาพของประชาชน เช่นที่ดิฉันถูกกระทำจากนางอมรัตน์ซึ่งเป็นข้าราชการการเมือง ควรถูกพิจารณาสอบสวนจริยธรรมจากหน่วยงานที่สังกัด
ดิฉันยังเชื่อว่าประชาชนของประเทศไทย ควรต้องได้รับความคุ้มครองสวัสดิภาพ ต้องไม่ตกอยู่ในอันตรายจากการไล่ล่าแม่มดจากนักการเมือง จากข้าราชการการเมือง และ/หรือ จากประชาชนด้วยกัน
โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่เรียกร้องยกเลิก/แก้ไข ม.112 โดยอ้างว่าเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีฟรีสปีช วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย พรรคก้าวไกลอ้างเสรีภาพในการพูดและการแสดงความคิดเห็น ชักชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับการเมือง ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพรรคก้าวไกลจะพิจารณาพฤติกรรมไล่ล่าแม่มดของนางอมรัตน์สมาชิกพรรคของตนอย่างจริงจัง
ดิฉันขอวิงวอนต่อทุกท่าน ได้โปรดยุติการคุกคามของนางอมรัตน์ที่มีต่อดิฉัน ได้โปรดคุ้มครองความปลอดภัยให้ดิฉันและคืนความยุติธรรมให้ดิฉันและครอบครัวด้วย
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ปีใหม่ ศิริกุล
19 กันยายน 2566