ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ได้เวลา"อุ๊งอิ๊ง" ทีของ "ชัยธวัช" เพื่อไทยเปลี่ยน ก้าวไกลปรับ ส่ง"ตัวจริง" ลงสนาม!?
สองพรรคใหญ่ เพื่อไทย และก้าวไกล กำลังจะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน
“อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร จะสลัดบทบาทหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย “นอมินี” ของผู้พ่อ “ทักษิณ ชินวัตร” คนอยู่เบื้องหลังหัวหน้าพรรคคนก่อนหน้าอย่าง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ที่ลาออกด้วยแพ้ภัยปากตัวเอง มาสวมบทหัวหน้าพรรค “ตัวจริง”คุมพรรค
ขณะที่เมื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นายกฯทิพย์ บอกลาเก้าอี้หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไปด้วยเหตุผลไม่ต้องการเป็น“ผู้นำฝ่ายค้าน” และมุ่งมั่นจะกลับมาแก้มือเป็น “นายกฯ” ให้ได้ คนที่จะมาแทนก็ใช่อื่นไกลว่ากันว่า จะเป็น “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรค “เงา”ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ซึ่งเป็นหัวหน้าของหัวหน้าอีกที นั่นเอง
ความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงผู้นำทัพของสองพรรคนี้ หากเทียบกันระหว่าง “แพทองธาร” กับ “ชัยธวัช” ด้วยที่มาที่ไปดังกล่าว น่าสนใจว่า “ทักษิณ” และ“ธนาธร” มองข้ามช็อตไปถึงไหน?
เพราะก็รู้ๆกันว่า “อุ๊งอิ๊ง” ลูกสาวคนเล็กถูกวางตัวเป็นทายาททางการเมืองของทักษิณที่ตั้งความหวังใช้ภาพลักษณ์ความเป็น “คนรุ่นใหม่” ของลูกสาวด้วยวัย 37ปี นำพรรคเพื่อไทยไปสู่บริบทใหม่ที่จะขับเคี่ยวฐานเสียงคนรุ่นใหม่ สู้กับก้าวไกล
เมื่อเบื้องหลังของ "อุ๊งอิ๊ง" เป็นทักษิณยืนแบ็ก ประกอบกับการบ่มเพาะให้ลูกสาวมีประสบการณ์มาระยะหนึ่ง ที่พิสูจน์ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาว่า พอที่จะ "เล่นการเมือง" ได้แล้ว
บรรดาข้าเก่าเต่าเลี้ยง พี่เลี้ยงภายในพรรคก็สนับสนุน การได้รับการยอมรับนับถือจากลูกพรรค ก็น่าจะเอาอยู่
เพราะฉะนั้น ทักษิณส่ง "อุ๊งอิ๊ง"ลงสนาม ย่อมคาดหวังว่า จะเป็น "ตัวจริง" ที่อยู่ถูกที่ ถูกเวลา
ส่วนพรรคก้าวไกล หากเคาะ “ชัยธวัช ตุลาธน” เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ แล้วดูทีมงาน “อภิชาติ ศิริสุนทร” เป็นเลขาธิการพรรค “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ นั่งเก้าอี้ โฆษกพรรค ถามว่าขี้ริ้วขี้เหร่ หรือไม่ ไม่ถึงกับแย่ แต่ไม่ดีนัก
“ต๋อม” ชัยธวัช วัย 45 ปี เป็นมือทำงานทางด้านการเมืองให้กับ “ธนาธร” มาตลอด พรรคก้าวไกลที่ได้อันดับ 1เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา บทบาทของ "ชัยธวัช" ในฐานะถูกส่งมาเป็นเลขาพรรค ผู้ประสานสิบทิศจัดตั้งรัฐบาล ถือได้ว่าเขาทำหน้าที่ได้โดดเด่น แต่เมื่อล้มเหลวในภายหลัง ก็เป็นจุดที่คนในพรรคกังขา หรือ แม้แต่ "พิธา" แคนดิเดตนายกฯ ที่ไปไม่ถึงฝัน ก็ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเหมือนก่อน
ด้วยว่า “ชัยธวัช” เป็นร่างทรงของ “ธนาธร” ที่เอาจุดยืนของตัวเองเป็นหลักมากกว่าจะเห็นแก่พรรคและพิธา ยืนกรานไม่ถอยเรื่องแก้ ม.112 จนพิธาได้แค่ “นายกทิพย์” และ พรรคกลายเป็นฝ่ายค้านแบบไม่ยินยอมพร้อมใจของลูกพรรค
เมื่อ “ชัยธวัช” ถูกดันขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค ภายนอกดูเหมือนเปลี่ยนแปลงแต่ในมุมนี้แนวทางของก้าวไกลก็ยังจะเป็นไปแบบเดิม เพราะ “ชัยธวัช=ธนาธร” อยู่ดี
“ธนาธร”ส่ง “ชัยธวัช” ลงสนาม เป็นตัวจริงที่มาแก้เกมหรือส่งมาเพื่อขัดตาทัพเป็นคำถามอื้ออึงกันภายในพรรค
และต้องไม่ลืมว่าที่ผ่านมา จาก “ธนาธร”มาถึง “พิธา” จุดขายเรียกเรตติ้งและเสียงกรี๊ดจาก "ด้อมส้ม" ภาพลักษณ์ของหัวหน้าก็มีส่วนสำคัญ
คราครั้งนี้เปลี่ยนเป็น "แดดดี้ต๋อม" ผู้เงียบขรึม ถนัดกับบทบาทอยู่เบื้องหลังจะเรียกเสียงกริ๊ดๆ จากด้อมส้มได้แค่ไหน? นี่เป็นคำถาม
ก้าวไกลก็คงจะมองเห็นจุดนี้เช่นกัน จึงดึงเอา "ไอติม" มาเป็นโฆษกฯ อย่างน้อยความหล่อเหลาเอาการ ก็พอให้ “ด้อมส้ม”ได้กรี๊ดๆกัน
ระหว่างผู้เล่น "อุ๊งอิ๊ง"กับ "ชัยธวัช" ระหว่างโค้ช "ทักษิณ" กับ "ธนาธร" ระหว่าง เพื่อไทย กับ ก้าวไกล ที่จะขับเคี่ยวกันไปบนสนามการเมือง ที่สุดแล้วศึกนี้ใครจะได้ผลที่ต้องการ ก็ขอ "ด้อมแดง" "ด้อมส้ม" ติดตามดูกันไปยาวๆ
**แจงดรามา คณะของนายกฯเช่าเหมาลำการบินไทยไปสหรัฐฯ ถูกกว่าเครื่องบินกองทัพ ส่วนลูกสาว ที่ติดตามแม่ไปปฏิบัติภารกิจ ออกค่าใช้จ่ายเองนะจ๊ะ
กลายเป็น “นักร้องในโซเชียลฯ”เต็มตัวไปแล้ว สำหรับ “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ที่โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงรายชื่อคณะบุคคลที่เดินทางไปสหรัฐอเมริกากับ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี โดยเช่าเหมาลำการบินไทย ในราคา 30 ล้านสำหรับการเดินทาง
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า มีอย่างน้อย 2 คนที่ไม่ใช่ข้าราชการ และไม่เป็นข้าราชการการเมือง รายหนึ่งเป็นนักธุรกิจเอกชน
และอีกคนคือ “น.ส.ชนัญดา ทวีสิน” บุตรสาวของนายกรัฐมนตรี รวมเดินทางไปด้วย
ส่วน “พักตร์พิไล ทวีสิน” ภริยาของนายรัฐมนตรีนั้น เป็นที่เข้าใจได้ว่าสามารถเดินทางร่วมด้วยในฐานะ First Lady ที่สามารถไปด้วยได้ เมื่อนายกรัฐมนตรี ไปต่างประเทศในงานที่สำคัญ
“สมชัย” ตั้งคำถามว่า นายกรัฐมนตรี สามารถหอบหิ้วเอา เอกชน และบุตรสาวตัวเองติดตามไป โดยใช้งบของทางราชการได้ด้วยหรือ
เคสนี้เหมือนจงใจเปรียบเทียบกับ “คณะทัวร์” ของ “หมออ๋อง” ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่พาคณะส.ส.ก้าวไกล ไปดูงานที่สิงคโปร์ โดยเบิกงบฯหลวง 1.3 ล้านบาทเป็นการทิ้งทวนก่อนสิ้นปีงบประมาณ ทั้งที่เขาไม่ได้เชิญ
แน่นอนว่า ทางรัฐบาลก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังจับจ้องถึงการเดินทางไปสหรัฐฯ ครั้งนี้ และเตรียมหยิบมาเป็นประเด็นโจมตีในโลกโซเชียลฯ เพราะมีการเช่าเหมาลำการบินไทยในการเดินทางถึง 30 ล้านบาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ
เรื่องนี้ “นัทรียา ทวีวงศ์” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร ชี้แจงในภาพรวม เริ่มจากการเช่าเหมาลำเครื่องบินสายการบินไทย โดยยกคู่เปรียบเทียบคือ เครื่องบินของกองทัพอากาศ ที่นอกจากมีปัญหาเรื่องจำนวนที่นั่งแล้ว ตอนแรกกองทัพอากาศ เสนอราคามา 32 ล้านบาท การบินไทยเสนอ มา 25 ล้านบาท แต่เมื่อราคาน้ำมันปรับขึ้นมาก ทางการบินไทยจึงขอปรับเพิ่มเป็น 30 บาท ยังมีเรื่องอาหารที่เสิร์ฟบนเครื่อง ที่ต่างกันด้วย
ส่วนที่นายกฯ หอบหิ้วเอาลูกสาวไปด้วย จนเป็นประเด็นให้โจมตีนั้น รองเลขานายกฯชี้แจงว่า บุตรสาวของนายกฯ ชำระค่าบริการทุกอย่างเอง ทั้งค่าเครื่องบิน ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายระหว่างที่พักอยู่ที่สหรัฐ ก็ใช้เงินส่วนตัว ไม่ได้ใช้เงินของส่วนราชการ แม้แต่บาทเดียว!!
และการที่ภริยานายกฯ เดินทางไปด้วยเพราะทางสหรัฐฯเชิญคู่สมรสด้วย และมีภารกิจของคู่สมรสนายกรัฐมนตรี เช่น ดูศูนย์บริหารผู้สูงวัยของสหรัฐฯ เยี่ยมชมชุมชนไทยที่มีปัญหาด้านต่างๆ ซึ่งในส่วนนี้ ลูกสาวของนายกฯ ก็จะเป็นผู้ติดตามไปดูแล และช่วยภารกิจของคุณแม่ด้วย ส่วนภาคเอกชนที่มีการอ้างถึงนั้น ไม่ได้นั่งเครื่องไปด้วย โดยเขาเดินทางของเขาเอง
ที่สำคัญคือ การเดินทางไปสหรัฐของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ไปในฐานะแขกของผู้นำสหรัฐฯ ที่เชิญไปเยือนอย่างเป็นทางการ ดังนั้น จึงต้องให้ความเป็นธรรม กับคณะของนายกรัฐมนตรี ในฐานะตัวแทนประเทศไทยด้วย
ไม่ใช่มุ่งโจมตีเพียงหวังจะ “ได้แสง” ได้เครดิตในโลกโซเชียลฯ จาก “ด้อม”ที่เป็นฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล
เพราะหากมีอะไรที่คิดว่า “ไม่โปร่งใส” ฝ่ายค้านสามารถตรวจสอบด้วยการตั้งกระทู้ถาม หรืออภิปรายในสภาได้ เพื่อที่ผู้เกี่ยวข้องจะได้ชี้แจง แสดงเหตุผล แจกแจงบัญชี ค่าใช้จ่าย ไม่ใช่มาโพสต์ล่อเป้าในโซเชียลฯ เพื่อหาแสงเช่นนี้
หรือเป็นเพราะ “สมชัย” เพิ่งถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท จากที่ปรึกษานายกฯ ก็เลยออกมาฟัดดะอย่างที่เห็น