xs
xsm
sm
md
lg

“สมชัย” ข้องใจ 4 ประเด็น “เศรษฐา” ใช้เงิน 30 ล. เหมาเครื่องบินไปอเมริกา “นิพิฏฐ์” ชี้ ไม่เกิน 3 เดือน “ข้าวบูด ปลาเน่า”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน จากแฟ้ม
จี้ ส.ส.ตรวจสอบด่วน! “สมชัย” ข้องใจ 4 ประเด็น “เศรษฐา” ใช้เงิน 30 ล. เหมาเครื่องบินไปอเมริกา “นิพิฏฐ์” มีลางสังหรณ์ ไม่เกิน 3 เดือน “ข้าวบูด ปลาเน่า” จะส่งกลิ่นโซยในรัฐบาลชุดใหม่ “อดีตรองอธิการ มธ.” พ้อ การเมืองมีแต่ผลประโยชน์

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 ก.ย. 66) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมาธิการงบประมาณ ปี 2566 และอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์เฟซบุ๊กกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ชี้แจงถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์การใช้งบประมาณในการเหมาลำเครื่องบินสูงถึง 30 ล้านบาท ว่า

“นายกฯ ตอบง่าย แต่ประชาชนยังไม่หายแคลงใจครับ เรื่องเหมาจ่ายค่าเครื่องบิน 30 ล้าน ไปประชุม UN นายกฯ บอก เรื่องนี้อย่าให้พูดต่อเลย ทุกอย่างมีราคาเปรียบเทียบ เป็นไปตามระบบการจัดซื้อจัดจ้างทุกอย่าง เรื่องนี้โฆษกและรองเลขาฯ ได้ชี้แจงไปแล้ว

ภาพ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร จากแฟ้ม
ประเด็นที่ยังต้องพูดต่อ คือ 1. ไม่มีการเปรียบเทียบครับ เพราะเป็นการสืบราคาเพียง 1 ราย คือ บริษัท การบินไทย 2. ตามดูจากข่าว โฆษกไม่เคยชี้แจง มีรองเลขาฯ ชี้แจง แค่รายละเอียดราคาที่มาจากการเสนอของการบินไทยรายเดียว ไม่มีราคาต้นทุนเปรียบเทียบของกองทัพอากาศ ที่มีเครื่องบิน Air Force 1 ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี 3. ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อ บุคคลที่ร่วมเดินทาง 50 คน ว่า ประกอบด้วยใครบ้าง ข่าวว่ามีนักธุรกิจร่วมเดินทางจำนวนหนึ่ง หากใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสนับสนุนจะเหมาะสมหรือไม่ 4. ขอเรียกร้องให้ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบในการกรณีนี้ เพื่อความโปร่งใส และรักษาประโยชน์จากการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน”

ภาพ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ระบุว่า

“ข้าวใหม่-ปลามัน

ในฐานะประชาชน ผมยังไม่วิจารณ์รัฐบาลนี้ แม้ไม่สบอารมณ์พรรคเพื่อไทย แกนนำตั้งรัฐบาล และรำคาญความหยาบคายของพรรคก้าวไกล ที่ใช้ความหยาบคายเรียกคะแนนเป็นหลัก

ถือว่า ยังอยู่ในช่วง ข้าวใหม่-ปลามัน ให้เขามีความสุขไปก่อน

ลางสังหรณ์ “ข้าวบูด ปลาเน่า” น่าจะออกมา ไม่เกิน 3 เดือนหลังจากนี้

ว่าก็ว่าเถอะ ผมหลุดจากวงโคจร “นักประชาธิปไตย” เป็น “นักเสรีนิยม”ไปแล้ว อย่าเรียกผมว่าเป็นนักประชาธิปไตย ผมไม่ต้องพึ่งพารัฐบาล และรัฐบาลก็อย่ามายุ่งกับผม”

ภาพ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Harirak Sutabutr ระบุว่า

“น่าเห็นใจท่านนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย คุณเศรษฐา ทวีสิน อย่างยิ่ง เห็นข่าวว่า มีคำสั่งแต่งตั้งคุณนลินี ทวีสิน เป็นที่ปรึกษา ให้ทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย ก็นึกว่า อย่างน้อยก็มีสิทธิเลือกผู้ร่วมงานได้เองสักตำแหน่ง ที่ไหนได้ ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่า คุณนลินี แม้ใช้นามสกุลทวีสิน แต่ก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเศรษฐาแล้วแม้แต่น้อย

นายกรัฐมนตรีที่ต้องทำงานกับ ครม.ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนเลือก แม้กระทั่งคณะที่ปรึกษาทั้งชุดก็ดูเหมือนว่า นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เป็นคนเลือกเองเช่นนี้ นายกรัฐมนตรีจะทำงานอย่างมีความสุขและได้ผลงานอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้อย่างไร เห็นท่านโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า จะยกเลิกคำสั่งของรัฐบาล คสช. ที่อาศัยอำนาจตามมาตรา 44 และก็ว่าสามารถทำได้โดยไม่ต้องนำเข้ารัฐสภาเพราะนายกรัฐมนตรี และ ครม.มีความเป็นรัฏฐาธิปัตย์ แต่ถ้าไปดูความหมายของคำว่า “รัฏฐาธิปัตย์” ก็จะพบว่า รัฏฐาธิปัตย์ หมายถึงผู้ถืออำนาจสูงสุดของรัฐ นั่นคือ อำนาจอธิปไตย ซึ่งมีอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจตุลาการ ดังนั้น คำสั่งของนายกรัฐมนตรี หากเป็นรัฎฐาธิปัตย์ ก็ต้องถือเป็นกฎหมาย ถามว่าคำสั่งของนายกรัฐมนตรีเศรษฐาเป็นกฎหมายหรือไม่ คำตอบคือ ไม่อย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลมีอำนาจบริหารเท่านั้น อำนาจนิติบัญญัติย่อมเป็นของรัฐสภา ความเข้าใจท่านโฆษกซึ่งความเชี่ยวชาญของท่านก็น่าจะเป็นความเชี่ยวชาญทางด้านการตรวจรักษาสัตว์ น่าจะเป็นความเข้าใจที่สับสนเสียแล้ว

มีข่าวว่า คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประกาศลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้เหตุผลอย่างหล่อๆ ว่า ต้องการทำเพื่อส่วนรวมไม่ใช่เพื่อส่วนตัว เพื่อให้พรรคก้าวไกลได้มีโอกาสเลือกคนที่จะทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านได้สะดวก คำว่าส่วนรวมของคุณพิธา จึงน่าจะหมายถึงส่วนรวมของพรรคก้าวไกล ไม่ได้หมายถึงส่วนรวมของประเทศชาติกระมัง เพราะถ้าจะเก็บตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรไว้โดยใช้วิธีแสดงละคร ขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรค เพื่อสามารถไปสมัครเข้าพรรคเป็นธรรม ซึ่งเสมือนเป็นสาขาของพรรคก้าวไกลได้ เพื่อให้พรรคก้าวไกลได้เก็บตำแหน่งทั้งรองประธานรัฐสภาและตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้ จะเป็นการเล่นละครที่น่าเกลียดเกินไป และยิ่งไม่ใช่เป็นการทำเพื่อประเทศชาติโดยรวม แต่เพื่อพรรคก้าวไกลล้วนๆ หากพรรคก้าวไกลกล้าทำเช่นนี้ ก็อย่าได้คุยโม้อีกเลยว่า เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์ ต้องการทำการเมืองใหม่ให้ดีขึ้น ไม่น้ำเน่าเหมือนที่เป็นอยู่

มาถึงพรรครวมไทยสร้างชาติกันบ้าง เรื่องการเปิดโอกาสให้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากต่างประเทศ ฟังดูก็ดี หากจะเป็นการลดการผูกขาดและเปิดให้มีการแข่งขันมากขึ้นได้จริง แต่ก็อดมีความคลางแคลงไม่ได้ เพราะขณะนี้ก็เป็นที่หายสงสัยกันแล้วว่า พรรครวมไทยสร้างชาติไปเอาเงินทุนมาจากไหนจึงตั้งพรรคและทำพรรคให้เป็นพรรคขนาดกลางได้อย่างรวดเร็ว ส่งผู้สมัครส.ส.ได้ทุกจังหวัดทุกเขต และทำไมพรรครวมไทยสร้างชาติจึงต้องต่อรองจนได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ทำให้มีความคลางแคลงใจว่า การเปิดให้นำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอย่างเสรีจะเป็นการเอื้อประโยชน์อะไรให้กับนายทุนพรรค และทำให้ประเทศเสียประโยชน์หรือไม่ ซึ่งเราก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป

สรุปแล้ว การเมืองไทยยังไม่เคยดีขึ้นได้เลย ตรงกันข้ามยิ่งวันกลับยิ่งแย่ลง ผลประโยชน์เป็นเรื่องที่ต้องมาก่อนเรื่องอื่น การเจรจาต่อรองกันทั้งหมดล้วนไม่ใช่เพื่อประเทศชาติอย่างแท้จริง แต่เพื่อประโยชน์ของพรรค ของผู้สนับสนุนพรรคหรือเจ้าของพรรค และเพื่อตัวเองกันทั้งสิ้น การเมืองในขณะนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ เห็นทีจะต้องขอพักเรื่องการเมืองไว้ชั่วคราวนะครับ โพสต์หน้าจะลงเรื่องอาหารบ้าง และหากมีคนสนใจมากพอ ก็จะใช้เวลาว่างหันมาทำตำราอาหารกันกับเขาบ้าง ถ้าทำจริงๆ จะแจ้งให้ทราบนะครับ โปรดติดตาม”


กำลังโหลดความคิดเห็น