ข่าวปนคน คนปนข่าว
**จาก"ธนาธร" ถึง"พิธา" คนเก่งของ "ไทม์ส" อวย "ทรงอิทธิพล" แต่จบลงด้วย "ทรงอย่างแบด" !!
กรี๊ดสิกรี๊ด...สาวกด้อมส้มทั้งหลายยินดีปรีดาเป็นหนักหนา เมื่อ "แดดดี้พิธา" พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี "สอบไม่ผ่าน" แต่ได้รับการประกาศชื่อจากนิตยสารชื่อดัง "Times" อยู่ในอันดับ 100 Next Leaders หรือ 100 บุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของไทม์ส ประจำปี 2023
“ไทม์” ระบุเหตุผลในการเลือก “พิธา” ว่า สิ่งเดียวที่น่าทึ่งยิ่งกว่าชัยชนะในการเลือกตั้งของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ก็คือ วาระที่เขาพยายามต่อสู้ เพื่อให้บรรลุมาซึ่งเป้าหมายพรรคก้าวไกลของศิษย์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด โดยได้รับคะแนนเสียง 38% จากบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง เมื่อวันที่14 พ.ค.ที่ผ่านมา
นิตยสารดังยังอวยหัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นพรรคที่ต่อสู้ชูนโยบายแก้ไข ม.112 และจะปฏิรูปกองทัพ
หลังจากเข้าสู่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาล ทุกคนก็รู้ว่า พิธาเป็นได้แค่ "นายกฯทิพย์" เพราะก้าวไกลดื้อดึงดันจะแก้ ม.112 ทำให้ สว.ยอมไม่ได้ และโหวตไม่ผ่าน
ความจริงนี้ สื่อนอกอย่าง “ไทมส์”กลับบอกว่า ธรรมชาติของระบอบประชาธิปไตย ที่เต็มไปด้วยระบบบริหารราชการที่ลึกลับซับซ้อน ทำให้เส้นทางสู่อำนาจของพิธา ถูกขัดขวางโดยวุฒิสภาที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง และความท้าทายทางกฎหมายมากมาย
“พิธา” ไม่ใช่คนแรกที่ติดอันดับ100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลของ time ก่อนหน้านี้ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ก่อนจะแปลงกลายเป็นก้าวไกล ก็เคยได้แบบเดียวกันกับ พิธา ในปี2019
เหตุผลก็ไปในทำนองเดียวกัน เป็นคนรุ่นใหม่ มีความคิดต้องการจะแก้ไข ม.112 และกองทัพ เหมือนกับพิธา
เรียกว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคตของไทมส์ “ธนาธร กับ พิธา” โคลนนิ่งกันออกมาเต็มๆ
ฟังว่า “พิธา” ดีใจสุดๆ เตรียมจะบินร่วมงานกาลาฯที่นิวยอร์ก พร้อมแวะเจอคนไทยที่สหรัฐฯไปในตัว
แน่นอนว่า การมีชื่อเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต “พิธา” เอาไปขายฝันให้ด้อมส้มที่นั่นเรียกเรตติ้งกันยาวๆ
ใครได้ฟังแล้วให้ความรู้สึกที่มีความหวัง แต่ความเป็นจริงที่ผ่านมาคือไม่มีหวัง และอนาคตก็ไม่รู้จะมีหรือไม่ ที่จะได้เป็นนายกฯ
“ธนาธร” เคยเป็นอย่างมากคือ"นายกฯโซเชียล" ขณะที่ พิธา "นายกฯทิพย์"
เมื่อไหร่ก็ตามที่สื่อนอกอวย แล้วสังเกตุให้ดีๆ ส่วนใหญ่ชีวิตออกมาเป็นแบบตรงกันข้าม
นอกจาก ธนาธร กับ พิธา จำกันได้หรือไม่? สำนักข่าวบีบีซีจัด 100 สตรีผู้สร้างแรงบันดาลใจและทรงอิทธิพลทั่วโลก ก็เคยจัด "รุ้ง" ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ติดอยู่ในสาขาผู้นำ- leadership สุดท้ายเป็นอย่างไร ??
ก็ต้องบอกว่า “ธนาธร”มา“รุ้ง”และถึง“พิธา” ขึ้นต้นเป็น"ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต" จบลงด้วย"ทรงอย่างแบด" ทั้งน้านนน!!
**เอ๊ะกันเป็นแถว...“หมอชัย” โฆษกป้ายแดง บอกรัฐบาลนี้เป็น“รัฏฐาธิปัตย์” คำสั่งนายกฯ ล้าง ม.44 ได้ ก็เลยงานเข้ารัวๆ
ประเดิมประชุม ครม.นัดแรกเมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา เรื่องเร่งด่วนตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ อย่าง ลดค่าไฟ ราคาน้ำมัน ตรึงราคาก๊าซหุงต้ม เงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน คาซักสถาน “นายกฯเศรษฐา ทวีสิน” เป็นคนแถลงเอง ส่วนเรื่องอื่นๆให้เป็นหน้าที่ของ โฆษกรัฐบาล“นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์” เป็นคนแถลง
แล้ว “โฆษกป้ายแดง” ก็ทำเรื่อง จนเป็นประเด็นดรามาตามมา โดยแถลงว่าในที่ประชุม “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้เจ้ากระทรวงต่างๆ ไปดูในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบว่า ในช่วงที่ผ่านมานั้น ที่มีการใช้อำนาจคสช. ตั้งคณะกรรมการต่างๆ ขึ้นมามากมายถึง 178 ชุด มีชุดไหนบ้างที่ควรให้มีต่อไป หรือชุดไหนที่ไม่มีความจำเป็น ควรยุบเลิก ก็ให้ชี้แจงมาพร้อมเหตุผล ภายในวันที่ 25 ก.ย.นี้ รวมถึงให้กระทรวง ทบวง กรม ที่ในอดีต รับคำสั่ง หรืออำนาจจากคสช. แล้วยังต้องปฏิบัติการตามนั้น ให้ไปทบทวนว่า คําสั่งคสช. อันไหนที่ยังมีความจำเป็นต้องคงไว้ อันไหนเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ หากไม่เสนอมาภายในวันที่ 9 ต.ค. ให้ถือว่า ยกเลิกไปโดยปริยาย
ผู้สื่อข่าวได้ฟังก็เอ๊ะแล้ว เอ๊ะอีก ด้วยเกิดข้อสงสัย เพราะ “คำสั่งคสช.” ด้วยศักดิ์ทางกฎหมายน่าจะเทียบเท่า พ.ร.บ. แล้วจะใช้คำสั่งนายกฯ ไปยกเลิกได้หรือ จึงถามว่าจะยกเลิกคำสั่งคสช. ด้วยวิธีการใด “หมอชัย” ตอบว่า “มติคณะรัฐมนตรี ก็ยกเลิกได้ ตอนนี้รัฐบาลนี้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ยกเลิกได้อยู่แล้วครับ”
นักข่าวจึงถามย้ำว่า มติครม. สามารถยกเลิกมาตรา 44 ได้หรือไม่ “หมอชัย” ตอบว่า คำสั่งอะไรก็ตามของคสช. ภายในวันที่ 9 ต.ค.นี้ ถ้าไม่มีเสนอเข้ามาว่าจะขอใช้ต่อ ให้มีผลยกเลิกทันที
เมื่อถามว่า ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ตามศักดิ์ของกฎหมาย เทียบเท่าคำสั่งคสช. ได้หรือ “หมอชัย” ตอบว่า ไม่ว่าจะศักดิ์เทียบเท่าหรือไม่ แล้วแต่คนมอง แต่จะมีผลทันที เพราะเป็นคำสั่งที่ออกเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามย้ำว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อสั่งการนายกฯ หรือเป็น มติครม. “หมอชัย”ตอบว่า เป็นข้อสั่งการ
เรื่องนี้จึงเป็นประเด็นดรามา ตามมาทันทีเช่นกัน เพราะสิ่งที่”หมอชัย” พูดนั้น ผิดแล้ว ผิดอีก
อย่างเช่น “นพดล ปัทมะ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย บอกว่า... รัฐบาลไม่ใช่รัฏฐาธิปัตย์ ดังนั้นการจะยกเลิกคำสั่งคสช.ใดๆ ต้องดูเนื้อหาของคำสั่งนั้นๆ ว่าอยู่ลำดับศักดิ์ใด ถ้าเป็นระดับ มติครม. รัฐบาลนี้ก็ใช้มติครม. ยกเลิกได้เลย แต่ถ้าเนื้อหานั้นเป็นกฎหมาย การจะแก้ไข หรือยกเลิก ก็ต้องเสนอกฎหมายผ่านสภา จะมาใช้ข้อสั่งการไม่ได้...
“จตุพร พรหมพันธุ์” บอกว่า ปกติรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเขาจะไม่ใช้คำว่า “รัฏฐาธิปัตย์” มีแต่คณะยึดอำนาจที่ใช้ เพราะหมายถึงการยึดอำนาจทั้งสาม คือ บริหาร นิติบัญญัติ และยุติธรรม มาไว้ที่คนคนเดียว
ถ้านายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งแล้วมาใช้คำนี้ ถือว่ามีอาการป่วยทางใจอย่างยิ่ง ...เอ๊ะ หรือว่าขณะนี้ประเทศได้บริหารโดยคณะรัฐประหารชุดใหม่ไปแล้ว!!
“สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. บอกว่าเห็นข่าวโฆษกฯแล้วสงสารรัฐบาลทันที ก็ท่านบอกว่า คำสั่งนายกฯ เทียบเท่ามติครม. แล้วมติครม. สามารถอยู่เหนือคำสั่งคสช.ได้ ...ใจจริงก็อยากให้เป็นอย่างนั้น จะได้ใช้คำสั่งนายกฯไปลบล้างคำสั่งคสช. ที่แย่ๆ ได้
แต่ในทางกฎหมายมันไม่ใช่อย่างนั้น คำสั่งคสช. มีฐานะเทียบเท่า พ.ร.บ. การจะแก้ หรือยกเลิกตั้งเสนอเป็นกฎหมายเข้าสภา ไม่สามารถใช้มติครม.ได้ ... อีกทั้ง คำสั่ง หรือการสั่งการของนายกฯ ก็ไม่เท่ามติครม. ไม่งั้นจะเสียเวลาประชุมครม.ทำไม จะลดราคาน้ำมัน ค่าไฟ ค่ารถไฟฟ้า ก็ให้นายกฯสั่งการไปเลยไม่ง่ายกว่าหรือ
และที่บอกว่ารัฐบาลนี้เป็น “รัฏฐาธิปัตย์” ยิ่งเป็นการเข้าใจผิดไปใหญ่ เพราะคำว่า “รัฏฐาธิปัตย์” หมายถึงผู้มีอำนาจใหญ่สุดในรัฐ ซึ่งก็คือคณะรัฐประหารนั่นเอง ที่รวมอำนาจ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ไว้ที่เดียว แต่สถานะปัจจุบันของรัฐบาล เป็นแค่หนึ่งในสามอำนาจอธิปไตยเท่านั้น
“สมชัย” ทิ้งท้ายว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมรัฐบาลจำเป็นต้องมีรองนายกฯ ด้านกฎหมาย และไม่ควรมีสัตวแพทย์เป็นโฆษกรัฐบาล!!
นี่แค่ประชุมครม.นัดแรก โฆษกป้ายแดง เพิ่งแถลงครั้งแรก ก็งานเข้ารัวๆซะแล้ว!!