“ปิยบุตร” ชี้ โฆษกรัฐบาล ขาดความรู้กฎหมาย เชื่อกระทบนายกฯ แนะดึง “ชูศักดิ์” นั่งรองนายกฯ “ดร.กานดา” ติง “ด้อมส้ม” เรื่องความก้าวร้าว ควรเลิกคิดใครเชียร์ไม่เหมือนตัวเองต้องเป็น “ศัตรู” จนทำเสียแนวร่วม
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 ก.ย. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุว่า
“เห็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวประเด็นการยกเลิกคำสั่ง คสช.แล้ว แสดงให้เห็นถึงการขาดความรู้เรื่องกฎหมายเบื้องต้น หากไม่แน่ใจ ไม่มั่นใจ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในพรรคเพื่อไทย หรือนักกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ได้
แถลงไป ตอบนักข่าวไป แบบนี้ ไม่ใช่เสียแค่ตัวโฆษกเท่านั้น แต่กระทบถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะโฆษกไปอ้างว่าทั้งหมดเป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี
เห็นแบบนี้แล้ว ก็เสียดายและคิดถึงอาจารย์ชูศักดิ์ ศิรินิล พรรคเพื่อไทย ควรให้อาจารย์ชูศักดิ์ เป็นรองนายกฯ ดูแลงานกฎหมายของรัฐบาล จะดีกว่า รัฐบาลจำเป็นต้องมีคนทำหน้าที่นี้
ในอดีตตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน มาจนถึงเพื่อไทย มีนักกฎหมายผู้เข้าใจกฎหมายมหาชนและการบริหารราชการแผ่นดินจำนวนมาก เช่น นายโภคิน พลกุล, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายนพดล ปัทมะ ยังไม่นับรวมดึงคนนอกมาร่วมงานใน ครม. อีก เช่น นายวิษณุ เครืองาม, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ
แต่มารอบนี้ ไม่ตั้งคนแนวๆ นี้ ไปทำงานเลย พรรคแกนนำรัฐบาลจำเป็นต้องมีคนของตนเองเข้าไป ทั้งทำงานกับนักกฎหมายในระบบราชการ และทั้งชนกับนักกฎหมายในระบบราชการ”
นอกจากนี้ “ปิยบุตร” ยังแสดงความเห็นด้วยว่า ในอนาคต หากพรรคก้าวไกลได้เป็นแกนนำรัฐบาล ก็จะเจอปัญหาคนละแบบกับพรรคเพื่อไทย
พรรคเพื่อไทย มีคนที่ทำหน้าที่นี้ได้ แต่ไม่ตั้งเข้าไป
ส่วนพรรคก้าวไกล เท่าที่ผมสำรวจตรวจสอบ ต้องขออนุญาตพูดตรงๆ อาจรสขมแบบเอสเปรสโซ่ 2 ช็อต คือ ไม่มี ส.ส. ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายมหาชนและการบริหารราชการแผ่นดิน เพียงพอ เท่าทัน หรือพอฟัดพอเหวี่ยงกับบรรดานักกฎหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ขณะเดียวกัน ดร.กานดา นาคน้อย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยคอนเนตทิคัต แสดงความคิดเห็น ผ่านทางทวิตเตอร์ (X) ความว่า
“ขอเขียนเรื่อง “ความก้าวร้าว” หน่อย โดยรวมคิดว่าคนเชียร์พรรคก้าวไกล ควรเลิกคิดว่าคนไม่เชียร์พรรคก้าวไกล คือ “ศัตรู” ที่ต้องห้ำหั่น
เพราะคนเชียร์พรรคอื่นก็อาจมีจุดร่วมด้านนโยบาย เช่น ปฏิรูปกองทัพ การเปิดหน้าห้ำหั่นกันโดยที่ไม่เคยพบตัวจริงกัน ทำให้ไม่อยากพบ ไม่อยากทำงานด้วย เสียแนวร่วม”