“ธีระชัย” ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ เตือนนั่งควบ รมว.คลัง เสี่ยงขัดกันซี่งผลประโยชน์ในการกำกับดูแลกระทรวงการคลัง มีอำนาจสั่งการแบงก์ชาติ-ตลาดหลักทรัพย์ โดยตรง ขัดรัฐธรรมนูญ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง
วันนี้ (15 ก.ย.) นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Thirachai Phuvanatnaranubala - - ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 14 กันยายน 2566 เรื่อง อาจมีการขัดกันซึ่งผลประโยชน์ เรียน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีเนื้อหาระบุว่า
ตามที่ท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพร้อมกันนั้น
ข้าพเจ้ามีความเห็นว่าอาจจะมีความเสี่ยงเกิดการขัดกันซึ่งผลประโยชน์ในการกำกับดูแลการทำงานของกระทรวงการคลังได้ จึงขอกราบเรียนข้อมูลมาดังนี้
ก่อนหน้ารัฐสภาลงคะแนนเลือกท่านเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๖ มีกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แสดงข้อสงสัยในที่สาธารณะ ว่า ท่านอาจเกี่ยวข้องพัวพันกับการดำเนินการบางประการในบริษัทจดทะเบียนที่อาจเข้าข่ายเป็นการเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อย อันอาจฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕
ซึ่งการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวจะต้องดำเนินการโดยหน่วยงานในกระทรวงการคลังเป็นจุดเริ่มต้น
ดังนั้น การที่ท่านดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ย่อมทำให้เกิดความเคลือบแคลงในสายตาของประชาชนเกี่ยวกับปัญหาความโปร่งใสตรงไปตรงมาอยู่แล้ว
ปรากฏว่า ในวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖ ท่านได้ทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ ๒๑๐๖/๒๕๖๖ เรื่อง การมอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยคำสั่งดังกล่าวมอบให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) มีอำนาจในการสั่งการการอนุญาต การอนุมัติ การกำกับดูแล และการปฏิบัติราชการหรือดำเนินการอื่นที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะพึงปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศ คำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี สำหรับงานของกรมสรรพากร
ในขณะที่คำสั่งนี้ไม่ได้มอบให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังผู้ใดปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
สั่งการสำหรับงานของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และงานของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ท่านจึงเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสั่งการสำหรับสามหน่วยงานนี้โดยตรง
ข้าพเจ้าขอเรียนว่าสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะองค์กรที่รับผิดชอบพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๕ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย่อมได้รับทราบจากสื่อสาธารณะ รวมทั้งอาจจะได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายชูวิทย์ด้วยแล้ว
ทั้งสององค์กรจึงจะต้องทำการตรวจสอบกรณีที่เกี่ยวข้องกับตัวท่าน ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบบางส่วนอาจจะต้องมีการสอบทานเส้นทางการโอนเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งได้ปรากฏข้อมูลว่ามีผู้ที่ร้องเรียนต่อกรมสรรพากร ขอให้ตรวจสอบการดำเนินการบางประการในหรือที่เกี่ยวเนื่องกับบริษัทจดทะเบียน ที่อาจเข้าข่ายเป็นการสมคบคิดกันเพื่อเลี่ยงกฎหมายภาษีอากร ซึ่งมีการพาดพิงถึงตัวท่าน
ข้าพเจ้าขอเรียนว่าตัวเองมิได้สงสัยในความซื่อสัตย์สุจริตของตัวท่าน
แต่ท่ามกลางข้อสงสัยและข้อร้องเรียนเกี่ยวกับตัวท่านนั้น การที่ท่านควบคุมหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินการของท่านในอดีตได้แบบรวมศูนย์
โดยกรณีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) ที่มีอำนาจในการสั่งการกรมสรรพากรก็เป็นบุคคลในพรรคการเมืองเดียวกับท่าน
จึงย่อมไม่สามารถขจัดความเคลือบแคลงในประชาชนว่าท่านอาจจะมีอิทธิพลต่อการทำงานที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านได้โดยทางตรงหรือทางอ้อม
ข้าพเจ้าจึงมีข้อแนะนำว่า มีความเสี่ยงว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจมีการดำเนินการที่ขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐ หมวด ๙ เรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์
ประกอบมาตรา ๑๖๐(๕) ซึ่งบัญญัติว่ารัฐมนตรีจะต้องไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และเพื่อประกอบการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของท่านต่อไป
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
(นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล)
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง