“สนธิ” ย้อนวิบากรรม “ชูวิทย์” โกหกคำโตครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่รับงานโจมตีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ใส่ร้ายกัญชาแต่ไม่กล้าดีเบต ล่าสุดรับเงินสีเทาแล้วเอาไปบริจาค ตอนนี้กรรมกำลังไล่ล่า โครงการหมื่นล้านส่อฝันสลาย เพราะเคยประกาศให้เป็นสวนสาธารณะ ต้องโอดครวญว่ามีขบวนการพยายามปิดปาก ขณะที่บรรดาติ่งยังหลับหูหลับตาเชียร์ ด้วยตรรกะวิบัติ ตลบตะแลงไม่เป็นไรเพราะทำเพื่อชาติ ต้องใช้โจรปราบโจร
ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ได้กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักธุรกิจและอดีตนักการเมือง ได้โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงถึงแบบรัวๆ ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งที่ตนได้ตั้งปณิธานว่าจะลดละเลิกพูดถึงนายชูวิทย์เพราะได้เตือนไปตั้งแต่แรกแล้วว่าที่ออกมาโหวกเหวกโวยวายพาดพิงถึงตนนั้นนายชูวิทย์ต้องเลิกโกหกเสียก่อน
วันนี้ข้อเท็จจริงหลายๆ อย่างก็เริ่มเปิดเผยออกมาแล้วว่านายชูวิทย์พูดเท็จและโกหกอะไรไว้บ้าง และเชื่อว่าจะมีการเปิดเผยออกมาเรื่อยๆที่แสดงให้เห็นตัวตนของนายชูวิทย์ หลักสัจธรรมที่ว่า "ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว" กำลังไล่ล่านายชูวิทย์อยู่จนต้องออกมาโอดครวญว่าตอนนี้มีขบวนการพยายามจะปิดปากตนเอง มีทั้งทนายความ พวกหิวแสง นักร้องเรียนทั้งหลาย จนกระทั่งนายชูวิทย์ต้องพึ่งทนายบอกว่าใครฟ้องมาจะฟ้องกลับ จะสู้ทางกฎหมาย โดยใช้นายอนันต์ชัย ไชยเดช เป็นทนายความ
นายชูวิทย์ โกหกอะไรบ้าง ?
1.นายชูวิทย์ปฏิเสธยืนกรานไม่ได้รับเงินไม่ได้รับงานใคร แต่พอถูกจับได้ ก็แถว่ารับงานจริงแต่ไม่ได้รับเงิน
2.กล่าวหามีคนรับเงินทอน 30,000 ล้าน ใครงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม พูดเป็นตุเป็นตะ โอนเข้าบัญชี HSBC สิงคโปร์ มีเบอร์บัญชีด้วย แต่ถึงเวลาจริงๆ ก็ไม่พูด อ้างไปว่ายังประมูลไม่เสร็จก็เลยไม่มีเงินทอน โกหกอีกดอกหนึ่ง
3.รับงานนายคีรี กาญจนภาสน์ กับบีทีเอส มาโกหกเกี่ยวกับเรื่องการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มหลายข้อ ซึ่งผู้สนับสนุนนายชูวิทย์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว พอตนพูดเรื่องการทุจริตรถไฟฟ้าสายสีเขียวก็มาถามว่าทำไมไม่พูดถึงสายสีส้มบ้าง
สัปดาห์ที่แล้ว ได้อธิบายให้ฟังอย่างละเอียดไปแล้วพร้อมยกหลักฐานมาเปิดเผยให้ดูแบบละเอียดยิบตามที่เรียกร้องมาพวกที่ไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวเพราะเรื่องนี้มีแต่รายละเอียดที่มาที่ไปมัวแต่ฟังคำโกหกของนายชูวิทย์ ก็มโนไปว่ามีเงินทอน 30,000 ล้านมีส่วนต่างประมูลค่าก่อสร้าง 60,000 กว่าล้าน
นอกจากนี้ นายชูวิทย์ยังบอกว่ามีคดีความสายสีส้มที่รอคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดข อให้ฟังคำพิพากษา ล่าสุดเมื่อเช้าพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่บริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอส ฟ้องคณะกรรมการคัดเลือกฯ รฟม.ว่าล้มประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มโดยมิชอบ
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่าการยกเลิกประกาศเชิญชวนและการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนตามประกาศเชิญชวนมิได้เป็นไปโดยอำเภอใจ การยกเลิกเป็นไปเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่สุจริต ไม่เป็นการเลือกปฏิบัติและเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย
4.นายชูวิทย์บอกจะคัดค้านนโยบายกัญชา ไม่สนับสนุนกัญชาเสรี แต่เปิดบาร์กัญชา CHUWEED ในโรงแรมเดอะเดวิส แถมยังให้ร้านกัญชาที่ชื่อ DISPENSARY 24 เช่าพื้นที่เปิดโรงแรมอีก
5.บิดเบือนเรื่องสมุนไพรเรื่องนโยบายกัญชาตลอดเวลา เพราะต้องการโจมตีพรรคภูมิใจไทย แต่พอนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ และทำเรื่องกัญชามาตั้งแต่พรรคภูมิใจไทยยังไม่ได้เอากัญชามาเป็นนโยบาย ได้ท้านายชูวิทย์มาดีเบต และตนได้ติดต่อไปทางนายกรรชัย กำเนิดพลอยว่า ให้ดีเบตออกรายการโหนกระแส ซึ่งนายกรรชัยเห็นด้วย แต่บอกว่านายชูวิทย์คงไม่มา และในที่สุดนายชูวิทย์ก็ตอบแบบเอาสีข้างถู อ้างว่านายปานเทพเป็นเด็กเมื่อวานซืน
6.นายชูวิทย์กล่าวหาว่า กรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่งชื่อ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ขาดคุณสมบัติ ทั้งๆ ที่ไม่จริง พยายามให้ร้ายเพราะไม่ต้องการให้นายสุชาติทำหน้าที่ ป.ป.ช.
“แล้วเรื่องคดีที่ดินของคุณ ผมจะบอกข่าวร้ายให้คุณรู้ด้วยว่า ถ้าผมฟ้องไปแล้วยื่นไป ป.ป.ช.แล้ว แล้วผูกผู้ว่าฯ ชัชชาติเข้าไปด้วยมันเป็นคดีเรื่องของนักการเมืองแล้วเข้า ป.ป.ช.คุณชูวิทย์ครับมันต้องตกไปคณะของคุณสุชาติที่คุณไปให้ร้ายเขา
“ยังไม่นับเรื่องส่วนตัวคุณชูวิทย์ ที่คุณโกหกเรื่องเกี่ยวกับผมหลายเรื่อง ทั้งที่คุณอยู่ในเรือนจำ เรื่องสุขภาพของผม โกหกอย่างหน้าด้านๆ ซึ่งผมไม่ย้อนไปเล่าให้ฟัง เพราะตัวคุณคงรู้แก่ใจดีว่าเรื่องไหนที่คุณโกหกออกมาแบบหน้าด้านๆ พอคุณถูกจับได้คุณชูวิทย์ท่านผู้ชมครับใช้บทเตมีย์ใบ้ไม่พูด”
นายสนธิกล่าวต่อว่า กรรมจากการโกหกครั้งล่าสุดของนายชูวิทย์ก็คือ ถูกแฉแอบรับเงินบาปมาทำบุญในชื่อตัวเอง แต่พอจับได้ก็สารภาพอ้างว่าไม่อยากรับ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร พอโดนทนายตั้มแฉเรื่องรับเงิน นายชูวิทย์ก็เลยเปลี่ยนสถานภาพตัวเองเป็นมหาโจรทันที เพื่อให้สมบทบาทว่ามหาโจรมาปราบโจร เพราะฉะนั้นสามารถจะทำอะไรที่ค่อนข้างจะไม่ถูกกฎหมายก็ต้องให้อภัยกัน
“แล้วไปอ้างว่าโรบินฮูดปล้นคนรวยช่วยคนจน ผมก็เลยอยากจะถามพวก FC โง่ๆ แล้วก็พวกพิธีกรโง่ๆ หลายคนบอกว่าคุณชูวิทย์เป็นโรบินฮูด คุณเคยอ่านหนังสือและตำนานเรื่อง "โรบินฮูด"ไหม เขาไม่ได้โกหกพกลมไปวันๆ โดยไม่มีความละอายต่อบาป แฉไปด้วยไถไปด้วย โรบินฮูดไปปล้นเงินคนรวยเอามาแจกจ่ายคนจน แล้วเขาไม่รีดไถใครด้วย ทุกบาททุกสตางค์เขาได้มาเขาเอาไปช่วยเหลือคนจน”
“คุณชูวิทย์ครับผมจะแนะนำอะไรให้คุณอย่างนะ ถ้าคุณเชื่อผมคุณทำตามแล้วคุณจะมีความสุข ถ้าคุณอยากได้บุญจริงๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าคุณอยากได้หรือเปล่า เพราะวันนี้คุณรู้ว่าคุณเป็นโรคภัยไข้เจ็บ คุณอาจจะอยู่ได้ไม่นาน คุณจะทำทุกสิ่งทุกอย่างในที่ดินผืนนี้ (สวนชูวิทย์) เพื่อให้เป็นสมบัติของลูกหลานคุณทั้งๆ ที่มันผิดกฎหมายคุณก็พร้อมที่จะก้าวข้ามกฎหมายนี้ไปต้องมีคนเข้าไปแจ้งความและฟ้องคุณ
“คุณชูวิทย์ ผมเป็นคนที่เปิดเผยชัดเจน ผมจะเป็นคนฟ้องคุณเอง ไม่ได้มีอะไรเป็นส่วนตัวกับคุณชูวิทย์ แต่ผมนักเลงพอที่ไม่กัดใคร คุณบอกว่าพวกผมเป็นหมาลอบกัด ไม่ใช่ คุณสิหมาลอบกัด เพราะว่าผมจะดำเนินคดีกับผู้ว่าฯ ชัชชาติ กับคุณ เรื่องของคุณเรื่องที่ดินต้องไปจบที่ศาล และศาลว่าอย่างไรให้มันจบตรงนั้น และผมเชื่อว่าฎีกาของศาลที่พูดเรื่องที่ดินในหลายมิติสิบกว่าฎีกา ไม่มีผู้พิพากษาคนไหนจะกล้ามาหักล้างสิบกว่าฎีกานี้หรอก
“แต่ถ้าคุณกลับใจ ยกที่ดินสวนชูวิทย์ให้กลับไปเป็นสวนสาธารณะตามที่คุณเคยแสดงเจตนารมณ์ไป คุณจะได้ทำบุญใหญ่จริงๆนะ ไม่ต้องเอาเงินสกปรกไปบริจาคโรงพยาบาลในนามตัวเอง อันนั้นไม่ได้บุญหรอกได้แค่ลดภาษี 2 เท่าเท่านั้นเอง
“คุณเคยพูดไม่ใช่หรือคุณชูวิทย์ ว่าตายไปก็เอาเงินไปไม่ได้ แต่เชื่อผมสิถ้าคุณยกที่ดินสวนชูวิทย์ให้เป็นที่สาธารณะชื่อชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์จะเป็นตำนาน FC ของคุณจะต้องตบมือ เห็นไหมๆ พี่ชูวิทย์ของผมใจถึง เห็นหรือยังไอ้สนธิ บริจาคไปเลยแล้ววันที่เปิดสวนชูวิทย์ ผมจะถือกระเช้าดอกไม้ไปอวยพรขอแสดงความยินดีกับคุณด้วย ที่ในที่สุดคุณดวงตาเห็นธรรม ในที่สุดคุณยอมรับว่าความจริงมีหนึ่งเดียว”
นายสนธิ กล่าวว่า นายชูวิทย์มีทางเลือก 2 ทาง จะทำบุญใหญ่หรือทำกรรมใหญ่ ถ้าทำบุญใหญ่ก็คือตั้งใจสละด้วยตัวเองยอมรับว่าที่ดินปากซอบสุขุมวิท 10 เป็นที่ดินสาธารณะ จิตจะเบิกบาน จิตประภัสสรทันที เหมือนเจ้าของพัดลม Hatari นายวิกรม กรมดิษฐ์ ที่บริจาคเงินให้กับมูลนิธิ
แต่ถ้านายชูวิทย์คิดว่าจะสู้ ก็ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะตัดสินอย่างไร คดีนี้ยาวแน่ต้องถึงฎีกาแน่นอน นายชูวิทย์อาจจะไม่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้วก็ได้ถ้า ตายไปก่อนศาลจะตัดสินจิตก็จะตกเพราะว่ามัวแต่ฝักใฝ่หมกมุ่นว่าจะเก็บที่ดินนี้ไว้ให้เป็นทรัพย์สมบัติของลูกหลานได้อย่างไร
นายชูวิทย์น่าจะมองย้อนหลังกลับไปในวันที่ยื่นคำให้การรับสารภาพต่อศาลฎีกา คดีรื้อบาร์เบียร์ ในวันที่ 15 ตุลาคม 2558 เอาความกลัวมานำหน้าจึงยอมแลกสมบัติที่ดินกับการที่ไม่ต้องถูกจำคุก 5 ปี ถ้าวันนั้นไม่กลัว ติดคุก 5 ปีก็ยอมติด เข้าไป 1 ปีก็ได้นักโทษชั้นเยี่ยม พอมีพระราชทานอภัยโทษได้ลดครึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปีครึ่งแล้วใช้เวลาหนึ่งปีแรกเพื่อทำชั้น ก็เหลือแค่ปีครึ่ง ติดไปอีก 6 เดือนก็ขอพักโทษได้แล้ว
“แต่เพราะว่าจริงๆ คุณเป็นคนขี้ขลาดตาขาว คุณกลัวติดคุกก็เลยต้องปั้นเรื่องเอาที่ดินให้ศาลเพื่อให้คุณได้รับการลดโทษ แล้ววันนี้คุณกลับตระบัดสัตย์ คุณชูวิทย์ครับ กรณีนี้คุณถ้าไม่เรียกว่ากรรมตามเช็กบิลคุณ ผมไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอย่างไร ขอให้คุณรู้นะคุณชูวิทย์กรรมกำลังตามคุณมา” นายสนธิกล่าว
ตรรกะวิบัติของ “ติ่งชูวิทย์”
นายสนธิได้กล่าวถึง ตรรกะวิบัติของกลุ่มผู้สนับสนุน หรือติ่ง หรือ FC ของนายชูวิทย์ ซึ่งต่อให้มีการจับโกหกกันได้รายวันขนาดไหนนายชูวิทย์ก็ยังใช้สีข้างถูไถไปได้ บอกว่าผู้คนจงยอมรับเถอะว่าสังคมนี้มันเลวเต็มไปด้วยคนไม่ดี สังคมไทยไม่มีฮีโร่แล้วมีแต่มหาโจรที่ปราบโจร ต้องคนอย่างชูวิทย์ FC ก็ปรบมือโห่ร้องเข้ามาแสดงความเห็นเป็นทอดๆ ในโซเชียลฯ ขานรับว่าใช่ๆ ถ้าไม่มีชูวิทย์แล้วใครจะจับโจร ชูวิทย์คือจอมแฉเพื่อชาติ ซึ่งนี่ก็คือตรรกะวิบัติ
FC ของนายชูวิทย์คนแรกคงไม่พูดไม่ได้คือ ต๊ะ น.ส.นารากรติยายน ที่ออกมาเชียร์นายชูวิทย์แบบออกหน้าออกตา โพสต์เฟซบุ๊กตำหนิทนายษิทราว่า "ทนายษิทราพอเหอะอ่านคอมเมนต์ในเพจของทนายเอง FCทนายก็ไม่เอาด้วยแล้ว"
นอกจากนี้แล้วยังขยันไปโพสต์จิกกัดในเพจทนายตั้มที่พูดถึงชูวิทย์หลายๆ โพสต์ อย่างเช่นทนายตั้มไปทำบุญกับภรรยาแล้วเขียนแคปชันในเฟซบุ๊กว่า "วันนี้มาทำบุญ ไม่ขออะไรมาก ขอสาปแช่งใครที่เคยรับเงินชั่วของแก๊งสารวัตรซัว แสร้งทำเป็นโจรกลับใจ รับผลกรรมโดนยึดทรัพย์หมดตัวทั้งตระกูล กลายเป็นคนไร้ต้นทุนจริงๆ สมพรปากทีเถอะสาธุ"น.ส.นารากร ก็เข้าไปคอมเมนต์ว่า "คิดอะไรก็ได้อย่างนั้น"
ขณะเดียวกัน น.ส.นารากรไม่ได้สนใจไม่ได้พูดประเด็นความผิดที่นายชูวิทย์รับเงินจากตำรวจสีเทาเอาไปบริจาคโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ในนามตัวเอง ว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ หรือคิดว่าโกงไม่เป็นไร ขอให้แบ่งกันได้
“คุณต๊ะนารากร ผมเชื่อมาตลอดว่าคุณเป็นสื่อมวลชนมืออาชีพ แต่สิ่งที่คุณต้องพูดคือชูวิทย์พอเถอะ ไม่ใช่ทนายตั้มพอเถอะ คุณต๊ะคุณสะกดคำว่าจริยธรรมของสื่อมวลชนไม่เป็นหรือ หรือคุณพอใจจะเชียร์ชูวิทย์จะทำผิดทำถูกทำชั่วโกหก รับเงินมาบริจาค คุณก็ยินดีจะชื่นชอบ
“คุณอายุจะ 60 แล้วนะครับ ผ่านงานมามากมายเคยอยู่ ITV อยู่ช่อง 3 เป็นพิธีกรในหลายรายการ รายการ "เจาะใจ" เป็นผู้ประกาศข่าวช่อง 7 สี รองผู้อำนวยการฝ่ายข่าวบริษัทมีเดียสตูดิโอ รวมทั้งเป็นผู้ประกาศข่าวและผู้อำนวยการฝ่ายข่าวของช่อง ONE 31 ตอนนี้คุณเป็นสื่อมวลชนอิสระพยายามมาปั้นช่องตัวเอง เรียกว่านาราวาไรตี้ มียอด SUBSCRIBE อยู่ประมาณ 1,890 แล้วรับงานพิธีกรรายการ "เคลียร์ชัดชัด" ช่องเวิร์คพอยท์
“เอาเถอะคุณต๊ะ คุณจะอยู่ที่ไหน ทำงานอะไรก็แล้วแต่ แต่ถ้าคุณคิดว่าคุณยังเป็นสื่อมวลชนอยู่ที่ผมติดใจคือคุณเชียร์ชูวิทย์อย่างไม่เกรงใจวิชาชีพ อย่างไม่มีจรรยาบรรณ คุณเชียร์ชูวิทย์แสดงว่าคุณสนับสนุนให้มีการโกหกตอแหลตลบแตลงปลิ้นปล้อนรับเงินผิดกฎหมายใช่หรือเปล่า รับงานเขามาโกงไม่เป็นไร รับเงินสกปรกก็ไม่เป็นไร ถ้าเอามาแบ่งกัน ผมถามจริงๆ เถอะคุณต๊ะคุณอยากให้สังคมไทยมีตรรกะแบบนี้หรือ” นายสนธิ กล่าว
อีกคนคือนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ตอนนี้เป็นแกนนำพรรคพลังประชารัฐ เป็นถึงอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมโ พสต์ข้อความมาว่า เลือกชูวิทย์ โดยอ้างว่าสิ่งที่ชูวิทย์ทำเหมือนคนขับรถฝ่าไฟแดงเพื่อไปหยุดยั้งคนชั่วที่กำลังไปปล้นธนาคาร
“คุณนิพิฏฐ์ครับ ผมเคยเข้าใจว่าคุณมีสมองนะ แต่วันนี้ผมคิดว่าส่วนสมองของคุณคือส่วนที่กั้นหูสองข้างเอาไว้เท่านั้นเอง คุณบอกว่า "โลกนี้ไม่มีใครดีพร้อมหรอกแม้คุณที่กำลังอ่านอยู่ก็ไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก หากเลือกจะด่าคนขับรถฝ่าไฟแดงก็ขอให้คุณไปยืนฝั่งโน้น ส่วนผมเลือกที่จะยืนฝั่งชื่นชมการออกมาปกป้องการปล้นธนาคารของคุณชูวิทย์ และพร้อมที่จะควักเงินเสียค่าปรับ 500 บาทเป็นค่าฝ่าไฟแดงให้คุณชูวิทย์ ชูวิทย์คุณกำลังเล่นกับโจรคุณจะบิณฑบาตให้โจรเลิกปล้นธนาคารคุณตายเปล่า"
“คุณนิพิฏฐ์ครับผมอ่านข้อความของคุณแล้วผมขำจริงๆ ความจริงผมกับคุณก็รู้จักกันระดับหนึ่ง ผมประหลาดใจมากที่นักกฎหมายอย่างคุณนิพิฏฐ์แสดงความเห็นออกมา คุณบอกว่ารับเงินผิดกฎหมายไม่ใช่เรื่องใหญ่เหมือนคนขับรถฝ่าไฟแดงไปเพื่อทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือหยุดโจรปล้นธนาคาร ตรรกะอะไรของคุณ คุณนิพิฏฐ์
“คนที่มีจริยธรรมถ้าหากมีเงินสีเทาเงินผิดกฎหมายมากองตรงหน้า เขาไม่รับกันหรอกครับ นอกจากนั้นแล้วต่อให้เป็นคนที่คิดน้อยจริงๆ ก็คงยกถุงเงินไปบริจาคที่โรงพยาบาลเลย ไม่ต้องเสียเวลาเอาเงินเข้าบัญชีตัวเอง ทำแคชเชียร์เช็คออกมาจนทำให้หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าชูวิทย์ทำแบบนี้อาจจะเข้าองค์ประกอบการฟอกเงิน ตรรกะมีแค่นี้เองง่ายๆ” นายสนธิ กล่าว
อีกคนคือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่โพสต์ข้อความในเพจของตัวเองเชียร์นายชูวิทย์สุดฤทธิ์สุดเดชสุดลิ่มทิ่มประตู
“ไม่เป็นไรคุณสรยุทธ ผมเข้าใจคุณ คุณสนิทกับเขามาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยเขายังทำอาบอบนวด เขาเปิดห้องๆ หนึ่งให้คุณกินนอนฟรี ผมไม่รู้ว่าเด็กที่คุณเรียกขึ้นไปที่ห้องอาจจะไม่ต้องจ่ายเงินก็ได้ แต่เข้าใจดีว่าคุณรักเพื่อนเข้าใจดี
“แต่ว่าคุณอย่าลืมอีกบทบาทหนึ่งของคุณนะ คุณคือสื่อมวลชน อับอายขายหน้าบ้างคุณสรยุทธ จนวันนี้คุณยังไม่รู้เลยหรอว่าคุณชูวิทย์โกหกอะไรบ้าง ผมไม่อยากจะสอนคุณว่าคุณจะต้องปรับปรุงตัวคุณเองอย่างไร เพราะคุณกับผมก็ติดคุกมาเหมือนกัน คุณติดข้อหาคุณฉ้อโกงเงินของ อสมท แต่ผมติดเพราะผมทำผิดพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ ผมไม่ได้ฉ้อโกงใคร คุณชูวิทย์บอกว่าผมฉ้อโกงผู้ถือหุ้น คุณชูวิทย์ครับ ผมจดลงบัญชีแล้ว คุณไปดูคดีผม ให้คุณอนันต์ชัยไปดูก็ได้ เป็นเรื่องของการผิดพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้ฉ้อโกงใครทั้งสิ้น”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จริงๆ แล้วเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยอยากจะพูด แต่จำเป็นต้องพูดเพราะตรรกะของคนอย่าง ต๊ะ นารากร,นิพิฏฐ์,สรยุทธ และบรรดา FC ชูวิทย์ แปลว่าถ้านายชูวิทย์จะโกหกอะไรก็ตามเขาเรียกว่าโกหกเพื่อชาติ ตลบแตลงตอแหลอย่างไรก็เรียกว่าตอแหลเพื่อชาติ รับเงินผิดกฎหมายรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์ไปบริจาคก็เป็นโจรใจบุญ เป็นนักบุญคนบาป เมื่อเข้าข่ายทำผิดกฎหมายฟอกเงินก็ให้ท้ายว่าเขาเป็นคนเทาๆ ทำเพื่อชาติ
"จากนี้ต่อไปใครกระทำผิดกฎหมาย นักการเมืองข้าราชการโกงกิน ใครจะทุจริตคอร์รัปชันไม่ต้องสนใจไม่เป็นไรถ้าคอร์รัปชันเพื่อชาติก็นิยมยินดียกย่อง เป็นคนโกงเพื่อชาติอย่างนั้นหรือ
“ผมมีข้อสงสัยสุดท้ายว่า การที่วันนี้คุณชูวิทย์บ่นว่าโดนเรื่องราวทั้งหมด เต็มไปหมด คุณชูวิทย์เคยพิจารณาอย่างถ่องแท้ว่าคุณเคยทำกรรมอะไรไว้ อย่างที่ผมเคยบอกไปแล้วไง คุณนั่งภาวนาลึกๆ ทบทวนตลอดชีวิตมานี้ คุณทำร้ายคนมาเท่าไร แต่คุณชูวิทย์คุณไม่ควรจะมาโทษผม คุณนั่งสบายๆ ถอดแว่นตาสีดำออกมา แล้วมองกระจกแล้วคุณพูดกับตัวคุณเองว่า กูมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร กูทำอะไรผิดพลาดบ้างหรือเปล่า คุณชูวิทย์ครับ การยอมรับข้อผิดพลาดตัวเองคือการแก้ปัญหาไปแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์” นายสนธิกล่าว