xs
xsm
sm
md
lg

"ชูวิทย์" ไส้เน่า รับแฉไป ไถไป ปิดฉากจอมกะล่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP สถานีโทรทัศน์ NEWS1 ช่องยูทูป NEWS1 และเฟซบุ๊กแฟนเพจ NEWS1 วันพฤหัสบดีที่ 23 มีนาคม 2566 นำเสนอรายงานพิเศษ "ชูวิทย์" ไส้เน่า รับแฉไป ไถไป ปิดฉากจอมกะล่อน



กลายเป็น Breaking News ข่าวเดือดร้อนฉ่า เมื่อค่ำ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา เมื่อทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่ถือเป็นอินฟลูเอนเซอร์หมัดหนัก ออกโรงเปิดโปงใครบางคน ที่มีพฤติกรรม “แฉไป ไถไป” พร้อมภาพประกอบ ธนบัตรเป็นปึกๆ ในถุงกระดาษ 2 ใบ

ทนายตั้มชี้ว่า คนๆ นี้เป็นฮีโร่ของปลอม ไม่ใช่ “โจรกลับใจ” อย่างที่ชอบอวดอ้างแม้แต่น้อย เคยเป็นอย่างไร ก็ยังเป็นอย่างนั้น

มาลองดูคำพูดของทนายตั้ม ที่เอ่ยถึงใครคนนั้น

“คนที่คุณเห็น อาจจะไม่เป็นอย่างที่คิด หมดศรัทธา”

ไถสีเทามา 50 ล้าน บริจาคเอาหน้า ที่ละ 3 ล้าน

“สร้างภาพกลับตัวกลับใจ ผมไม่อยากสวนกระแสนะครับ ผมก็เป็นคนนึงที่ชื่นชมมาตลอด แต่พอรู้ความจริงแล้ว มันหมดรักเลยจริงๆ ผมไม่อยากให้มีอาชีพแบบนี้ สร้างประเด็นข่าว ตีๆแล้วไถ ใครยอมจ่ายก็ไม่พูดถึง เราจะยกย่องคนแบบนี้เป็นฮีโร่จริงหรือครับ”

“คนที่บอกว่ารวยแล้วไม่เอาเงินแค่นี้ คิดใหม่นะครับ ยิ่งรวยยิ่งโลภ ถ้าวันนี้ผมมีเงินพันล้าน คุณเอามาให้ผมฟรีๆ ย้ำว่าฟรีๆ ซัก 10 ล้าน จะไม่เอาหรือครับ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องทำไร คนรวยไม่ใช่พระนะครับ จะได้ไม่ต้องใช้เงิน”

เมื่อลูกเพจถามว่า “แล้วจ่ายทำไมครับ งง” ทนายตั้มก็ตอบว่า “จ่ายให้หุบปากไงครับ จะงงทำไม”

ลูกเพจอีกคน ถามว่า “คู่กรณีตลอดกาลหรือเปล่าครับท่านทนาย...ชอบหนีบซองไง??” ทนายตั้มตอบว่า “ขานั้นแสนนึงก็ดีใจแล้วครับ แต่ขานี้ 10 20 50 เท่านั้น”

ทั้งที่ทนายตั้มไม่ได้เอ่ยชื่อตรงๆ ว่าใคร แต่คนที่ติดตามข่าวนี้ ก็เห็นหน้านายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ลอยมา

ดูเหมือนว่า นายชูวิทย์จะรู้ว่าทนายตั้มมีหลักฐานในมือจริงๆ ปกติจะเล่นลูกกร้าว ฟัดกลับไม่เลือกหน้า แต่งานนี้ไม่กล้าทำเช่นนั้น กลับรีบ “รับสารภาพ” แบบไม่ทันข้ามคืน ว่าเขาได้รับเงินสีเทามาจริงๆ

นายชูวิทย์โพสต์ว่า จำได้แล้ว ถุงเงินนั้น บรรจุถุงละ 3 ล้านบาท เป็นของ “สารวัตรซัว” เจ้าพ่อบ่อนออนไลน์ส่งมา โดยอดีตตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งถือเงินดังกล่าวมา พยายามยัดเยียดให้ ทั้งที่ก็ปฏิเสธไม่รับๆๆ

เมื่อจำใจรับ เลยเอาเงินจากการพนันนั้น ไปบริจาคให้โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ กับโรงพยาบาลศิริราช ทั้งที่จะเก็บไว้ใช้ส่วนตัวก็ทำได้ง่ายๆ โดยนายชูวิทย์อ้างว่า ไม่ได้เอาเงินในถุงนั้น มาใช้เลยแม้แต่บาทเดียว

“อย่าเรียกผมว่าคนดี หรือมาศรัทธาอะไรผมเลยครับ ผมก็ไม่ใช่ “ฮีโร่” อยู่แล้ว ส่วนใครจะตราหน้าผม ก็ขอรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่า ผมนั้นเป็นโจร เพียงแต่เป็นโจรที่เอาเงินบาปไปทำบุญ” เจ้าตัวพยายามพลิกเกม ด้วยคำหล่อๆ ตามเคย

การชิงถอยกรูด เพราะเจอ “ของแข็ง” จากทนายตั้ม ก็มีคำถามน่าสงสัยหลายประเด็น ทำไมที่ผ่านมา นายชูวิทย์ไม่เคยแอะออกมาสักคำเลยว่า ได้รับเงินบาปไว้แล้ว แต่กลับอุบเงียบมาตลอด
 
ชูวิทย์ โพสต์ลงในเฟซบุ๊คส่วนตัวเมื่อวันที่15 มีนาคม เขียนหัวข้อว่า “ทำบุญก่อนปราบคนชั่ว ไม่เกรงกลัวอิทธิพล “ เขียนบรรยายไปบริจาคเงิน3 ล้านบาทให้โรงพยาบาลศิริราช แตาไม่ได้บอกเงินดังกล่าวมาจากไหน ตรงนี้ก็เห็นแผนร้าย แล้ว

ชูวิทย์อ้างว่าเงินในถุงสองใบเป็นของ “สารวัตรซัว” จริงๆ แล้ว เป็นของ “สารวัตรซัว” จริงหรือไม่? ก็เชื่อไม่ได้ เพราะสารวัตรซัว ที่เผ่นหนีไปแล้ว คงไม่คิดจะออกมาเฉลย

และถ้าเป็นเงินของ “สารวัตรซัว” จริงอย่างที่พูด มีแค่ “สารวัตรซัว” รายเดียวที่ส่งมาให้ชูวิทย์หรือไม่? หรือว่ามีเจ้าของบ่อนออนไลน์อื่นๆ อีกที่ส่งเงินมา เพื่อเคลียร์กับชูวิทย์ แต่นายชูวิทย์อุบเงียบเก็บเป็นความลับเฉพาะตัว

และจำนวนเงินที่นายชูวิทย์บริจาคให้โรงพยาบาล มันเท่ากับจำนวนเงินที่ได้รับมา จริงหรือ? เพราะข้อมูลของทนายตั้ม ระบุว่านายชูวิทย์เจียดบางส่วนเท่านั้น เอาไปบริจาค ไม่ใช่ได้มาเท่าไร ก็บริจาคไปทั้งหมด อย่างที่ทนายตั้มว่าไถสีเทามา 50 ล้าน บริจาคเอาหน้า ที่ละ 3 ล้าน
 
ประเด็นที่เป็นปัญหาต่อมา ก็คือการนำเงินสกปรก ไปบริจาคให้โรงพยาบาล ที่ชูวิทย์ยอมรับออกมาเอง ก็เป็นไปได้ว่าโรงพยาบาลทั้งหลายคงสะดุ้ง จะรู้สึกอย่างไรที่ตกเป็นเครื่องมือพวกโจรรีดไถ หน้ากากคนดี ดังนั้นเพื่อความดีงาม ผู้รับบริจาคก็น่าจะส่งเงินทั้งหมดคืน ดีกว่าจะแปดเปื้อนไปกับชูวิทย์
 
เพราะชูวืทย์ทำได้คนอื่นก็ทำได้ โรงพยาบาลจะกลายเป็นแหล่งของโจรแห่กันมาใช้เป็นพื้นที่ฟอกเงิน เอาใบอนุโมทนาบัตรไปใช้ประโยชน์ เล่นแร่แปรธาตุ อย่างน้อยก็เอาไปหักลดหย่อนภาษี เข้าใจว่าชูวิทย์ที่เรียนจบการบัญชีมา คงทำแบบนี้มาตลอด
 
ชูวิทย์ เคยทำผิดกฎหมายฝ่าฝืนศีลธรรมอันดีงาม จากการค้าน้ำกาม ทำธุรกิจอาบอบนวด จนได้ฉายาว่า เสี่ยอ่าง อำลาอาชีพหลังจากรวยแล้ว บอกว่าล้างมือในอ่างทองแล้ว ต่อมากลายเป็นนักแฉ ชูวิทย์เคยโดนนินทาว่ามีพฤติกรรมตีเมืองขึ้น เนื่องจากสมัยเป็น ส.ส.ยกพวก ไปบุกบ่อนหลายแห่ง จนหลายครั้งทะเลาะกับคนในพื้นที่หลังจากกลับมา ก็ไม่แฉเรื่องบ่อนอีก ก็คงจะมีถุงขนมแบบนี้ไปให้
 
สอดคล้องกับข่าวว่า บ่อนใหญ่ในกรุงเทพหรือต่างจังหวัดถ้าจะทำบ่อน นอกจากตีตั๋วกับตำรวจครบทุกหน่วย ตำรวจจะถามนายบ่อนก่อนไฟเขียว ว่าเคลียร์กับจอมแฉหรือยัง ถ้ารับรู้รับตั๋วแล้วก็เปิดได้ เรื่องมันก็เป็นเช่นนี้
 
การตีเมืองขึ้นตบทรัพย์กับธุรกิจสีเทามันเป็นมานานแล้ว จอมแฉก็เป็นคนไส้เน่ามานานเช่นกัน
 
วันนี้ชูวิทย์หมดราคา แม้ว่าอมพระมาพูดคงไม่มีใครฟัง ความเชื่อถือติดลบไปแล้ว จะพูดอะไรก็ได้ แต่ก็เป็นคำแก้ตัวขุ่นๆ ถูแถหาช่องไปตามแต่ความกะล่อนจะพาไป

ความเป็นชูวิทย์ กลมวิศิษฏ์ ในอดีตหรือปัจจุบันก็คือคนเดียวกัน ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถนัดสร้างเรื่องเล่นละครลิง อย่าโม้โอ้อวดเป็นนักแฉนักบุญ โรบินฮู้ด หรืออะไรต่างๆเลย มันไม่ใช่หรอก ชูวิทย์ก็คือชูวิทย์ คือเกี๋ยวกุ้ย อันธพาลมือสกปรก ในสังคมไทยคนหนึ่งเท่านั้นเอง

--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น