ข่าวปนคน คนปนข่าว
**มามา "Chuweed" รู้ไว้ใส่สมองแก้มืดบอดบิดเบือน ความจริง"กัญชา"ระดับ"หมอเดชา"มาเอง!
“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” โพสต์เมื่อวาน (29มี.ค.)กลับมาแขวะ "สนธิ ลิ้มทองกุล" ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง อ้างในทำนองตัวเองเคลื่อนไหวต่อต้านกัญชา จึงถูกบดขยี้จะเอาให้ตาย
เริ่มต้นก็โกหกคำโตแล้ว ป่วยการที่จะอ่านประโยคถัดๆมา ยิ่งไม่ต้องพิจารณาว่า ชูวิทย์ Chuweed บิดเบือนเรื่องราวเก่งแค่ไหน ก็เหมือนๆที่เคยกุหลายๆเรื่องตั้งแต่ "เงินทอน30,000" ..."ไม่รับงานใครมา" “รวยแล้วไม่รับเงิน" "สู้กัญชาเพื่อเยาวชน” แต่ลูกหลานเปิดร้านพี้กัญชาชื่อ “Chuweed" จนมาถึง "สวนชูวิทย์"
โดนเช็กบิลแต่ละเรื่องไปไม่เป็น ทั้งเงินทอนวันนี้ก็ยังหาหลักฐานไม่ได้ ที่บอกไม่รับงานใครมา ก็เจื้อยแจ้วแต่ตีสีส้มไม่แตะสีเขียว ทำให้"นายจ้าง" อ้างรวยแล้วไม่รับเงินก็มารับเองว่า "ถุงเงิน" ที่ "ทนายตั้ม" ษิทรา เบี้ยบังเกิด เอามา "แฉไป ไถไป" เจียนตัวก็ชิงรับเองว่ามาจาก "สารวัตรซัว"
เรียกว่า คนทั่วไปเขารักดีหามจั่ว แต่ชูวิทย์รักที่จะหามเสา ยอมรับตัวเองเป็น "คนเทา" เป็น "มหาโจร" ชั่วเพื่อชาติ คิดตรรกวิบัติ เย้วๆ อยู่ใน"กะลาแลนด์" ครื้นเครงกับแฟนคลับ
“ชูวิทย์” จะเมาแสง แฮงก์โอเวอร์กับเรื่องโกหกของตัวเองก็ไม่มีใครว่า แต่เที่ยวไปบอกใครว่า "มึงไม่เบื่อบ้างเหรอวะ" ให้คนที่เขาพูดความจริงหยุดพูด มันคงห้ามคนไม่ได้หรอกชูวิทย์ ตราบใดที่มีคนหลงเชื่อคนโกหก คนโกหกที่อ้างตัวเองสู้เพื่อประชาชน ก็เป็นหน้าที่ของสื่อ ที่ต้องพิสูจน์ความจริงให้สังคมสดับ ชัดเจนพอมั้ย?
โบราณว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา ยิ่งคนเมาแสงอย่างชูวิทย์ ก็ควรดูให้ขบขันมากเข้าไว้ คนอะไร้..ขนาดตัวเองยังด่าตัวเองได้
ว่า "ตีหน้าเฒ่าเล่าความเท็จทุกวัน" ย้ำว่า "หน้าเฒ่า" เข้าตัวจริงๆ
เพราะความจริงมีหนึ่งเดียว ชูวิทย์ ลองถอด"แว่นดำ"ออกเบิกเนตรดูโลกบ้าง หาความจริงหาความรู้ใส่ตัวสักที
ถ้าจะวกกลับมาเคลื่อนไหวต้านเรื่องกัญชา “ชูวิทย์” กล้าๆหน่อย อย่าปอดแหก ดีเบตกับ "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ม.รังสิต สักหน่อยปะไร หลบเลี่ยงๆ มานานแล้ว กลัวอะไร
ปากเก่ง ใจก็ต้องเก่งด้วย Chuweed ไหนบอกเป็น "นักเลงรุ่นใหญ่"
ถ้ากลัวหัวหด ลองเข้าไปอ่านโพสต์ของ "หมอเดชา ศิริภัทร" ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ หมอพื้นบ้าน ผู้บุกเบิกการทำน้ำมันกัญชา เพื่อรักษาโรคช่วยเหลือประชาชน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Deycha Siripatra ระลึกถึง “ราฟาเอล เมชูแลม”บิดาแห่งวงการกัญชาเพื่อการแพทย์ ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่นานมานี้ ดูประดับความรู้ใส่สมองก่อนก็ได้
“ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ ราฟาเอล เมชูแลม” เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2473 ที่บัลแกเรีย ก่อนจะถึงแก่กรรมที่ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมารวมอายุ 92 ปี เป็นข่าวไปทั่วโลก ยกเว้นประเทศไทยที่ไม่มีสื่อไหนนำเสนอ คนไทยจึงแทบจะไม่รู้ข่าวสำคัญนี้เลย ทั้งๆ ที่ท่านผู้นี้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกมานานมาก โดยเฉพาะแวดวงการแพทย์ยุคใหม่
เขาเป็นผู้ค้นพบสารสำคัญในกัญชาเช่น THC และ CBD เป็นคนแรก ตั้งแต่ยุค 2504 นอกจากนั้นยังค้นพบตัวรับ (receptors) ในร่างกายมนุษย์ที่เข้ากันกับสารจากกัญชา กลายเป็นการค้นพบระบบ endocarbinoid ที่สำคัญยิ่งของร่างกายมนุษย์ทุกคน
และยังพบว่า สมองสร้างสารความสุขที่ตั้งชื่อว่า anandaminde ขึ้นมาได้ทำให้มีความสุข ที่น่าอัศจรรย์คือ THC จากกัญชามีโครงสร้างโมเลกุลคล้ายกับ anandamide มาก เมื่อสมองรับ THC เข้าไปก็มีความสุขเหมือนได้รับ anandaminde เข้าไปนั่นเอง
จึงไม่แปลกที่คนสูบกัญชาในปริมาณพอเหมาะจะอารมณ์ดี และมีความสุขได้เสมอมา THC จึงไม่ใช่สารเสพติด หรือมีโทษอย่างที่มีผู้ให้ข้อมูลผิดๆ ด้วยอคติหรือความไม่รู้จริง
“หมอเดชา” บอกด้วยว่า ต้องทราบก่อนว่า กัญชา ถูกตราหน้าว่าเป็นยาเสพติดทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่ามีสารอะไรในนั้น ต่างกับเหล้า ที่รู้ชัดเจนว่ามีแอลกอฮอล์เป็นสารออกฤทธิ์ แต่ยังไม่ถือเป็นยาเสพติด ทั้งๆ ที่โรค "แอลกอฮอลิสม์" เป็นโรคประเภทเสพติดอย่างชัดเจน รักษาให้หายได้ยาก
“ดร.เมชูแลม” ถือเป็นนักวิชาการแท้ที่มุ่งค้นหาความจริงมาเสนอโดยไม่มีผลประโยชน์มาชี้นำ
ประเทศไทยของเราต้องการนักวิชาการและนักการเมืองแบบ ดร.เมชูแลม เป็นอย่างยิ่ง เพื่อประชาชนคนไทยจะได้รับประโยชน์จากทรัพยากรดีๆ ที่เรามีอยู่มากมายเช่นกัญชา
แต่ถูกกลุ่มผลประโยชน์ที่เห็นกัญชาเป็นศัตรู ช่วยกันสร้างข้อมูลเท็จมาบิดเบือนทำลาย อย่างที่เราเห็นอยู่ดาดดื่นในทุกวันนี้
“หมอเดชา” ยังฝากถึงคนที่ให้ข้อมูลบิดเบือนไม่จริงเรียกว่าคนพูดเท็จ พุทธภาษิตบทหนึ่งมีข้อความว่า “ผู้กล่าวเท็จนั้น ไม่ทำชั่ว ไม่มี”
นี่แหละความจริง ความรู้ ชูวิทย์ ณ Chuweed เบิกเนตรรับรู้ไว้แก้โรคมืดบอดบิดเบือนดีนักแล.
**เปิดตัวปาร์ตี้ลิสต์พรรคการเมือง ใครมา ใครไม่มา
เป็นช่วงโค้งสุดท้าย ที่พรรคการเมืองส่งรายชื่อว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค ทั้งผู้สมัครระบบเขตเลือกตั้ง และระบบบัญชีรายชื่อ หรือ “ปาร์ตี้ลิสต์”ไปทำไพรมารีโหวต แล้วนำกลับเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรครับรอง ก่อนนำไปสมัครในวันที่ กกต.เปิดรับสมัครต้นเดือนเม.ย.นี้
ที่กำลังอยู่ในกระแสการติดตาม และวิพากษ์วิจารณ์ ก็คือ ปาร์ตี้ลิสต์ ว่าใครลง ใครไม่ลง ใครจะได้อยู่ในลำดับต้นๆ ที่เรียกกันว่า “เซฟโซน”
และที่พูดถึงกันมากสุด คงไม่มีใครเกิน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ก่อนหน้านี้บรรดาลูกพรรคต่างออกมาส่งสัญญาณว่า “ลุงตู่” จะเป็นปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 แต่ถึงวันนี้ กลับไม่ปรากฏชื่อในบัญชีรายชื่อที่ส่งไปทำไพรมารีโหวต... มีความพยายามถามถึงเรื่องนี้กับ “ลุงตู่” ก็ได้รับคำตอบในเชิงบ่ายเบี่ยงว่า
“มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของผม แต่ทุกอย่างเขาก็มีการชี้แจงแล้วไม่ใช่หรือ จะลงก็ได้ ไม่ลงก็ได้ รัฐธรรมนูญกำหนดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ก็มันเรื่องของผม...”
ดูท่าแล้ว เบอร์ 1 คงต้องเป็นของ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรคในฐานะแคนดิเดตนายกฯคนที่ 2 ส่วนเบอร์ 2 “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรค ลำดับต่อๆ ไปก็เป็นระดับแกนนำคนสำคัญของพรรค อาทิ “มล.ชโยทิต กฤษดากร” หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และรมว.พลังงาน “ธนกร วังบุญคงชนะ” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน “จุติ ไกรฤกษ์” รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นต้น
ต่างจากพรรคพลังประชารัฐ ที่ประกาศชัดตั้งแต่ไก่โห่ ว่า “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และปาร์ตี้ลิสต์ เบอร์ 1 ส่วนเบอร์ 2 สันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค เบอร์ 3 ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลฯ เบอร์ 4 อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม เบอร์ 5 อุตตม สาวนายน
แต่พรรคลุงป้อมก็มีดรามา เพราะมีหลายกลุ่ม หลายมุ้ง ต้องสลับตำแหน่งกันหลายตลบ อย่างล่าสุดที่เป็นประเด็นคือ
สลับเอา “อภิชัย เตชะอุบล” จากลำดับ 18 มาอยู่ลำดับ12 ส่วน“นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” จากลำดับที่ 12 ไปอยู่ลำดับที่ 18 ตามหลัง “ธนพร ศรีวิราช” ภรรยาของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ซึ่งอยู่อันดับ16
ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ไม่มีกระเพื่อม 5 อันดับแรก ที่ชัดเจนจากปากหัวหน้าพรรคคือ “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงคนเดียว และปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับที่ 1 ส่วนลำดับที่ 2 “ศักดิ์สยามชิดชอบ” เลขาธิการพรรค ลำดับที่ 3 “ทรงศักดิ์ ทองศรี” รองหัวหน้าพรรค ลำดับที่ 4 กลุ่มของ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” (ยังไม่ระบุตัวบุคคล) และ ลำดับที่ 5 “ชนม์ทิดา อัศวเหม” หรือ น้องเพลง ที่ อนุทินบอกว่าต้องอยู่ในลำดับที่ 5 เพราะเป็นลูกสาว !!
พรรคชาติไทยพัฒนา ลำดับที่ 1 “วราวุธ ศิลปะอาชา” หัวหน้าพรรค ลำดับที่ 2 ชาติชาย พยุหนาวีชัย ลำดับที่ 3 นิกร จำนง ลำดับที่ 4 นันทพร ดำรงพงศ์ ลำดับที่ 3 กนก วงษ์ตระหง่าน
พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรค ประกาศไม่ลงสมัคร รวมทั้ง “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรคก็ไม่ลงด้วย ดังนั้น 5 อันดับแรก น่าจะเป็น เบอร์ 1 “จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค เบอร์ 2 “ชวน หลีกภัย” เบอร์ 3 “บัญญัติ บรรทัดฐาน” ส่วน เบอร์ 4 และเบอร์ 5 ยังไม่ชัดเจน แต่น่าจะเป็น “นิพนธ์ บุญญามณี” และ “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช”
แต่ดรามาของพรรคนี้ จะอยู่ที่การช่วงชิงลำดับปาร์ตี้ลิสต์ ของบรรดา “นางพญาประชาธิปัตย์” ที่ประกอบไปด้วย วทันยา บุนนาค หรือ “มาดามเดียร์” ... “ตั๊น”จิตภัสร์ กฤดาการ... “มัลลิกา บุญมีตระกูล”...และ“รัชดา ธนาดิเรก” ที่ต่างคนต่างก็มีผู้ใหญ่ในพรรคผลักดัน ก็ต้องติดตามว่า ในที่สุดแล้วใครจะอยู่อันดับดีกว่ากัน
ส่วนพรรคเพื่อไทยที่ประกาศแลนด์สไลด์ และกระแสพรรคมาแรงมาก สำรวจกี่โพล กี่ครั้ง ก็นำโด่งมาเป็นอันดับหนึ่ง จึงไม่ค่อยซีเรียส เรื่องลำดับปาร์ตี้ลิสต์ ประกอบกับคนมีอำนาจตัวจริงยังไม่เคาะ ส่วน“ชลน่าน ศรีแก้ว” หัวหน้าพรรค ก็ไปลงส.ส.เขต ใครจะเป็นเบอร์ 1-5 จึงยังถูกอุบเงียบ
รู้ชัดแต่ว่าสองแคนดิเดตนายกฯของพรรค คือ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร และ “เศรษฐา ทวีสิน” ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ทั้งคู่
