ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “ชูวิทย์” อ้างกุมความลับ “เศรษฐา” รอวันแบล็กเมล์ อย่างนี้เรียกจริงใจตรวจสอบเพื่อส่วนรวม?
จับจากคำพูดของ “ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ในวันที่ไปยื่นหนังสือร้องต่อ ป.ป.ช. เมื่อวันจันทร์ (13 มี.ค.) ช่วงหนึ่งได้เอ่ยถึง “เศรษฐา ทวีสิน” เจ้าของบริษัท แสนสิริ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย ที่วันนี้เข้าร่วมวงการเมือง รับเป็นประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย ทำนองว่า ตัวเองมีข้อมูลพร้อมจะ “แบล็กเมล์” เศรษฐาได้เลย จะจับจ้องการเคลื่อนไหวของเศรษฐา ไม่ให้คลาดสายตา แต่ยังไม่เอามาพูด เมื่อไหร่ที่เศรษฐา เป็นนักการเมืองที่ไม่ดี บิดพลิ้ว เอาอุดมการณ์เก็บไว้ในลิ้นชัก เมื่อนั้นจะเอามาเปิดเผยเบื้องหลัง เรื่องสำคัญที่สุดของ “เศรษฐา” ด้วยเอกสารที่เก็บไว้ เรียกว่าพร้อมจะ “แบล็กเมล์” ทันที
คำก็ แบล็กเมล์ สองคำก็ แบล็กเมล์ ของ “ชูวิทย์” ครั้งนี้ถึงเศรษฐา ไม่ใช่หนแรก ก่อนนี้วันที่เศรษฐาได้รับแต่งตั้งจากพรรคเพื่อไทย “ชูวิทย์” ได้พูดในทำนอง ขู่-กรรโชก แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพื่อไทย มาแล้วท่ามกลางสักขีพยานชาวโซเชียลฯที่ดูไลฟ์สด สื่อในพื้นที่ และสำนักข่าวหลักที่รายงานข่าวนี้
นี่ไม่ใช่อะไร “ชูวิทย์” พูดเองจริง ขนาดมีพยานรู้เห็น แต่ชั่วเวลาเดี๋ยวเดียวทำเป็นลืมว่าพูดอะไรไว้ พอคนจับได้ว่าพูดโกหก ไม่มีหลักฐาน ก็พูดจาแสดงบทดรามา ตีอกชกตัว ทำท่าบ้าบอ ตลบตะแลง พลิ้วไปได้เรื่อยๆ ชอบอ้างมีหลักฐานแต่ยังขออุบไว้ อมพะนำให้ดูน่าติดตาม เลี้ยงกระแสไว้
คราวก่อนพูดเรื่อง “เงินทอน 30,000 ล้าน” ของรถไฟฟ้าสายสีส้ม บอกเขาโกง มีหลักฐานว่าโอนผ่านแบงก์ HSBC ที่สิงคโปร์ รู้เลขที่บัญชี ใครโอนให้ใคร ต่อมาโดนทวงถามให้แสดงหลักฐานสักที กลับกลอกบอกว่า ประมูลยังไม่จบ จะมีทอนเงินกันได้อย่างไร ?
เรื่องกัญชา ทำเป็นห่วงเยาวชน แต่ครอบครัวคนใกล้ชิดเปิดร้านให้สันทนาการที่โรงแรมตัวเอง รวมไปถึง “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ท้าดีเบต ความรู้เรื่องกัญชา “ชูวิทย์” ก็ไม่กล้า เล่นลิ้นไม่อยากชกกับ “เด็กวานซืน” ... เล่นเอางงในงง
ตกลงว่า “ชูวิทย์” ที่ยกตน ชอบอ้างว่าเป็นประชาชนอาสาออกมาต่อสู้เพื่อสังคม เพื่อชาติ จะเปิดโปงจับทุจริต ปราบโกง ทำลายคนชั่วนู่นนี่นั่น น่าจะเป็นการแสดงความความบันเทิง เพื่อ “เรียกแสง” อย่างชัดเจน เพราะยิ่งมา ยิ่งเปลือยตัวตนที่แท้จริงว่า Chuweed ก็คือ “นักแบล็กเมล์” ดีๆ นั่นเอง
“ชูวิทย์ จอมแบล็กเมล์” ที่พามาพร้อมพฤติกรรมประโคมโอ่ว่าเป็นจอมแฉ มีข้อมูลเยอะ แฉเรื่องบ่อนพนัน อาบอบนวด ส่วยตำรวจ มีคนเชื่อถือให้เครดิต เพราะ “ชูวิทย์” เดินอยู่ในวงเวียนชีวิตสีเทามาตั้งแต่หนุ่มยันแก่ แต่พอไปจับเรื่องที่ไม่เคย อย่าง กัญชาทางการแพทย์ รถไฟฟ้า ถูกสังคมดูออก สื่อจับได้ ไพล่ไปด่าทอเขา ด่าสื่อ กล่าวหาว่าเป็นพวก “จอมปลอม” นิ้วที่ชี้ออกมาตราหน้าคนอื่นกลับย้อนเข้าหาตัวเอง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ใครที่จอมปลอม ?
เรื่องนี้เป็นประเด็นที่พูดกัน….“สันติสุข มะโรงศรี” พิธีกรในรายการ “ข่าวเป็นข่าว” ทางช่องท็อปนิวส์ เรียกพฤติกรรมของชูวิทย์ กรณีเศรษฐา ก็คือ การแบล็กเมล์ นั่นแหละ ถ้าชูวิทย์ มีข้อมูลหลักฐานอะไรที่ชี้ว่า เศรษฐา มีพฤติกรรมที่ไม่ดี แล้วชูวิทย์ เลือกที่จะไม่จัดการ โดยอ้างว่ายังไม่ถึงเวลา เศรษฐา ยังเป็นประโยชน์อยู่ ใครเป็นคนตัดสิน ?
“ชูวิทย์” กำลังทำตัวเป็นพระเจ้า? ตัดสินคนว่า แบบนี้โอเค แบบนี้ไม่โอเค ถ้าไม่โอเคจะจัดการ จะกระตุก
การกระทำของ “ชูวิทย์” แบบนี้เป็นพฤติกรรมของผู้ที่จริงใจในการจะตรวจสอบเพื่อส่วนรวมจริงหรือ?
แล้วใครจะรู้ว่า “ชูวิทย์” มีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรอยู่?
จริงหรือไม่จริง Chuweed ... สื่อเขาตั้งประเด็นสงสัยมาก็ตอบเขาดีๆ อย่าเที่ยวไปกล่าวหาเขาเป็นเด็กวานซืนเฉไฉไปเรื่องอื่น
คนที่จริงใจ จริงจัง จะทำหน้าที่ตรวจสอบเพื่อส่วนรวม เพื่อสังคม ข้อแรกต้องพูดเรื่องจริงก่อน ไม่โกหก ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนไม่ดี ยิ่งมีหลักฐาน ก็เปิดเผยให้เป็นประโยชน์สาธารณะให้ได้รู้ความจริงกันไป
เรื่องแบบนี้ ชูวิทย์ ชอบอ้างว่าตัวเองเป็นรุ่นใหญ่ ไม่ใช่เด็กวานซืน แต่กลับเรื่องนี้ทำตัวยิ่งกว่าเด็กวานซืนเสียอีก ชอบพูดจับแพะชนแกะ อ้างว่ามีหลักฐาน กุมความลับคนนั้น คนนี้ รอชี้ชะตา เพียงเพื่อจะแบล็กเมล์เขา จะเพื่ออะไร ถ้าไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัว ใช่หรือไม่ ?
นี่เป็นคำถามที่ “ชูวิทย์” ไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเฉลยด้วยตัวของมันเอง “ความจริงมีหนึ่งเดียว” สาธุชนเขาดูออกกันหมดแล้วล่ะ Chuweed
** มีออก ก็มีเข้า!!“สามมิตร” ถอนยวง จาก พปชร.ไปซบ พท. “ธีระชัย-กรกสิวัฒน์” มาช่วยลุงป้อม
หลังจากที่มีข่าวมาเป็นระยะว่า “กลุ่มสามมิตร” ที่นำโดย “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม และประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รมว.อุตสาหกรรม และรองหัวหน้าพรรค พปชร. จะย้ายกลับไปรังเก่า ที่พรรคเพื่อไทย แต่เมื่อถูกถามก็จะออกลูกกั๊กตลอด
ถึงวันนี้ก็ชัดแจนแล้ว เมื่อ “สรวุฒิ เนื่องจำนงค์” ส.ส.ชลบุรี พปชร. เด็กปั้นของ “สุริยะ” ที่ “ลุงป้อม” อุตสาห์โปรโมตให้เป็นหัวหน้าดูแลภาคตะวันออก หลังจาก “เสี่ยเฮ้ง” สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ ผอ.พรรค เก็บเสื้อผ้าติดตาม “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปอยู่รวมไทยสร้างชาติ ออกมาประกาศว่าได้ตัดสินใจลาออกจากสมาชิก พปชร.แล้ว เพื่อจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) และจะมีการเปิดตัวในวันที่ 17 มี.ค.นี้
ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานว่า “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” จะเข้าไปร่ำลาข้าราชการกระทรวงอุตสาหกรรม และยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม ในวันที่ 17 มี.ค.นี้ จากนั้นก็จะไปเปิดตัวที่พรรคเพื่อไทยด้วยเช่นกัน
แม้วันนี้ “สุริยะ” จะยังไม่ลาออกจาก รมว.อุตสาหกรรม แต่ที่ประชุม ครม.เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) ซึ่งเชื่อว่าจะเป็น ครม.นัดสุดท้ายในฐานะรัฐบาลที่มีอำนนาจเต็มสมบูรณ์ นายกฯ ก็ได้แต่งตั้ง “ธนกร วังบุญคงชนะ” รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการ รมว.อุตสาหกรรม ไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะมีรายงานว่า นายกฯ จะยุบสภาในวันจันทร์ที่ 20 มี.ค. ถ้ามีการประชุม ครม.ในวันอังคารที่ 21 ม.ค. ก็จะเป็น ครม.รักษาการ ที่ไม่มีอำนาจแต่งตั้งรัฐมนตรี ดังนั้น “สุริยะ” ลาออกแน่
ส่วน “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ที่พูดมาตลอดว่า เรื่องย้ายพรรค ให้ “สุริยะ” เป็นคนตัดสินใจ ไปไหนไปกัน แต่บรรดาลูกทีมในสังกัด ย้ายไปรอที่ พท.ก่อนแล้ว ยิ่งเมื่อวันก่อน “สมศักดิ์” ลงพื้นที่ จ.กำแพงเพชร ปรากฏว่า มีว่าที่ผู้สมัครของ พท. ก็มารอให้การต้อนรับกันพรึบ
ดังนั้น “กลุ่มสามมิตร” ได้เวลาถอนยวงไปอยู่กับเพื่อไทยแน่
คนวงในบอกว่า การย้ายพรรคของ “สมศักดิ์-สุริยะ” ในครั้งนี้ ไม่ใช่ส่องกล้องเห็นว่าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลชัวร์ เรื่องเป็นรัฐบาลนั้น 50-50 แต่เป็นเพราะลำดับปาร์ตี้ลิสต์ สิเรื่องใหญ่ ... กลัวสอบตก ไม่ได้เป็น ส.ส.
มีการวิเคราะห์กันว่า เลือกตั้งครั้งนี้ ส.ส.เขต ของ พปชร. พวกบ้านใหญ่ทั้งหลาย ไม่มีปัญหา น่าจะเอาตัวรอดได้ และมากพอที่จะส่ง “ลุงป้อม” ไปชิงเก้าอี้นายกฯ...
แต่ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ นี่สิ น่าหนักใจ เพราะบัตรเลือกพรรคของฝั่งร่วมรัฐบาลเดิม น่าจะเทไปทาง “ลุงตู่” หรือไม่ก็ไปที่พรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล มากกว่าที่จะมาที่พรรคลุงป้อม
แล้วคนรอบข้าง “ลุงป้อม” อย่างขาใหญ่ โคราช เพชรบูรณ์ ผู้กอง อ.แหม่ม สายใต้ และอีกหลายๆ คน ต่างจับจองลำดับปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ต้นๆ ... แล้ว “สุริยะ-สมศักดิ์” ที่ลูกทีมย้ายไปหมดแล้ว จะได้ปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่เท่าไร ...คิดแล้วโอกาสเสี่ยงสอบตกสูง
ไปอยู่ “เพื่อไทย” น่าจะปลอดภัยกว่า...และหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ทางกลุ่มก็จะมีพลังต่อรองสูง เพราะมีลูกทีมมาอยู่ที่นี่กันเยอะ
การจากไปของกลุ่มสามมิตร ทำให้ “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ถึงกับออกปากว่า ใจหาย ไม่อยากให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่การเมืองก็ต้องเดินหน้าต่อไป... เมื่อมีออก ก็ต้องมีเข้า!!
วันวาน “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” โพสต์เฟซบุ๊ก บอกว่า วันนี้ (15 มี.ค.) จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ตามคำเชิญของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และ “ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี” ก็จะไปสมัครด้วย
“ธีระชัย” นับว่าเป็นนักการเมืองระดับ “กูรูด้านเศรษฐกิจ” เป็นนักเรียนนอก ทั้งจากอังกฤษและสหรัฐฯ เป็นอดีต รมว.คลัง อดีตประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อดีตรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และ ประธานกรรมการคณะกรรมการกำกับตลาดทุน และเป็นประธานกลุ่ม ก.ล.ต. อาเซียน (ACMF) 2 สมัย
เรียกว่า ความคิดความเห็น ด้านการเงินการคลัง เศรษฐกิจ ปากท้อง นี่ไม่เป็นสองรองใคร
ส่วน “ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี” วิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ นี่ก็ระดับผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เคยเดินสายขึ้นเวทีให้ความรู้ และเรียกร้องเรื่องปฏิรูปพลังงานมาอย่างโชกโชน เนื่องจากข้อมูลด้านพลังงานของไทย ถูกบิดเบือนไปจากความเป็นจริง
...ประเทศเรามีทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไม่แพ้ใคร ไทยผลิตก๊าซธรรมชาติได้เป็นอันดับที่ 24 ของโลก ส่วนน้ำมันไทยเป็นอันดับ 33 ของโลก จากประเทศที่ผลิตน้ำมันกว่า 200 ประเทศ แต่กระทรวงพลังงาน มักอ้างว่า ถึงแม้ไทยจะผลิตพลังงานได้มาก แต่ใต้ดินก็มีพลังงานน้อย ซึ่งมันไม่จริง วันนี้ผลผลิตที่ขึ้นมาจากใต้ดินเป็นมูลค่าที่จับต้องได้มันติดอันดับโลกแล้ว แต่ทำไมส่วนแบ่งผลประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมของไทยจึงต่ำที่สุดในกลุ่มอาเซียน และต่ำกว่าหลายๆ ประเทศที่สูบน้ำมันและก๊าซขึ้นมาได้น้อยกว่าไทย นี่คือ สิ่งที่ทำให้เขาต้องออกมาต่อสู้เพื่อให้มีการปฏิรูปพลังงานอย่างจริงจัง...
วันนี้ “ม.ล.กรกสิวัฒน์ และ ธีระชัย” ตัดสินใจเข้า พปชร. ก็น่าจะเป็นสัญญาณที่ดี ที่ไปเสริมแกร่งให้กับทีมเศรษฐกิจของพรรค “ลุงป้อม” ได้อีกระดับหนึ่ง