xs
xsm
sm
md
lg

นักวิชาการเผยวิกฤตฝุ่นพิษภาคเหนือถือเป็นภัยพิบัติ เสนอสั่งอพยพด่วน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักวิชาการเสนอวิธีแก้ปัญหา PM 2.5 ภาคเหนือ ถือเป็นภัยพิบัติ ต้องสั่งอพยพด่วน เพื่อป้องกันสุขภาพ แนะกำหนดช่วงเวลาวันเผา พร้อมลงโทษไม่รับซื้อผลิตผลทางการเกษตร

เมื่อวันที่ 27 มี.ค. เฟซบุ๊ก "Sonthi Kotchawat" หรือ สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย ได้โพสต์ข้อเสนอแนะป้องกันและแก้ไขฝุ่น PM 2.5 โดยระบุข้อความว่า "มุมมองในการป้องกันและแก้ไขฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ 

1. ฝุ่น PM 2.5 ภาคเหนือสูงขนาดนี้ (ตั้งแต่ 300 มคก.ต่อ ลบ.ม.ติดต่อกัน) ต้องถือว่าเป็นภัยพิบัติหรือสาธารณภัยตามมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ที่จังหวัดหรือท้องถิ่นสามารถออกประกาศเป็นพื้นที่ที่ประสบภัยเพื่อนำงบประมาณออกมาช่วยเหลือพี่น้องไม่ให้ตายผ่อนส่งแบบนี้

2. การป้องกันสุขภาพของประชาชนที่ต้องรีบทำด่วน คือ
2.1 อพยพเด็กเล็ก คนป่วย คนชรา และคนกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ไปอยู่ในอาคารที่จัดทำเป็นห้องปลอดฝุ่น PM 2.5 หรือห้อง Clean Room ซึ่งเป็นห้องติดแอร์ที่มีการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ด้วยแผ่นกรองอากาศชนิด HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter) ซึ่งเป็นแผ่นกรองอากาศคุณภาพสูงทำมาจากเส้นใยไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) ถักทอจนมีขนาดที่เล็กมากๆ จนมีความสามารถในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กมากๆ ได้เป็นอย่างดี..ห้องปลอดฝุ่นดังกล่าวต้องเร่งทำอย่างเต็มที่
2.2 จังหวัดต้องแจกหน้ากากกรองฝุ่นชนิด N95 ให้ประชาชนใช้ทุกคน (ไม่ใช่หน้ากากอนามัย)
2.3 สั่งให้ทุกคน Work from home และลดการเผาในที่โล่งทุกแห่ง

3. การจัดการเพื่อลดฝุ่นควันในพื้นที่
3.1 ประกาศให้ประชาชนทราบและระดมกำลังทุกภาคส่วนออกไปจับผู้ที่แอบเผานำมาลงโทษอย่างจริงจัง รวมทั้งเร่งดับไฟป่าและไฟที่เกิดจากการเผาอื่นๆ ในพื้นที่
3.2 แจ้งไปยังเลขาฯ สำนักงานอาเซียนและขอความร่วมมือให้เพื่อนบ้านลดการเผาลง

4. ระยะยาวหรือปีต่อไป
4.1 กำหนดระยะเวลาห้ามเผาให้ชัดเจน เช่น ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนและบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงๆ รวมทั้งต้องมีมาตรการช่วยเหลือให้มีการไถกลบตอซังฟางข้าวหรือรับซื้อไปใช้โรงไฟฟ้าชีวมวลต่อไป
4.2 กระจายงบประมาณในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ให้ อปท.ทุกแห่ง และมอบอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายจับกุมผู้ลักลอบเผาในพื้นที่ รวมทั้งจัดสรรงบประมาณดับไฟในพื้นที่ด้วย โดยจังหวัดทำหน้าที่กำกับตรวจสอบให้เป็นไปตามเป้าหมาย
4.3 รัฐบาลเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านในเรื่อง Contact farming จะไม่รับซื้อผลิตผลทางการเกษตรที่ปลูกในพื้นที่ผิดกฎหมายและผลิตผลที่มาจากการเผาตอซังและวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และพืชผลที่ประทศไทยส่งเสริมให้ปลูกรวมกัน 8 ชนิด และรัฐบาลต้องบังคับให้ภาคเอกชนไทยทำตามนโยบายดังกล่าวด้วย"




กำลังโหลดความคิดเห็น