เชียงราย - ชาวแม่สายทนไม่ไหว รวมตัวเรียกร้องรัฐยกระดับแก้ปัญหาหมอกควันหลัง PM 2.5 พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบ 10 ปี จี้รัฐเร่งเจรจาเพื่อนบ้าน คุมนำเข้าข้าวโพด ลดการเผาป่า
วันนี้ (27 มี.ค. 66) นายเศวตยนต์ ศรีสมุทร รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย นายรชต ไชยวรรณื และนายตระสัก ศรีธิพรรณ์ ได้นำกลุ่มพลังมวลชนชาวแม่สาย ซึ่งใช้ชื่อว่า “เครือข่ายภาคเอกชนและประชาชน อ.แม่สาย” รวมตัวกันที่ลานหน้าที่ว่าการ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประมาณ 200 คน เพื่อเรียกร้องให้แก้ไขไฟป่าและหมอกควันข้ามแดน
โดยมีการรับบริจาคอุปกรณ์ น้ำดื่ม ฯลฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าในพื้นที่ และยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อนายณรงค์พล คิดอ่าน นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย เพื่อให้แก้ไขปัญหาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว คือเจรจาหารือกับประเทศเพื่อนบ้าน ผลักดันให้เป็นวาระของอาเซียน รวมทั้งให้ภาคเอกชนที่ไปส่งเสริมทำการเกษตรแก้ไขปัญหาเพื่อลดการเผาป่าจนเกิดเป็นฝุ่นละอองหนาแน่นดังกล่าวร่วมกัน
นายเศวตยนต์กล่าวว่า ปัญหาฝุ่นละอองหมอกควันเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ยิ่งปีนี้รุนแรงกว่าเดิมมาก ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการแก้ไขปัญหา เพราะในอดีตเราไม่อาจเข้าถึงข้อมูลปัญหาได้ แต่ปัจจุบันมีทั้งดาวเทียม แอปพลิเคชันต่างๆ ที่แจ้งข้อมูลการเกิดไฟป่า จุดความร้อน ฯลฯ ทำให้ทราบถึงปัญหาได้อย่างชัดเจนว่าเกิดจากการเผาไหม้ทั้งในประเทศและฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน
ดังนั้น การแก้ไขปัญหาจึงต้องเป็นระดับรัฐบาลที่จะต้องมีการเจรจาเพราะเกี่ยวข้องกับเรื่องระหว่างประเทศโดยเฉพาะมีการทำการเกษตร ซึ่งอาจพูดได้ว่าคือ "ข้าวโพด" เพื่อลดการเผา นอกจากนี้ควรมีการควบคุมเรื่องการนำเข้าผลผลิตมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างเสรี โดยทางรัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ควรเข้ามาควบคุมด้วย
ด้านนายตระสักกล่าวว่า การเกิดฝุ่นละออง PM 2.5 ในช่วงนี้ถือว่าหนักที่สุดในรอบ 10 ปีนับตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ฝุ่นหนาแน่นเมื่อปี 2554 เป็นต้นมา ทำให้ชาวแม่สายไม่อาจจะทนอยู่ได้อีกต่อไปเพราะถ้าปล่อยเอาไว้ไม่ทำอะไรปัญหาก็จะเกิดขึ้นทุกปีและอาจจะหนักยิ่งขึ้นไปอีก จึงคาดหวังให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความสำคัญด้วย
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากยื่นหนังสือต่อทางนายอำเภอแม่สายแล้ว กลุ่มพลังมวลชนมีกำหนดจะพากันเดินรณรงค์ไปยังบริเวณหน้าด่านพรมแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย แต่เนื่องจากฝุ่นละอองหนาแน่น กรมควบคุมมลพิษรายงานว่าที่ อ.แม่สาย มีค่า PM 2.5 หนาแน่นถึงระดับ 543 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จึงให้งดการเดินในที่โล่งเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ หันมาใช้รถยนต์ขับรณรงค์แทน