หมอโรคปอดและหมอโรคจากการนอนหลับเผยผลวิจัยฝุ่น PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อการนอนของเด็กเล็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ส่งผลต่อการพัฒนาสมอง
วันนี้ (8 มี.ค.) เฟซบุ๊ก "นิธิพัฒน์ เจียรกุล" หรือ นายแพทย์ นิธิพัฒน์ เจียรกุล อายุรศาสตร์โรคระบบการหายใจ ได้โพสต์ข้อความ "หลัง call out ให้พวกมีอำนาจหันมาสนใจ ทั้งที่รู้ว่าเขาสนใจเรื่องอื่นกันมากกว่า ได้ทบทวนข้อมูลทางวิชาการเพิ่มเติม พบบทความเรื่องผลของ PM 2.5 ต่อทารกในครรภ์จนถึงวัยเด็กเล็ก ยิ่งตอกย้ำความเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาว ดีกว่าการย้ำกรอกหูประชาชนให้ “ดูแลตนเอง”
จากการติดตามเด็กอนุบาลจำนวน 115,023 คน จาก 551 เมืองในประเทศจีน พบว่าการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 ที่สูงตั้งแต่ในครรภ์จนถึงวัยเด็กเล็ก สัมพันธ์กับการมีคุณภาพการนอนในวัยเด็กที่แย่ลง โดยเฉพาะถ้าสัมผัสกับฝุ่นที่สูงในช่วงอายุ 0-3 ขวบ จะเกิดมากกว่าถ้าสัมผัสในช่วงที่ยังไม่คลอดออกมา ความผิดปกติที่เกิดขึ้นทำให้เด็กมีปัญหาการหายใจผิดปกติระหว่างการนอน และภาวะง่วงนอนมากตอนกลางวัน เด็กที่แรกคลอดไม่แข็งแรงต้องเข้าไอซียู จะพบความผิดปกติได้มากขึ้น ที่น่าแปลกใจคือเด็กที่กินนมแม่จนถึง 6 เดือน ก็พบความผิดปกติมากขึ้นด้วย (คิดเอาเองว่าอาจได้รับ PM 2.5 เพิ่มทางน้ำนมแม่)
ในฐานะหมอโรคปอดและหมอโรคจากการนอนหลับ สุขภาวะการนอนของเด็กที่ถูกรบกวนโดยเฉพาะการหายใจผิดปกติระหว่างการนอน อาจทำให้พัฒนาการทางสมองถูกกระทบกระเทือนตามไปด้วย
ว่าแต่จะมีใคร “รู้หน้าที่” ทำเพื่ออนาคตเยาวชนของชาติเราบ้าง #ควบคุมฝุ่นปกป้องสมองเด็ก