1."เนตร นาคสุข" ไม่สนประวัติด่างพร้อย เดินสายลงสมัครกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 4 และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ!
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. มีรายงานว่า ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้เปิดรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 1 คน (แทน พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี ) โดยเปิดรับตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค.-13 ก.พ. 2566
ปรากฏว่า ผลการรับสมัคร ณ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2566 มีผู้สมัครแล้ว จำนวน 3 คน ประกอบด้วย 1.ว่าที่ร้อยตรี อำนวย อุปถัมภ์ อายุ 58 ปี ทนายความอิสระ 2.นายพศวัจณ์ กนกนาก อายุ 66 ปี ประธานศาลอุทธรณ์ 3.นายเนตร นาคสุข อายุ 68 ปี อดีตรองอัยการสูงสุด
ทั้งนี้ เป็นที่ทราบดีว่า นายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด เคยถูกคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) มีคำสั่งให้ออกจากราชการ กรณีสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลัง ผู้ต้องหาคดีขับรถชน ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ ผบ.หมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อเสียชีวิต ซึ่งนายเนตรเคยลงสมัครเป็นกรรมการ ป.ป.ช. มาแล้ว 3 ครั้ง ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการลงสมัคร กระทั่งครั้งนี้ นายเนตรก็ยังมาสมัครเป็นกรรมการ ป.ป.ช. อีกเป็นครั้งที่ 4
เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจากลงสมัครกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว นายเนตรยังลงสมัครกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิอีกด้วย โดยมีรายงานว่า ขณะนี้ สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) อยู่ระหว่างการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ แทนผู้ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 15 มีนาคม 2566 โดยอัยการสูงสุดต้องดำเนินการให้มีการเลือกประธาน ก.อ. และกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิภายใน 60 วันก่อนวันครบกำหนดวาระ และการออกเสียงลงคะแนนต้องกระทำโดยวิธีลับนั้น
ล่าสุด มีผู้แจ้งความประสงค์ที่จะให้สำนักงานคณะกรรมการอัยการเผยแพร่ข้อมูลในการแนะนำตัว ประวัติการทำงาน ผลงานและวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ที่สมควรจะได้รับเลือกเป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวัติ เข้ามาจำนวนมาก
โดย 1 ในนั้น มีนายเนตร นาคสุข อดีตรองอัยการสูงสุด แจ้งความประสงค์จะเข้ารับการคัดเลือกในตำแหน่งกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุติ ประเภทผู้รับบำเหน็จหรือบำนาญด้วย
สำหรับผู้ที่แสดงความประสงค์จะให้สำนักงานคณะกรรมการอัยการเผยแพร่ข้อมูลในการแนะนำตัว ประวัติการทำงาน ผลงาน และวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่ ประกอบด้วย
กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการงบประมาณ ด้านการพัฒนาองค์กร หรือด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ 1.นายณัฐเมศร์ เรืองพิชัยพร อนุกรรมาธิการติดตามการปฏิรูปด้านสังคมกิจการผู้สูงอายุและสังคมสูงวัย วุฒิสภา 2.นายนันทวัชร์ สุพัฒนานนท์ คณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร 3.ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4.นายภูมิ มูลศิลป์ คณบดี คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ 5.นายยุทธนา สาโยซนกร รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ 6.รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุริยเดว ทรีปาตี ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)
กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภทผู้รับบำเหน็จหรือบำนาญ ได้แก่ 1.นายเนตร นาคสุข
2.นายพงษ์ศักดิ์ แก้วกมล 3.นายวินัย ดำรงค์มงคลกุล 4.นายวิภาส สระรักษ์ 5.นายสัมพันธ์ สาระธนะ
กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ ประเภทข้าราชการอัยการชั้น 5 ขึ้นไป ได้แก่ 1.นายกรุณา พันธุ์เพ็ชร 2.นายจิระประวัติ แบบประเสริฐ 3.นายชวรัตน์ วงศ์ธนะบูรณ์ 4.นายชัยนันท์ งามขจรกุลกิจ 5.นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ 6.นายประยุทธ เพชรคุณ 7.นายพงศ์พิเชษฐ์ จันทรพรกิจ 8.นางพัชรางสุ์ ชัยวรมุขกุล 9.นายพีระพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ 10.นายวิรุฬห์ ฉันท์ธนนันท์ 11.เรือโท สายันต์ สุโขพืช 12.นายอดิศร ไชยคุปต์
สำหรับการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นกรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิในครั้งนี้ เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 16-27 ม.ค.ที่ผ่านมา กำหนดเริ่มส่งบัตรลงคะแนนวันที่ 17 ก.พ.2566, ปิดผนึกหีบรับบัตรลงคะแนนวันที่ 9 มี.ค.2566 และนับคะแนนวันที่ 10 มี.ค. 2566
2.ศาลสั่งจำคุก “ประสิทธิ์ เจียวก๊ก” กับพวก 4 เดือน ฐานพยายามหลบหนีการควบคุมตัว แต่ลดโทษเหลือจำคุก 2 เดือนหลังเจ้าตัวสารภาพ!
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้นัดไต่สวนคดีละเมิดอำนาจศาลที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นผู้กล่าวหา นายประสิทธิ์ เจียวก๊ก จำเลยคนสำคัญคดีฉ้อโกงประชาชน นายสมประสงค์ ทิพย์สุคนธ์ และ น.ส.กัญญามาส ทองปาน เลขาฯ ส่วนตัวนายประสิทธิ์ เป็นผู้ถูกกล่าวหา กรณีพยายามหลบหนีการควบคุมของศาล
คดีนี้ สืบเนื่องจาก ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา รายงานเสนอว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2565 นายประสิทธิ์ ซึ่งถูกควบคุมตัวตามหมายขังของศาล ได้ให้นายสมประสงค์ จัดเตรียมเสื้อผ้า รองเท้า ถุงเท้า และอื่นๆ มาส่งให้นายประสิทธิ์ที่ห้องน้ำชายชั้น 9 อาคารศาลอาญา และให้ น.ส.กัญญามาส เตรียมเงินสดจำนวน 11,000 บาท มามอบให้นายประสิทธิ์ ที่ห้องพิจารณา 903 เพื่อใช้หลบหนี แต่เจ้าพนักงานจับกุมนายประสิทธิ์ได้ขณะหลบหนี จึงรายงานต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา โดยศาลมีคำสั่งเรียกไต่สวนตามคำกล่าวหา
ทั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2-3 มาศาลตามนัด ส่วนนายประสิทธิ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ศาลใช้วิธีประชุมทางจอภาพ (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ไปยังเรือนจำ หลังศาลไต่สวน ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามให้การรับสารภาพตามคํากล่าวหา
ศาลพิเคราะห์รายงานของ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา ประกอบคำรับสารภาพของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามแล้ว เชื่อว่า ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 พยายามหลบหนีการควบคุมของศาล โดยผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 นำเสื้อผ้ามาส่งให้ในห้องน้ำของศาล และผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 ส่งเงินให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เพื่อใช้ในการหลบหนี
การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31 (1), 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม คนละ 4 เดือน ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก คนละ 2 เดือน
3. "ชูวิทย์" จี้ ตร.ฟันอาญา "สารวัตรซัว" ปมเอี่ยวพนันออนไลน์ ไม่ใช่แค่ให้ออกจากราชการ ปูดอดีตนายพล จ.เรียกรับผลประโยชน์!
หลังจากเว็บพนันออนไลน์ "มาเก๊า 888" ถูกดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์ ออกมาแฉว่าเกี่ยวข้องกับ 4 พี่น้อง บ. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ได้ออกมาแฉเพิ่มเติมว่า เรื่องของมาเก๊า 888 ถือว่ายังเป็นเรื่องเล็ก ๆ เพราะมีคดีใหญ่กว่านั้นและมีผู้ที่เกี่ยวข้องเรียกว่า "สารวัตรซัว" แห่งเป็นต่อกรุ๊ป มีเงินหมุนเวียนกว่าหมื่นล้าน และใช้เส้นสายของโรงเรียนนายร้อย เชื่อมต่อกับนายพล เพื่อทำให้ธุรกิจเดินได้สะดวก
โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. เฟซบุ๊ก ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์ถึงสารวัตรซัวเพิ่มเติมว่า ซัว เป็นชื่อเล่น ชื่อจริงคือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ เป็นคนที่ทำให้องค์กรตำรวจเสียหายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มีการตั้งองค์กรอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ 10 บริษัท เพื่อใช้ในการฟอกเงินที่ได้จากพนันออนไลน์ ทั้งที่ตัวเองมียศอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยทั้ง 10 บริษัท ประกอบด้วย
1. Pentor Exchange by Pentor Group (บริษัท เป็นต่อ เอ็กซ์เช้นจ์ จำกัด) ทำธุรกิจรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ 2. PT Software by Pentor Group (บริษัท พีที ซอฟต์แวร์ บาย เป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด) ทำธุรกิจผลิต และพัฒนาซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ 3. Pentor Property by Pentor Group (บริษัท เป็นต่อ พร็อพเพอร์ตี้ บาย เป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด ทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงที่อยู่อาศัย และเชิงพาณิชย์
4. Pentor Entertainment by Pentor Group (บริษัท เป็นต่อ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ บาย เป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด) ทำธุรกิจสถานบันเทิง เช่น Tomorrowland Exclusive lounge, Dubai Luxury Club 5. Snocko Technology (บริษัท สน็อคโค เทคโนโลยี จำกัด) ทำธุรกิจผลิตบุคลากรวงการคอมพิวเตอร์ 6. AMB Games (บริษัท เอเอ็มบีเกมส์ จำกัด) ทำธุรกิจให้บริการเกมออนไลน์ 7. Esyms ทำธุรกิจพัฒนาแพลตฟอร์มเภสัชกรออนไลน์ 8. สหกรณ์ออมทรัพย์เป็นต่อกรุ๊ป จำกัด 9. มูลนิธิ เป็นต่อ กรุ๊ป จำกัด 10. บริษัท ลาลิซ่า 2020 จำกัด ทำอาบอบนวด "ลาลิซ่า" (ซื้อต่อมาจากกำพล วิคตอเรีย)
นายชูวิทย์ ยังระบุด้วยว่า เรื่องนี้โกหกกันไม่ได้ เพราะในยุทธจักรพนันออนไลน์ ซัวแห่งเป็นต่อกรุ๊ป คนรู้จักกันหมด เป็นตำรวจแล้วก่ออาชญากรรมเสียเอง งานการไม่ทำ ขับรถซูเปอร์คาร์ตามสูตร เลี้ยงลูกน้องพาเที่ยวต่างประเทศ แบบนี้บ้านเมืองจะไม่ลุกเป็นไฟได้ยังไง
ในเวลาต่อมา นายชูวิทย์ยังได้ลงหนังสือคำสั่งกองโยธาธิการ ให้ พ.ต.ท.วสวัตติ์ สารวัตรฝ่ายโยธาธิการ 2 กองโยธาธิการ สังกัดกองโยธาธิการ สำนักงานส่งกำลังบำรุง เงินเดือน 32,450 บาท ถูกกล่าวหาเรื่องละทิ้งหน้าที่ราชการแบบไม่มีเหตุอันควร ทำให้เสียหาย จึงสั่งให้พักราชการและออกจากราชการไว้ก่อน ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ.เป็นต้นไป
ทั้งนี้ นายชูวิทย์ ระบุว่า แค่ออกจากราชการไม่ได้ ต้องสอบด้วยว่า เอารายได้จากไหนมา ถึงเปิดได้ถึง 10 บริษัท ตีงูต้องตีให้ตาย
ด้าน พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับบ่อนพนันออนไลน์ว่า กรณีให้สารวัตรซัว หรือ พ.ต.ท.วสวัตติ์ อดีต สว.โยธาธิการ 2 ออกจากราชการไว้ก่อน เนื่องจากเบื้องต้นได้รับรายงานจากต้นสังกัดว่า ข้าราชการตำรวจคนดังกล่าวขาดอายุราชการเกิน 15 วัน จึงมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเจ้าตัวมีสิทธิ์อุทธรณ์ได้ภายในกรอบเวลา จากนี้ต้องพิจารณาด้วยว่า ผู้บังคับบัญชาบกพร่อง ไม่เอาใจใส่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยหรือไม่ หากพบเป็นความผิดก็ต้องลงโทษตามลำดับชั้นไปถึงผู้กำกับซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วย
ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่สารวัตรซัว ถูกกล่าวหาจากนายชูวิทย์ว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ว่า ขณะนี้ ได้สั่งการให้มีการสืบสวนและดำเนินการในคดีนี้อยู่ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาซักระยะหนึ่ง แต่ยืนยันว่าจะมีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างเต็มที่
ด้านนายชูวิทย์ กล่าวถึงสารวัตรซัวด้วยว่า มีเบื้องหลังหลายอย่างและไม่ใช่เพิ่งเติบโตในเส้นทางตำรวจ ซึ่งจากข้อมูลที่มีพบว่า พ.ต.ท.วสวัตติ์ เคยมีการจัดตั้งมูลนิธิหรือเครือข่ายต่างๆ บังหน้า เพื่อทำธุรกิจสีเทา และมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงาน รวมถึงอดีตผู้บัญชาการที่รับผิดชอบดูแลองค์กรด้านไซเบอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ด้วย โดยตัวย่อของผู้บังคับบัญชาคนดังกล่าวคือ นายพล จ. มีชื่อจริงตัวย่อ ก. ทั้งนี้ ยืนยันว่า ผู้บัญชาการคนดังกล่าวมีการเรียกรับผลประโยชน์กับเว็บไซต์การพนันออนไลน์ และมีความสัมพันธ์เชิงการทำธุรกิจกับ พ.ต.ท.วสวัตติ์
นายชูวิทย์ กล่าวต่อว่า ตนพร้อมน้อมรับผลกระทบที่ตามมา หลังมีการเอ่ยชื่อพาดพิงอดีตผู้บัญชาการคนดังกล่าว เป็นนักรบย่อมมีบาดแผล ซึ่งจุดประสงค์หลักของการเปิดโปงเรื่องนี้ คืออยากให้สังคมได้รับรู้ถึงกระบวนการสีเทาที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการอย่างตำรวจ เนื่องจากอาจเป็นแหล่งบ่มเพาะอาชญากรในคราบเครื่องแบบ
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า แม้ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จะมีคำสั่งเด้งฟ้าผ่า พ.ต.ท.วสวัตติ์ออกจากราชการไปแล้ว แต่ควรตั้งข้อกล่าวหาในคดีอาญาด้วย ไม่ใช่แค่ปล่อยตัวไปเฉย ๆ ซึ่งตนได้ส่งข้อมูลต่างๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อการทำคดี ให้กับ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางแล้ว
ล่าสุด (11 ก.พ. ) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยความคืบหน้ากรณี ผบ.ตร.มอบหมายให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินและธุรกิจของเครือข่าย พ.ต.ท.วสวัตติ์ หรือ "สารวัตรซัว" พัวพันกับเว็บไซด์รับพนันการแข่งขันฟุตบอล มาเก๊า 888 ว่า เบื้องต้นพบว่ามีมูล จึงได้สั่งตั้งคณะทำงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านเร่งแกะรอยเส้นทางการเงินของสารวัตรซัว พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่มีส่วนพัวพัน ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายทุกราย "ยืนยัน บช.ก.จะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีมวยล้มต้มคนดู"
4. "ผู้กองไบรท์" ลาออกจากตำรวจแล้ว อ้างดูแลพ่อที่ชรา ปัดเอี่ยว "มาเก๊า 888" ด้าน ผบช.สตม. ขอโทษปมถามนักข่าว "มีสามีหรือเปล่า"!
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ปล่อยตัว ร.ต.อ.คุณากร ขจรบุญถาวร หรือผู้กองไบรท์ รองสารวัตร ฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ น้องชายคนเล็กของพี่น้อง 4 บ. ที่เชื่อมโยงกับเว็บพนันออนไลน์มาเก๊า 888 ออกจากห้องควบคุมผู้ต้องขัง หลังผู้กองไบรท์ ถูกคุมตัวมาฝากขังตามโทษทางวินัยครบ 7 วัน กรณีขาดงานเกิน 15 วัน
ทั้งนี้ หลังถูกปล่อยตัว ตำรวจให้ผู้กองไบรท์ลงบันทึกประจำวัน จากนั้นได้นำตัวไปยังอาคารที่ทำการของกองบังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 2 ซึ่งเป็นต้นสังกัดของผู้กองไบรท์ โดยมี พล.ต.ต.มนตรี แป้นเจริญ ผู้บังคับการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง 2 เป็นผู้รับตัว เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน
พล.ต.ต.มนตรี กล่าวว่า เจ้าตัวจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งเดิม ที่สังกัดฝ่ายตรวจคนเข้าเมืองขาออก เนื่องจากมีหนังสือจากสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ส่งตัวกลับต้นสังกัด ไม่ให้ช่วยราชการ ซึ่งจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีหมายจับ และไม่มีคำสั่งพิเศษจากผู้บัญชาการ เพียงแต่เน้นย้ำให้เฝ้าระวัง ไม่ให้หนีราชการอีก
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ผู้กองไบรท์ เตรียมยื่นหนังสือลาออกจากราชการตำรวจ เนื่องจากเห็นว่าความสัมพันธ์ของตนเองกับพี่ชายและกลุ่มผู้ต้องหา ทำให้เสื่อมเสียไปถึงผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน จึงไม่อยากให้เกิดความลำบากใจ อีกทั้งยังยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์พนันออนไลน์ มาเก๊า 888
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ท. วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสืบสวนสวนคดีมาเก๊า 888 หลังประชุม พล.ต.ท.วรวัฒน์ เผยว่า ตำรวจเตรียมขอศาลออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะไม่ใช่ผู้ต้องหากลุ่มบัญชีม้า แต่จะเป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องระดับใด ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานจะเชื่อมโยงไปถึง ส่วนการสอบปากคำ ผู้กองไบรท์ เจ้าตัวยังให้การปฏิเสธ ว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ มาเก๊า 888 และไม่ทราบเรื่องของพี่ชายมาก่อนว่า เปิดทำเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งคำให้การยังมีพิรุธหลายเรื่อง
ทั้งนี้ วันเดียวกัน มีรายงานว่า ร.ต.อ.คุณากร หรือผู้กองไบรท์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการแล้ว โดยให้เหตุผลว่า จะไปดูแลบิดาที่ชราภาพ ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ.2566
เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. โลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปที่สื่อได้สอบถาม พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2566 เกี่ยวกับประเด็นความโดดเด่นของ ร.ต.อ.คุณากร หรือผู้กองไบรท์ ที่ถูกเรียกตัวมาทำงานที่สำนักงานก่อนหน้านี้
โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตนเป็นคนเรียกผู้กองไบรท์มาใช้งานที่สำนักงาน ตั้งแต่เดือน พ.ย.2565 เพราะมีความสามารถโดดเด่น และตนเองเป็นคนเรียกให้ผู้กองไบรท์ที่เดินทางไปต่างประเทศ เดินทางกลับไทย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ปมเอี่ยวมาเก๊า 888
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามได้ถาม ผบช.สตม.ว่า ผู้กองไบรท์มีความสามารถโดดเด่นด้านไหน ด้าน ผบช.สตม. กลับย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า น้องมีสามีหรือเปล่าล่ะ ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า ไม่มีค่ะ จากนั้น ผบช.สตม. ถามต่อว่า แล้วชายในฝันของน้องต้องมีจุดโดดเด่นยังไง ผู้สื่อข่าว จึงตอบว่า หนูเข้าใจว่าไม่เกี่ยวกับคำถาม ด้าน ผบช.สตม. จึงอ้างว่า เปรียบเทียบให้ฟัง
พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ยังกล่าวอีกว่า ถามว่าความโดดเด่นของแต่ละคน มันเป็นความต้องการของแต่ละคนเหมือนกันไหม ความโดดเด่นของแต่ละคน มันอาจจะโดดเด่นในด้านหนึ่งก็ได้ ผมถึงบอกว่าน้องเขามีความรู้ คิดว่าน้องเขามีประโยชน์ ผมก็ใช้ประโยชน์เขา แต่เมื่อเรานำเขามาใช้ประโยชน์ แล้วเขาทำผิด ก็ว่ากันไป เป็นคนเลือกผู้กองไบรท์เข้ามาทำงานด้วยตนเอง ใครทำงานกับตน ต้องเป็นคนเลือกอยู่แล้ว ไม่ได้รับฝากมาชุ่ยๆ
เป็นที่น่าสังเกตว่า การย้อนถามผู้สื่อข่าวที่ว่า "น้องมีสามีหรือเปล่า แล้วผู้ชายในฝันของน้องต้องมีจุดโดดเด่นแบบไหน” ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ผบช.สตม.เป็นอย่างมาก กระทั่งในที่สุด ผบช.สตม. ต้องออกมาขอโทษกับการย้อนถามดังกล่าว โดย พลต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ยอมรับว่า สิ่งที่พูดไม่เหมาะสมจริง และจะน้อมรับคำติเตียนทั้งหมดไปเป็นบทเรียนและปรับปรุงตนเองต่อไป โดยยืนยันไม่มีเจตนา เพียงอยากสร้างบรรยากาศเป็นกันเอง และหลังเกิดเรื่องได้ขอโทษผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวแล้ว
พลต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่ว่า ตนเดินทางไปฮ่องกง เพื่อเจรจากับ เบนซ์ เดม่อน ผู้ต้องหาคดีมาเก๊า 888 ให้เดินทางกลับมามอบตัว เนื่องจากมีความสนิทสนมส่วนตัวกับครอบครัวนี้ โดยยืนยันว่า ตนยังคงนั่งทำงานอยู่ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองทุกวัน ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ และไม่ได้ส่งผู้แทนคนไหนไป เพราะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ จึงไม่มีหน้าที่ต้องไปเจรจา
5. "สนธิ" ไม่แปลกใจ "แทนไท" ฟ้องเรียกพันล้าน แต่แปลกใจศาลคุ้มครองชั่วคราว โดยไม่ให้ตนซักค้าน ทั้งที่ศาลแพ่งเคยพิพากษายึดทรัพย์แทนไทเปิดเว็บพนัน-ฟอกเงิน!
จากกรณีที่นายแทนไท ณรงค์กูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ ในฐานะผู้ดำเนินรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ค (Sondhitalk)” ต่อศาลแพ่งและศาลอาญา ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 1,000 ล้านบาท กรณีนายสนธิกล่าวในรายการว่า นายแทนไทได้เงินจากการทำผิดกฎหมาย ดำเนินธุรกิจสีเทา รวมทั้งมีการฟอกเงินนั้น
ล่าสุด นายสนธิได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 10 ก.พ. โดยตั้งข้อสังเกตคดีนายแทนไทฟ้องเรียกเงิน 1,000 ล้านว่า ไม่ได้ประหลาดใจ ชั่วชีวิตการเป็นสื่อมวลชน 50 กว่าปี ต่อสู้กับอำนาจรัฐที่ฉ้อฉล โดนคดีความเป็นร้อยๆ คดี เมื่อเห็นคำฟ้องของนายแทนไทก็มีความรู้สึกว่า มีอะไรทะแม่งๆ มีกลิ่นอะไรผิดปกติ
“ข้อที่หนึ่ง ทนายผมแจ้งข้อมูลว่า คดีนี้ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว วันที่ 3 ก.พ. ฝั่งนายแทนไทให้ทนายยื่นฟ้องคดีต่อศาลแพ่งในเวลาสิบโมงเช้า แล้วยื่นขอไต่สวนฉุกเฉินทันที ข้อที่สอง ซึ่งศาลท่านก็เมตตา เมตตาคุณแทนไทมาก ให้ไต่สวนฉุกเฉิน ไม่รอให้ผมซักค้าน ทั้งๆ ที่คดีนี้ไม่ได้เป็นคดีร้ายแรง เป็นคดีหมิ่นประมาทธรรมดา ซึ่งสื่อมวลชนปกติก็โดนกันอยู่แล้ว
“ข้อที่สาม พอศาลไต่สวนฉุกเฉิน โดยไม่ให้ฝั่งผมซักค้าน ผมเป็นสื่อมวลชน แล้วผมเอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาพูด เอาข้อมูล เอาคำพิพากษาที่ศาลแพ่งตัดสินมาเผยแพร่ ศาลแพ่งเคยพิพากษาว่า นายแทนไทเปิดเว็บพนัน ฟอกเงิน แล้วสั่งยึดทรัพย์ไป 176 ล้าน ประหลาด! ศาลกลับมีคำสั่งคุ้มครองนายแทนไท ที่โดนศาลแพ่งพิพากษายึดทรัพย์ แล้วสั่งให้ลบข้อมูลที่คาดว่าจะหมิ่นประมาทนายแทนไททั้งหมด
“ข้อที่สี่ เพื่อเป็นข้อเท็จจริงให้ทราบ ข้อมูลที่ศาลแพ่งสั่งคุ้มครองนายแทนไท จะให้ผมลบข้อมูล ผมลบไม่ได้ เพราะว่ารายการนี้ผมไม่ได้เป็นเจ้าของ ท่านผู้ชมไปดูเฟซบุ๊ก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เอง จะมีชื่อว่า บริษัท ANEWSON จำกัด เป็นเจ้าของ ผมเป็นคนที่รับจ้างมาออกรายการเท่านั้น ลิขสิทธิ์อยู่ที่บริษัท เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านคุ้มครองผิดคน ท่านสั่งผิดคน สั่งให้ถอดข้อความ สั่งผมไม่ได้ ผมไม่ใช่เจ้าของเพจ หลักฐานมีหมด ซึ่งผมจะนำสืบ ทนายความผมจะยื่นคำร้องขอไต่สวนฉุกเฉินเช่นกัน และผมก็จะรอ ว่าศาลจะยอมไต่สวนฉุกเฉินให้อย่างรวดเร็วเหมือนอย่างที่ศาลอนุญาตให้นายแทนไท ไต่สวนฉุกเฉินอย่างรวดเร็วหรือไม่ ผมฝากท่านอธิบดีศาลแพ่งไว้ด้วยนะครับ
“ข้อที่ห้า ท่านผู้พิพากษาครับ มีผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายระดับอดีตหัวหน้าองค์คณะศาลฎีกา ได้อ่าน แล้วบอกว่า คำสั่งคุ้มครองให้ปิดปากผม โน่นนี่นั่น เป็นคำสั่งที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 35 ที่บัญญัติว่า บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสารหรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ การสั่งปิดกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นเพื่อลิดรอนเสรีภาพตามวรรคหนึ่งจะกระทำมิได้"
นายสนธิกล่าว กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ตนจะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างแน่นอน ว่าคำสั่งของศาลที่คุ้มครองนายแทนไทขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด