โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ แถลงการณ์เสียใจกรณีเด็ก 3 ขวบเสียชีวิต ยืนยันโรงพยาบาลรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพทุกประการ เตือนผู้ปกครองการนำข้อมูลผู้ป่วยออกสู่สาธารณะขัดต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลผู้ป่วย
จากกรณีแม่รายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความเป็นธรรม หลังพาลูกวัย 3 ขวบเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสะพานใหม่ เบื้องต้นเข้า รพ.ด้วยอาการมีไข้สูง เข้ารักษาผ่านไป 3 วันลูกเสียชีวิต ทั้งนี้ มีการตรวจพบว่าตัวเด็กมีอาการไตวายระยะที่ 3 กระทั่งสุดท้ายเสียชีวิต
อ่านข่าวประกอบ : คดีพลิก! ชาวเน็ตทัวร์ลงแม่เด็ก 3 ขวบ ลูกป่วยหนักไม่รู้ได้ไง ก่อนเสียชีวิตโทษ รพ.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ม.ค. "โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ" ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าว ใจความว่า "ผู้ป่วยเด็กรายนี้มา รพ.ด้วยอาการไข้สูง 1 วันก่อนมาโรงพยาบาล ตรวจร่างกายนอกจากอาการไข้แล้วไม่พบสิ่งผิดปกติอื่น จึงวินิจฉัยเบื้องต้นว่าเป็นไข้เฉียบพลันและให้รับเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งผลตรวจพบเพียงเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และไม่พบการติดเชื้อไข้เลือดออก วันต่อมาผู้ป่วยยังมีไข้สูง แพทย์จึงตรวจร่างกาย และประเมินซ้ำ การตรวจทั้งหมดไม่แสดงการติดเชื้อ
ในตอนบ่ายผู้ป่วยมีอาการชักหนึ่งครั้ง ประมาณ 30 วินาที แพทย์ได้ตรวจพบรู้สึกตัวดี ผลร่างกายปกติ หลังจากนั้นชักซ้ำอีกครั้ง จึงให้ยากันชัก ในตอนเย็นแม้ว่าจะได้รับยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือดแล้ว แต่ผู้ป่วยมีอาการซึมลง อาเจียนเป็นเลือด หายใจเหนื่อย แพทย์จึงใส่ท่อช่วยหายใจ แต่ผู้ป่วยยังมีสัญญาณชีพทรุดลงต้องทำการกู้ชีพ สัญญาณชีพก็ยังไม่คงที่ การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ การทำงานของไตผิดปกติ และมีภาวะเลือดเป็นกรด และผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา มีหัวใจหยุดเต้นเป็นระยะๆ หลายครั้ง ซึ่งในระหว่างที่ทำการรักษานี้ทางโรงพยาบาลได้แจ้งอาการต่อผู้ปกครองเป็นระยะๆ แม้ทีมแพทย์ได้พยายามรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ แต่ไม่เป็นผล ผู้ป่วยเสียชีวิตในเย็นวันรุ่งขึ้น
รพ.ภูมิพลอดุลยเดชฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัวผู้ป่วยในการสูญเสียครั้งนี้ ขอยืนยันว่าการรักษาพยาบาลผู้ป่วยรายนี้เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพทุกประการ ทางโรงพยาบาลได้อธิบายถึงอาการ การรักษาที่ผู้ป่วยได้รับ และสาเหตุของการเสียชีวิตแก่ญาติผู้ป่วยแล้ว 2 ครั้ง แต่หากบิดามารดาผู้ป่วยมีข้อติดใจสงสัยก็พร้อมที่จะพูดคุยตอบข้อสงสัยโดยตรง แต่การนำข้อมูลของผู้ป่วยออกสู่สาธารณะ หรือให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามารับรู้ด้วย ย่อมเป็นการขัดต่อกฎหมายคุ้มครองข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งการปฏิบัติตามกฎหมายนี้เป็นสิ่งที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดชยึดถืออย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด"