xs
xsm
sm
md
lg

คดีพลิก! ชาวเน็ตทัวร์ลงแม่เด็ก 3 ขวบ ลูกป่วยหนักไม่รู้ได้ไง ก่อนเสียชีวิตโทษ รพ.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คดีพลิกเสียแล้ว ปมแม่พาลูกไปรักษาอาการไข้สูงก่อนปล่อยเด็กเสียชีวิตที่โรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ชาวเน็ตขุดพฤติกรรม แม่ปล่อยให้เด็กดื่มน้ำอัดลม คลุกคลีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ป่วยไตระยะ 3 ก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เอะใจ 3 ขวบหนักกว่า 30 กิโลกรัม ลูกไม่กินยาก็ไม่สอน หยุดรับวัคซีนตั้งแต่อายุ 6 เดือน เผยแม่เตรียมเข้าร้องเพจดังให้ช่วยเหลือ

จากกรณีแม่รายหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องความเป็นธรรม หลังพาลูกวัย 3 ขวบเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสะพานใหม่ เบื้องต้นเข้า รพ.ด้วยอาการมีไข้สูง เข้ารักษาผ่านไป 3 วันลูกเสียชีวิต ทั้งนี้ มีการตรวจพบว่าตัวเด็กมีอาการไตวายระยะที่ 3 ทั้งนี้ ผู้เป็นแม่ได้ระบุข้อความว่า

“สวัสดีค่ะ ขออนุญาตเล่าเหตุการณ์ให้เป็นอุทาหรณ์การสูญเสียที่สุดในชีวิต วันที่ 22 ธ.ค. 65 น้องเริ่มมีอาการไข้และตัวร้อน ได้ให้น้องกินยาลดไข้แล้วนอน

เช้าวันที่ 23 ธ.ค. 65 ไข้น้องไม่ลดเลยพาน้องไปรักษาตามสิทธิที่ศูนย์ฯ 24 และศูนย์ฯ 24 ได้ส่งตัวน้องไปที่โรงพยาบาลเพราะน้องไข้สูงและมีผื่นขึ้นตามตัวกังวลว่าน้องจะเป็นไข้เลือดออก ไปถึงโรงพยาบาลประมาณเที่ยงได้รอการตรวจได้มีการเจาะเลือดไปแต่ยังไม่ทราบผล และเวลาประมาณ 16.00-17.00 น.ได้นอนแอดมิตโรงพยาบาล กว่าน้องจะได้กินยาก็เวลา 22.00 น. ระหว่างนั้นน้องไข้สูงหนาวสั่น 39-41 องศา ได้เช็ดตัวน้องอยู่ตลอด

วันที่ 24 ธ.ค. 65 ไข้น้องยังไม่ลด ได้เจาะเลือดน้องไปอีก 2 ครั้ง มีการเอกซเรย์และตรวจอุจจาระแต่ยังไม่ทราบผล ได้แต่เช็ดตัวเป็นระยะ น้องมีอาการอ่อนเพลียไม่มีแรงจะนอนอย่างเดียว จนเวลา 14.00 น. ได้กินยาลดไข้ครั้งที่ 2 (น้องกินยายาก) และพยาบาลได้มาช่วยเช็ดตัวเนื่องจากไข้ไม่ลด ระหว่างเช็ดตัว น้องได้มีอาการตาเหลือกน้ำลายไหล แม่และพ่อได้บอกพยาบาลแต่พยาบาลบอกว่าน้องไม่ได้ชักน้องแค่เกร็งไม่ต้องกังวล จนเวลาผ่านไปเกินครึ่ง ชม.ได้ถามอีกครั้งพยาบาลว่าทำไมตาน้องยังค้าง ก็ยืนยันคำเดิมว่าเป็นอาการหลักจากน้องเกร็งและยังไม่มีใครสนใจน้อง ได้มีหมอลงมาดูแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรจนแม่โวยวายว่าจะย้าย รพ.หมอถึงลงมาดูอีกและมาแจ้งว่าอาการที่น้องเป็นคือน้องชัก (ซึ่งก่อนหน้านี้พยาบาลบอกว่าไม่ชัก) และได้ฉีดยากันชักให้แล้วและได้ใส่ออกซิเจนให้แต่หมอไม่ได้อยู่ด้วยตลอดมีอาการทีก็โทร.ตามทีและจดการรักษาใส่สมุดเหมือนกำลังศึกษาไปด้วย หลังจากน้องได้ฉีดยาก็เริ่มมีอาการไม่ได้สติถ่ายเหลวและอาเจียนเป็นเลือด ได้เรียกพยาบาลมาดูพยาบาลบอกว่าน้องกัดปาก และผ่านมาอีกประมาณ 10 นาที น้องได้อาเจียนอีกครั้งแต่เยอะกว่ารอบแรกอาเจียนเป็นเลือดลิ่มๆ แม่ได้โวยวายจนมีพยาบาลออกมาดูกันเลยอะแต่ก็ไม่ทำอะไรเพียงแต่ถ่ายรูปและคุยโทรศัพท์ได้ขอย้าย รพ.ก็บอกว่าไม่ทันแล้วน้องอาการทรุด จนเวลา 18.00 น.หมอได้ลงมาดูและได้ให้พ่ออุ้มไปส่งในห้องกระจก เพื่อรักษาต่อและเอาเอกสารใส่เครื่องช่วยหายใจมาให้แม่เซ็น และแจ้งว่าจะพาน้องขึ้นไปรักษาต่อที่ icu เด็ก ระหว่างนั้นได้มีพยาบาล หมอ นักศึกษาแพทย์ได้วิ่งเข้าออกห้องนั้นเป็นสิบๆ คน สอบถามอาการน้องพยาบาลก็หัวเราะใส่แม่ถึง 2 ครั้งบอกให้รอคุยหมอ จนเวลาประมาณ 21.30 น้องเพิ่งได้ขึ้น icu และหมอได้แจ้งอาการประมาณ 23.00 น.ว่าระหว่างใส่เครื่องช่วยหายใจน้องได้มีอาการหัวใจหยุดเต้นไป 6 นาที แต่ก็ปั๊มกลับมาได้ แม่ได้ขอย้ายรพ.อีกครั้ง แต่หมอแจ้งว่าขนาดย้ายขึ้นมา icu ยังลำบากเลย ต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด

วันที่ 25 ธ.ค. 65 เวลา 00.18 น. หัวใจได้หยุดเต้นครั้งที่ 2 เวลา 00.30 น. หัวใจหยุดเต้นครั้งที่ 3 แต่ปั๊มกลับมาได้ แม่ได้ขอเข้าไปดูที่ icu เวลาประมาณ 02.00 น. น้องนอนน้ำตาไหล ไม่ได้สติหายใจเองไม่ได้ จนเวลา 04.00 น.หมออัปเดตอาการว่าน้องอาการคงที่แล้ว แม่จะกลับไปพักผ่อนที่บ้านก็ได้หากมีอะไรจะโทร.แจ้ง แม่เลยกลับบ้านมาทำธุระตอน 05.00 น.และได้กลับไปรอที่ รพ. ประมาณ 07.00 น. หมอได้ออกมาแจ้งอาการประมาณ 11.00 น. (คนละคนกับเมื่อวาน) ว่าระหว่างที่แม่กลับไปหัวใจน้องหยุดเต้นไป 6 ครั้ง และไม่ตอบสนองต่อยาที่ทำการรักษา และซี่โครงซ้ายหัก 1 ซี่ ให้เรียกญาติมาว่าจะเอายังไงต่อและได้ขอเข้าเยี่ยมได้ทีละ 2 คน อาการน้องไม่ได้สติตัวเย็นนอนน้ำตาไหลมีเลือดออกที่ปาก จนญาติมาครบได้บอกว่าหากน้องไม่ไหวให้ปล่อยน้องได้เลย เวลาประมาณ 13.00 น. หมอได้ออกมาแจ้งอาการน้อง (หมออีกคน) ว่าหัวใจหยุดเต้นเป็นระยะได้เปลี่ยนยาที่ฉีดให้แต่ชีพจรยังเต้นอ่อนมากและน้องไม่ถ่ายและซี่โครงไม่ได้หักเหมือนหมอคนที่ 2 แจ้ง จนเวลา 17.00 น. ออกมาแจ้งอีกครั้ง ว่ามีการตรวจพบว่าน้องเป็นไตระยะที่ 3 และทางรพ.ไม่มีเครื่องฟอกไตสำหรับเด็ก จะส่งตัวไปรักษาที่ รพ.อื่นก็ไม่สามารถทำได้เพราะชีพจรต่ำมากและหัวใจหยุดเต้นบ่อย จนเวลา 19.00 น. หมอออกมาแจ้งว่าให้ญาติทำใจได้ปั๊มหัวใจน้องเกิน 30 นาทีแล้วแต่ไม่กลับมา และน้องได้เสียชีวิตลงเวลา 19.39 น. ในวันที่ 25 ธ.ค. 65”

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 21 ม.ค. เพจดังอย่าง “ไม่ใช่หมอบ่น” ได้ออกมาโพสต์ข้อความแฉพฤติกรรมของผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยการดูแลเอาใจใส่ในตัวลูกน้อย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตัวเด็กมีอาการป่วยหนักและนำไปสู่การเสียชีวิต โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

“เลี้ยงลูกแบบนี้แล้วพออาการหนักเสียชีวิต :

เด็ก 3 ขวบ หนัก 30+ กิโลฯ ยังพูดไม่ได้ ต้องใช้แพมเพิร์ส ขาดวัคซีนได้เข็มสุดท้ายตอน 6 เดือน เป็นไตวายระยะ 3 ปล่อยให้ลูกสุขภาพแย่ พัฒนาการช้า ขนาดนี้แล้วมาโทษ รพ. เอาจริงดิ

ไหนจะเรื่องโกหกเป็นอิสลามไม่ให้ผ่าชันสูตรอีก กลัวจะเจออะไรรึเปล่ารีบเผา รีบลอยอังคารจัง

ปล่อยลูกตามใจให้กินขนมหวานจนมีปัญหาสุขภาพ (มีรูปในเพจที่ลบไปแล้ว) ให้เด็กใกล้ชิดแอลกอฮอล์ (ไม่มีภาพว่าดื่ม)”

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าแม่ของเด็กที่เสียชีวิตจะเข้าขอความช่วยเหลือจากเพจ “สายไหมต้องรอด” ทั้งนี้ ก็พบว่ามีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์การเลี้ยงดูของแม่ที่ปล่อยให้ลูกดิ่มน้ำอัดลมตั้งแต่เด็ก หลังขุดพฤติกรรมเก่าๆ ก็พบว่าหยุดให้ลูกรับวันซีนตั้งแต่อายุ 6 เดือน ไม่สนใจแม้ลูกจะยังพูดไม่ได้ทั้งที่อายุ 3 ขวบแล้ว ลูกไม่กินยาแม่ก็ไม่หัดให้กิน มีภาพลูกเทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลูกป่วยเป็นโรคไตระยะ 3 แต่แม่กลับไม่รู้เรื่อง อีกทั้งเรื่องของน้ำหนักที่มากกว่า 30 กิโลกรัม ทั้งที่อายุเพียง 3 ขวบ




กำลังโหลดความคิดเห็น