ชาวเน็ตเดือดดาลหลังรู้ว่านักเรียนที่เป็นข่าวเรียนดีสอบติดหมอแต่ยากจนเปิดรับบริจาค เห็นใช้ไอโอน-แอปเปิลวอตช์ เพจดังระบุไอเดียเรียนฟรี ไม่ต้องเป็นหนี้ กยศ. เปิดรับบริจาคเอาเงินไปจ่ายค่าเทอม อีกเพจซัดเอาความน่าสงสารมาเล่นกับความรู้สึก วอนสังคมลงทัณฑ์ พบไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดขึ้นกับเด็กสอบติดวิศวะเมื่อ 6 ปีก่อน ก่อนหน้านี้นักเรียนหญิงสอบติดหมอรับเงินบริจาค 3.7 ล้าน ก่อนพบไอแพด น้ำหอมแบรนด์เนม
เมื่อวันที่ 9 ม.ค. รายงานข่าวแจ้งว่า จากกรณีที่นักเรียนชายชั้น ม.6 วัย 18 ปี รายหนึ่งชาวจังหวัดพัทลุง สอบติดเป็นนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา แต่ประสบปัญหายากจนขาดแคลนทุนทรัพย์ เนื่องจากทางครอบครัวที่เป็นสาวม่ายมีฐานะยากจน จึงวอนขอความเมตตาจิตแก่ผู้มีจิตเมตตาสนับสนุนทุนทรัพย์ ยืนยันว่าจะเข้าไปยืนยันสิทธิในการศึกษาต่อในวันที่ 7-8 ก.พ. 2566 หลังจากสื่อมวลชนนำเสนอข่าวออกไป พบว่ามีผู้ใจบุญโอนเงินเข้าบัญชี และมีมูลนิธิหลายหน่วยงานร่วมบริจาคเงิน กระทั่งได้ปิดรับบริจาคเมื่อวันที่ 8 ม.ค. พร้อมขอบคุณผู้มีจิตเมตตาทุกคน ทุกหน่วยงาน ยืนยันว่าจะตั้งใจเรียน และจะนำทุนการศึกษาดังกล่าวไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด
ปรากฏว่าเพจเฟซบุ๊ก "ข่าวปด สุดสัปดาห์" ซึ่งเป็นเพจล้อเลียนเสียดสีปัญหาการเมืองและสังคมชื่อดัง โพสต์ข้อความหัวข้อ “ก่อนผมจะเป็นหมอ ผมเป็นขอทานมาก่อน” หนุ่มเมืองสุดเก่งสอบติดหมอคนแรกของโรงเรียน ผุดไอเดียเรียนฟรี ไม่ต้องเป็นหนี้ กยศ. ด้วยโมเดลน้อง... เด็กจนไม่จริงในตำนาน ที่สอบติดวิศวะภาคพิเศษ ม.เกษตรฯ แล้วไม่มีเงินเรียน มาเปิดรับบริจาคเอาเงินไปจ่ายค่าเทอม แถมกล้องนิคอน (NIKON) เท่ๆ ไว้เดินแอ็กฯ ... ในมหาวิทยาลัย หนุ่มเมืองลุงพาแม่มาถ่ายรูปด้วย iPhone 12 Max กดถ่ายรูปด้วย Apple Watch Series 7 ขอเงินค่าเทอมเรียนจากพวกใช้แอนดรอยด์ ล่าสุดปิดรับบริจาคเรียบร้อย เตรียมเก็บกระเป๋าดื่มด่ำบรรยากาศนักศึกษาแพทย์แบบไม่ต้องดิ้นรนหาเงินค่าเทอมให้ลำบากแม่ ลำบากตัวเองในอนาคต ชื่นชมครับ” พร้อมกันนี้ ยังได้เผยแพร่ภาพในอินสตาแกรมของนักเรียนชายชั้น ม.6 รายดังกล่าว ถ่ายเซลฟีหน้ากระจก ซึ่้งเพจดังกล่าวจำแนกอุปกรณ์ไอที ประกอบด้วย โทรศัพท์ไอโฟน 12 แมกซ์ ราคา 26,600 บาท และแอปเปิลวอตช์ ซีรีส์ 7 ราคา 15,900 บาท
อย่างไรก็ตาม หลังตกเป็นข่าวพบว่าบัญชีอินสตาแกรมของนักเรียนชายคนดังกล่าวตั้งค่าเป็นส่วนตัว (Private) ไม่ให้ผู้ใดเข้าถึงได้อีก ขณะที่ชาวเน็ตต่างแชร์และวิจารณ์จำนวนมาก โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า "เรียนดีแต่ยากจนทำไมไม่กู้เรียน กยศ." บ้างก็ตั้งคำถามว่า ตกลงยากจนจริงหรือไม่?
ด้านเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง "อีซ้อขยี้ข่าว2" โพสต์ข้อความระบุว่า "ทั้งแม่ทั้งลูกเวลานี้คงเสวยสุขอยู่กับยอดบริจาคอย่างเบิกบานใจ แค่เล่นละครตบตาแสดงบทอาภัพ เรียนดีแต่ยากจนเงินล้านก็ไหลเข้าบัญชีมาแบบง่ายๆ ซึ่งยอดบริจาคก็ตามศรัทธาอยู่ที่ใครจิตอ่อน-จิตแข็งและสติในช่วงเวลานั้น ส่วนคนที่บริจาคให้บางคนก็ไม่ได้มีเหลือมากมายแต่เพราะสงสารเห็นใจจึงช่วย หลายรายใช้โทรศัพท์เครื่องละไม่กี่พัน ใส่นาฬิกาหลักร้อย แต่ในขณะที่คนขอรับความช่วยเหลือกลับใช้โทรศัพท์เครื่องละสามหมื่น นี่ยังไม่นับเรื่องซื้อทองใช้ของหรูนะเพราะกลัวไปตอกย้ำแต่ก็จะไม่เตือนกันอีกแล้ว ยังไงแม่-ลูกคู่นี้ก็เลือกวิธีจนทิพย์ดูดเงินได้สำเร็จ แค่เอาความจน ความน่าสงสาร ความกตัญญู มาจี้จุดผู้คน ไม่ถึง 24 ชั่วโมงตัวเลขในบัญชีขยับเป็น 7 หลัก ถือว่าใช้โซเซียลหารายได้หลักล้านในชั่วข้ามคืน ซึ่งไลฟ์โค้ชเก่งๆ ยังทำไม่ได้ ปิดท้ายกับการตอบแทนความมีน้ำใจของคนในสังคมด้วยการทำให้คนอื่นๆ ที่เดือดร้อนจริงๆ และต้องการความข่วยเหลือเมื่อถึงเวลาไม่มีใครอยากช่วย"
อีกโพสต์หนึ่ง ระบุว่า "คนขอรับแค่จนทิพย์ ส่วนคนที่ให้คือจนจริง ทั้งละคร ทั้งแสดง ซ้ายเป็นสาวสู้ชีวิต ขวากลายเป็นดาว Tiktok พอมีคนได้กลิ่นทะแม่งๆ ยิ่งขุดยิ่งเจอ ตกหลุมหลงกลให้กับความหัวหมอเอาความน่าสงสารมาเล่นกับความรู้สึกของคน ขอให้ทั้งคู่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ไม่มีโอกาสหรือเหตุผลที่ควรให้อภัย เตรียมรับพายุลูกใหญ่ที่กำลังไปถึงตัว และขอฝากถึงสถาบันที่ต้องรับเด็กรายนี้เข้าไปศึกษาต่อ ช่วยพิจารณาด้วยว่าจะจัดการกรณีแบบนี้ยังไง? เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องและเผื่ออนาคตใครคิดจะทำจะได้เกรงกลัวไม่กล้าทำตามอีก" และยังคอมเมนต์อีกว่า "ถ้ากฎหมายอาจจัดการทั้งช้าทั้งยากเพราะคนที่โอนก็มองว่าเงินนิดหน่อย เล็กน้อย ไม่กี่บาทก็เลยปล่อย ไอ้พวกที่คิดหากินแบบนี้จึงไม่กลัวและไม่เข็ด คหตน. ซ้อไม่ชอบการล่าแม่มด แต่สำหรับคนที่หากินด้วยการหาเหยื่อหลอกคนอื่น การลงทัณฑ์จากคนในสังคมคือวิธีที่ดีที่สุด"
หลังจากเกิดเสียงวิจารณ์ "จนทิพย์" ดังกล่าว พบว่ามีญาติผู้ใหญ่ของนักเรียนชายชั้น ม.6 ดังกล่าว พร้อมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้เดินทางมาพบสื่อมวลชนจังหวัดพัทลุงเพื่อชี้แจง โดยยืนยันว่าครอบครัวดังกล่าวมีฐานะยากจนจริง มารดามีอาชีพกรีดยาง รับซื้อเศษยาง มีรายได้ประมาณ 300-400 บาท บางวันแทบไม่มีเงินซื้อข้าวสาร อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนจึงนำเรื่องดังกล่าวมาปรึกษากับญาติและเพื่อนเพื่อหาทางช่วยเหลือ ทราบว่าทางครอบครัวเครียดหนัก เพราะลูกสอบติดแพทย์ แต่ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปศึกษาต่อ ถึงขั้นกอดกันร้องไห้ จึงโพสต์เรื่องราวลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อระดมทุนให้เด็กได้เรียนจบ ม.6 และแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อดูแลเงินบริจาค ซึ่งขณะนี้มีเงินเข้าบัญชีรวมประมาณ 8 แสนบาท ก่อนที่ทุกฝ่ายจะปรึกษาหารือเพื่อปิดบัญชีในเวลาต่อมา เพราะเงินจำนวนดังกล่าวสามารถดูแลเยียวยาครอบครัวได้แล้ว
สำหรับกรณีที่สังคมวิจารณ์เรื่องการใช้โทรศัพท์มือถือราคาแพงนั้น อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งเห็นว่านักเรียนชายคนดังกล่าวไม่ได้เรียนพิเศษที่ติวเตอร์ไหน แต่ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมจากสื่อออนไลน์ ซึ่งอาจจะต้องใช้เครื่องมือที่ทันสมัย ถึงแม่จะไม่มีเงินแต่ก็หายืมจากที่อื่นและผ่อนใช้เป็นงวดๆ เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ให้ลูกใช้ในการเรียนรู้ การที่นักเรียนชายคนดังกล่าวจะมีโทรศัพท์อะไร มีโน้ตบุ๊กหรือไม่ ไม่ได้บ่งบอกว่ามีเงิน การซื้อโน้ตบุ๊กมาใช้เพราะต้องการนำมาค้นคว้าหาความรู้ ซึ่งโรงเรียนก็ไม่ได้ช่วยทั้งหมด แม่ต้องเป็นหนี้นับแสนบาทเพื่อที่จะหาอุปกรณ์มาให้ลูกได้ค้นคว้าหาความรู้ จึงขอฝากไปยังทุกฝ่ายว่า เวลาจะพิจารณาใครจะต้องพิจารณาให้รอบด้าน อย่าเอาสิ่งที่คนอื่นบอกกล่าวมาคิดเอง ส่วนแม่นั้นก็ไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับยอดเงินดังกล่าวแต่อย่างใด
กรณีที่สังคมออนไลน์วิจารณ์เรื่องนักเรียน "จนทิพย์" หรือไม่ได้มีฐานะยากจนจริง ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก
ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2560 มีการนำเสนอเรื่องราวนักเรียนชายรายหนึ่ง ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ สอบติดภาควิชาเคมี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แต่ไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าเทอมงวดแรก พ่อแท้ๆ ทอดทิ้งไป อีกทั้งแม่เสียชีวิต พ่อเลี้ยงไล่ออกจากบ้าน ซึ่งมีผู้บริจาคเงินช่วยเหลือจำนวนมากถึง 8 แสนบาท และมีกลุ่มแพทย์ติดต่อขออุปการะจนเรียนจบ ปรากฏว่าเฟซบุ๊กเพจ "แหม่มโพธิ์ดำ" ออกมาแฉว่าจนไม่จริง ยังใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อตั้งแต่แม่ยังไม่เสียชีวิต อีกทั้งยังมีพ่อที่ยังอยู่เป็นเสาหลักของครอบครัว คนที่ออกมาคุยกับสื่อก็มีแค่ป้าที่ออกมาพูดกับสื่อฝ่ายเดียว ส่วนพ่อไม่รู้เรื่องและเสียใจมาก ต้องตกเป็นฝ่ายผิดโดนสังคมด่าว่า
ต่อมาป้าออกมาระบุว่า ไม่เคยพูดหรือบอกกับใครว่าทางบ้านยากจน เพราะฐานะพออยู่ได้ มีอาชีพทำ มีรายได้เลี้ยงดูครอบครัว แต่ติดปัญหาว่าไม่สามารถหาเงินมาเป็นค่าเทอมได้ทัน ตั้งใจจะกู้เงินจากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ในทันที หากได้เงินจากการกู้ยืมกองทุนก็จะนำมาชำระคืนแก่ผู้ให้ยืม ส่วนที่ใช้ชีวิตฟุ้งเฟ้อนั้นไม่จริง และจะฟ้องแจ้งความฟ้องร้องเอาผิดผู้โพสต์ข้อความกล่าวหา
ต่อมาปี 2564 มีการนำเสนอเรื่องราวนักเรียนหญิงรายหนึ่ง ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ สอบติดแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่ฐานะทางบ้านยากจน พ่อปลูกพืชผักขาย โดยมีการเปิดรับบริจาค กระทั่งนายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบมีผู้ใจบุญบริจาครวมจำนวนเงินกว่า 3,700,000 บาท และได้ปิดรับบริจาคไปแล้วเนื่องจากเพียงพอสำหรับการเรียนแพทย์แล้ว ปรากฏว่ามีชาวเน็ตเห็นไอแพดโปรซึ่งมีราคากว่า 25,000 บาท นอกจากนี้ยังมีแอปเปิลเพนซิล ขวดน้ำหอมดิออร์ยี่ห้อหรู รถยนต์ อินเทอร์เน็ตไวไฟ การจัดฟัน มีการตั้งข้อสงสัยว่าจนจริงหรือไม่ กระทั่งมีข้อความ “จนทิพย์” เป็นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ รวมทั้งโลกออนไลน์มีการพูดคุยกันจำนวนมาก
ต่อมาเจ้าตัวชี้แจงว่า ตนทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนหารายได้พิเศษมาตั้งแต่ ม.3 ซึ่งตอนนั้นฟันมีปัญหาได้ไปพบแพทย์แนะนำให้จัดฟันและรักษาไปด้วย เริ่มทำตอน ม.4 ตอนนั้นพอมีเงินเก็บจากการทำงานจึงตัดสินใจรักษา ส่วนไอแพดเก็บเงินจากการทำงานพิเศษเช่นกัน ซื้อมาใช้เพื่อค้นคว้าข้อมูลในการเรียน ส่วนอินเทอร์เน็ตไวไฟก็เป็นของพี่ชายที่ติดตั้งไว้ทำงาน พี่ชายจ่ายเดือนละ 600 บาท น้ำหอม ซื้อมาในอินเทอร์เน็ตมือสอง ราคา 300 บาท ส่วนรถยนต์นั้นไม่ใช่ของครอบครัวตน เป็นรถยนต์ของน้า ซื้อให้ลูกสะใภ้ใช้ สุดท้ายผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดกาฬสินธุ์หารือก่อนได้ข้อสรุปว่าจะแบ่งเงิน 1,200,000 บาท ให้กับทางจังหวัด เข้ากองทุนช่วยเหลือรุ่นน้องเรียนดีแต่ยากจน เพื่อให้ดรามานั้นจบลง แต่สังคมยังคงคาใจ