xs
xsm
sm
md
lg

เปิดหน้ากาก “CEO นอท กองสลากพลัส” เบื้องหลังคือ แก๊งฟอกเงินทุนสีเทา !?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” เปิดหน้ากาก “นอท กองสลากพลัส” ชำแหละแหล่งที่มาของเงินจำนวนมหาศาลที่นำมาซื้อสลากไปจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ต้องใช้อย่างน้อยงวดละ 600-700 ล้าน พบโยง “แทนไท” ที่เคยตกเป็นผู้ต้องหาทำเว็บพนัน และว่อโยงทุนสีเทาอีกหลายราย แฉคนโอนเงิน 42 ล้านเข้าบัญชีส่วนตัว “นอท” เป็นลูกน้องเจ้าของบ่อน เตือนเตรียมรับ “สึนามิคดี” ทั้งขาข้าและขาออกของเงิน

วันที่ 13 ม.ค.66 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้เปิดเผยผ่านรายการ “คุนทุกเรื่องกับสนธิ” ถึงเบื้องหลังการดำเนินธุรกิจล็อตเตอรี่ออนไลน์ของนายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ “นอท” ซีอีโอของบริษัท ล็อตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด เจ้าของแพลตฟอร์ม “กองสลากพลัส” โดยเฉพาะในประเด็นแหล่งที่มาของเงินจำนวนมากที่นำมาซื้อสลากกินแบ่งเพื่อนำไปสแกนจำหน่ายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งต้องใช้เงินในแต่ละงวดประมาณ 1,300-1400 ล้านบาท ตามที่นายพันธุ์ธวัชเคยเปิดเผยว่าจำนวนสลากกินแบ่งที่กองสลากพลัสจำหน่ายมีงวดละ 13-14 ล้านใบ

นายสนธิกล่าวว่า ถ้าวิธีการบริหารการเงินในการไล่ซื้อสลากในแต่ละงวดหมุนเงินประมาณ 2 รอบ ต้องมีเงินอย่างน้อย 600-700 ล้านบาท ในการซื้อสลากมา แล้วเอาเงินสดที่ได้จากการขายให้ลูกค้ามาซื้อสลากอีกรอบหนึ่ง คำถามคือเงิน 600-700 ล้านบาทมาจากไหน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 “นอท พันธ์ธวัช” ให้สัมภาษณ์ผ่าน รายการเจาะลึกทั่วไทย ทางช่อง MCOT HD ว่า เงินที่เอามาทำธุรกิจทั้งหมดเป็นเงินกู้มีนายทุนให้กู้ ซึ่งเมื่อก่อนเป็นรายใหญ่ 2 คน แต่ปัจจุบันเป็นรายย่อยทั่ว ๆ ไป ตนประกาศผ่านเฟซบุ๊กแล้วเขาก็มาลงทุนให้กู้ เงินที่เข้ามาก้อนใหญ่แล้วก็ออกไปทุกเดือนเป็นดอกเบี้ย แต่เงินต้นยังอยู่ พอครบสัญญาก็คืนเงินต้นทั้งก้อน


ก่อนหน้านั้น วันพุธที่ 4 มกราคม 2566 “นอท พันธ์ธวัช” ให้สัมภาษณ์ “อั๋น” ภูวนาท คุนผลิน ในรายการ “เคลียร์ ชัด ชัด : นอท กองสลากพลัส” ทางช่องเวิร์คพอยท์ ระบุว่า เงินทุนตรงนี้ตนไม่สามารถไปกู้เงินกับธนาคารได้ทำให้ต้องกู้ยืมคนอื่นมา ผ่านสัญญาเงินกู้ ที่อ้างว่าทำอย่างถูกกฎหมาย และมีหลักฐานทุกชิ้น พร้อมยืนยันว่าเงินกู้ดังกล่าวนั้นไม่ใช่เงินกู้นอกระบบ เพราะ เป็น เงินกู้ ที่ลงบัญชีไว้ถูกต้องทุกอย่าง และคิดดอกเบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดคือ 15% ต่อปี

สรุปว่าเงินที่ “นอท พันธ์วัช” เอามาลงทุนเป็นเงินกู้ยืมคนอื่นมาทั้งหมด ไม่มีเงินตัวเองเลย และเงิน 600-700 ล้านบาทต่องวดนี้ ไม่ได้กู้มาจากระบบธนาคาร หรือระบบการเงินปกติ แต่เป็นการกู้ยืมแบบทำสัญญาเงินกู้กับ บุคคล หรือ นิติบุคคลที่ที่ไว้ใจในตัว “นอท พันธ์ธวัช” และต้องไว้ใจอย่างมากด้วย เพราะเงินจำนวนหลายร้อยล้านบาทนั้นถือว่ามีมูลค่ามหาศาล

ผงะ “ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ของ “แทนไท” โผล่เป็นแหล่งเงินทุนกองสลากพลัส

ก่อนหน้านั้น ในวันอังคารที่ 3 มกราคม 2566 “นอท พันธ์ธวัช” ไปออกรายการโหนกระแส ของหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เพื่อโต้เถียงกับเจ้าของแพลตฟอร์มหวยออนไลน์อีกเจ้าหนึ่งคือ “หงษ์ทอง” ซึ่งตกเป็นข่าวโด่งดังเรื่องหวยทิพย์, รางวัลที่หนึ่งทิพย์ โดยตอนหนึ่งเมื่อมีการถามถึงที่มาที่ไปของเงินทุนของกองสลากพลัส “นอท พันธ์ธวัช” ได้ยกแฟ้มขึ้นมาแฟ้มหนึ่ง และส่งต่อให้หนุ่ม กรรชัย โดยมีแฟ้มหนึ่งที่“นอท” ระบุว่าเป็นรวมสัญญาร่วมลงทุนของกองสลากพลัส


ทั้งนี้ ในระหว่างที่หนุ่ม กรรชัย ยกแฟ้มขึ้นมาตั้งแล้วกรีดหน้าสัญญาต่าง ๆ อย่างคร่าว ๆ จากด้านหลังไปด้านหน้า ทีมงาน “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” สามารถจับภาพข้อความ ของสัญญาร่วมลงทุนที่น่าสนใจได้บางส่วนดังนี้

ฉบับแรก สัญญาร่วมลงทุนระหว่าง นายณัฐพล คงสุวรรณ์ กับ บริษัท ลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด (หรือ กองสลากพลัส)


ณัฐพล คงสุวรรณ์ เป็นใคร? จากการสืบค้นข้อมูลก็พบว่า ณัฐพล คงสุวรรณ์ มีชื่อเล่น “โน๊ต” ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจมีตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ CEO ของบริษัทที่จำหน่ายสินค้าจำพวกเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ต่าง ๆ ในแบรนด์ EVE’s ซึ่ง ปี 2563 ช่วงดาราสาว โฟกัส จีระกุล กำลังฮือฮาด้วยการออกมาสนับสนุนม็อบ 3 นิ้วแบบเต็มตัวนั้น ก็ถูกดึงมาเป็นพรีเซนเตอร์ของแบรนด์ EVE’s และซื้อโฆษณาเต็มบ้านเต็มเมือง ทั้งป้ายบิลบอร์ด รถประจำทาง ฯลฯ 


ส่วนในปัจจุบันนั้นแบรนด์อีฟส์ ก็กำลังโปรโมตสินค้าป้องกันหน้าท้องลาย ด้วยคุณแม่ป้ายแดงอย่าง “ไอซ์” อภิษฎา เครือคงคา

นอกจากนี้ ยังมีสัญญาอีกฉบับที่มีประเด็นที่น่าสนใจกว่า คือสัญญาร่วมลงทุนและค้ำประกัน ซึ่งแตกต่างจากสัญญาของของณัฐพล โดยมีคำว่า “ค้ำประกัน” เพิ่มมาด้วย ระหว่าง “บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด” กับ “บริษัท ลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด”


ทั้งนี้ บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด เป็นของ นายแทนไท ณรงค์กูล เด็กหนุ่มวัย 26 ปี ซึ่งใน ปี 2563 เคยถูกจับข้อหาเปิดเว็บพนันฟุตบอลที่มีเงินหมุนเวียนเป็นหมื่นล้านบาทแต่กลับหลุดคดีอย่างปาฏิหาริย์ โดยทุกวันนี้ก็ยังร่ำรวยมีเงินเป็นพันล้านบาท จนสามารถนำเงินไปหว่านประมูลซื้อทะเบียนรถเลขสวยได้ในราคากว่า 45 ล้านบาท


ทั้งยังเป็นเจ้าของตัวจริงของ บริษัทไททันฯ ซึ่งในระยะเวลาไม่ถึงปี คือในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - กันยายน 2565 หรือ เพียง 7-8 เดือน สามารถเพิ่มทุน บริษัท ไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด จาก 5 ล้านเป็น 900 ล้านบาทมาได้แบบน่าอัศจรรย์
นายสนธิกล่าวว่า ตนไม่ได้กล่าวหา หรือ ทึกทักไปเองแต่หากลองเชื่อมโยงเส้นเวลา หรือ Timeline การก่อตั้งและเพิ่มทุนของ บริษัทไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ของนายแทนไท ในช่วงปี 2565 กับ การผงาดขึ้นมาของแพลตฟอร์ม กองสลากพลัส ของนายนอท พันธ์ธวัช ในห้วงเวลาเดียวกัน ก็จะพบว่ามีความสอดคล้องกันอย่างมีนัยสำคัญ

กล่าวคือ บริษัท ลอตเตอรี่ ออนไลน์ จำกัด ก่อตั้งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2563 ปลายปี 2564 ฉลองครบรอบ 1 ปี ประกาศจับมือร่วมกันทำงานระหว่าง บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด กับ บริษัท เนรมิตรหนังฟิล์ม จำกัด (บริษัทในเครือไททันฯ) เพื่อทำโปรเจ็กต์ใหม่ๆ

ตั้งแต่เดือนมีนาคม – เมษายน 2565 มีชื่อเสียงโด่งดัง โดยสามารถยึดตลาดหวยออนไลน์มาจาก “มังกรฟ้า” ผงาดขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในตลาดหวยออนไลน์ได้อย่างเต็มตัว โดยมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจากหลักแสน เป็นหลักล้าน หลักสิบล้าน หลักร้อยล้าน หลักพันล้านบาท

ขณะที่การเติบโตของ บริษัทไททัน แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 ทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท วันที่ 1 มีนาคม 2565 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 500 ล้านบาท เป็น 505 ล้านบาท วันที่ 12 กันยายน 2565 เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 395 ล้านบาท เป็น 900 ล้านบาท

จึงมีข้อสังเกตว่า สิ่งที่นายพันธ์ธวัช และนายแทนไททำนั้นมีประเด็นที่ต้องนำไปชี้แจงเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), สำนักงานปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.), รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่กำลังจับตาดูอยู่อย่างใกล้ชิด

โดยเมื่อ วันที่ 28 ธันวาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เรียกผู้บริหารสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เข้ามาหารือถึงเรื่องการทำธุรกิจของกองสลากพลัส หลังจากนอท-พันธ์ธวัช ระบุว่าบริษัทมียอดขายปีนี้สูงถึง 18,000 ล้านบาท โดยได้ขอให้ผู้บริหารสำนักงานสลากฯ ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ป.ป.ง. ดีเอสไอ ตำรวจ รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันตรวจสอบ โดยเฉพาะเรื่องเส้นทางการเงินมีความเป็นมาอย่างไร และได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตรวจสอบให้เสร็จภายใน 15 วัน และรายงานผลให้ทราบ

ดีเอสไอเปิดอีกขบวนการธุรกิจสีเทา ฟอกเงินผ่าน “กองสลากพลัส”


เมื่อวันพุธที่ 4 มกราคม 2566 ทางดีเอสไอโดย นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ นายพงษธร อินอำนวย ผู้อำนวยการศูนย์คดียาเสพติด ดำเนินการสืบสวนสอบสวนเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้กระทำความผิดเกี่ยวยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ พนันออนไลน์ และอื่น ๆ โดยมุ่งเน้นไปยังบุคคลที่ทำหน้าที่ในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือฟอกเงินให้กลุ่มอาชญากรรม ซึ่งศูนย์คดียาเสพติด ได้ดำเนินการเป็นคดีพิเศษที่ 288/2565

จากการสอบสวนพบ กลุ่มบุคคลที่ทำหน้าที่ในการโอน รับโอน หรือแปรสภาพทรัพย์สิน (ฟอกเงิน) ให้กับอาชญากรรมผิดกฎหมายหลายประเภท ด้วยการจัดหาบุคคลทั่วไปเปิดบัญชีธนาคารให้ (บัญชีม้า) จากนั้น จะทำการควบคุมบัญชีธนาคารดังกล่าวด้วยการเบิกถอนเงินสด แล้วนำไปส่งมอบให้กับกลุ่มอาชญากรที่ใช้บริการ โดยเรียกเก็บค่าบริการเป็นเปอร์เซ็นต์จากยอดเงินที่เบิกถอนได้ และมีบริการหลังการขายด้วยการติดตามทวงเงินจากกลุ่มลูกค้า นอกจากนี้ ยังพบพฤติการณ์ทำร้ายร่างกาย บังคับทรมาน บุคคลที่แอบปิดบัญชีหรือเบิกถอนเงินจากบัญชีม้า และถ่ายคลิปส่งให้ลูกค้าที่ใช้บริการดูอยู่เป็นประจำ

ทั้งนี้เมื่อปลายปีที่แล้ว วันที่ 10 ธันวาคม 2565 ศูนย์คดียาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าขบวนการรายสำคัญได้ จำนวน 1 ราย ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการไว้อีก 5 ราย

โดยจากการสอบสวนขยายผลพบว่า ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการดังกล่าวทำหน้าที่เบิกถอนเงินสดและนำไปเข้าบัญชีให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย โดยหนึ่งในผู้รับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้ คือนายนอท พันธุ์ธวัช ผู้บริหารกิจการสลากกินแบ่งออนไลน์ “กองสลากพลัส” โดยปรากฎหลักฐานการรับเงินจากกลุ่มขบวนการนี้จำนวนหลายสิบล้านบาท ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ออกหมายเรียกให้เข้าไปชี้แจงเหตุในการรับเงินดังกล่าวในวันนี้(13 ม.ค.)

พอข่าวออก “นอท กองสลากพลัส” ก็สะดุด เกือบจะหัวทิ่ม โดยตอนแรกชี้แจงผ่านสื่อว่า DSI เรียกไปเป็นพยาน แต่จริง ๆ แล้วตอนนี้เรียกไปเป็นพยานเพื่อให้อธิบายว่าเป็นมาอย่างไร แต่ถ้าอธิบายไม่ได้ หรือธิบายแล้วพนักงานสอบสวนเห็นว่าไม่สมเหตุสมผล หรือฟังไม่ขึ้น ก็จะถูกเปลี่ยนจากพยานเป็นจำเลยในคดีฟอกเงิน ซึ่งหมายเรียกที่ออกมามีความชัดเจนว่าอาจจะเป็นผู้ต้องหาในที่สุด


ทั้งนี้ ทราบมาว่า “นอท” พยายามล็อบบี้เข้ามาหา DSI ตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกนัดกันวันนี้ (13 ม.ค.66) เพราะตามไทม์ไลน์แล้วงวดวันที่ 17 มกราคม 2566 ต้องหาทุนมาซื้อสลากตั้งแต่วันที่ 3 หรือ 4 มกราคม แต่เนื่องจากคดีที่อยู่ในมือ DSI ทำให้นายทุนเกิดชะงัก ไม่กล้าที่จะปล่อยเงินมาให้ นำไปกว้านซื้อสลาก เนื่องจากกลัวติดร่างแหประเด็นฟอกเงินไปด้วย
สาเหตุนี้นี่เอง ทำให้ วันศุกร์ที่แล้ว (6 ม.ค.) “นอท” ต้องออกมาประกาศเลื่อนขายลอตเตอรี่แบบไม่มีกำหนด โดยอ้างว่า เนื่องจากสถานการณ์ลอตเตอรี่ราคาแพง ไม่เกี่ยวกับเรื่องหมายเรียกของ DSI จนวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา เพิ่งประกาศผ่านเฟซบุ๊กตัวเองว่า หาทุนมาซื้อสลากงวดวันที่ 17 มกราคม 2566 ได้ 7 ล้านใบแล้ว ขอให้ลูกค้าเตรียมซื้อใน วันอังคารที่ 10 มกราคม 2566


เหตุสะดุดเกือบหัวทิ่มของ “กองสลากพลัส” ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2565 “นอท” ก็เคย โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กของตัวเองซึ่งมีผู้ติดตามประมาณ 6 แสนคนระบุว่า “มีนายทุนถอนทุนออกครับ ต้องการเงินทุน 200 ล้าน ปันผล 1.25% ต่อเดือน (15% ต่อปี) ปันผลทุกเดือนสัญญา 1 ปี”
ซึ่งการโพสต์ระดมทุน 200 ล้านบาท อย่างกะทันหันดังกล่าว สร้างความแปลกใจให้กับลูกค้า และสาธารณชนจำนวนมาก เพราะ “CEO นอท” พรีเซนต์ตัวเองตลอดว่าตนเองทำธุรกิจถูกกฎหมาย มีไลฟ์สไตล์ที่หรูหรา ร่ำรวย ขับรถซูเปอร์คาร์อย่าง เฟอร์รารี่, ลัมโบร์กินี, เบนท์ลีย์, มอเตอร์ไซค์ดูคาติ ฯลฯ คันละหลายล้านบาท หรือหลายสิบล้านบาท ไม่นับกับบ้านช่องห้องหับ นาฬิกาหรูยี่ห้อ ริชาร์ด มิลส์, ปาเต็ก ฟิลลิปส์, โรเล็กซ์ ฯลฯ


ประเด็นการประกาศขอกู้เงินด่วน 200 ล้านบาท ดังกล่าว “นอท” อ้างว่า เพราะนายทุนถอนทุน และเงินของบริษัทที่ทำกองสลากพลัส นั้นแยกกับเงิน-ทรัพย์สินส่วนตัว

นายสนธิ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม มีคำกล่าวโบราณเขาว่าไว้ว่า “อาชญากรย่อมทิ้งร่องรอยไว้เสมอ การประกาศหา “นายทุนใหม่เพื่อกู้เงิน 200 ล้านบาท” ผ่านเฟซบุ๊ก ในเชิงธุรกิจแบบถูกกฎหมาย ถูกต้องโปร่งใสนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มีแต่นักธุรกิจสีดำ ๆ สีเทา ๆ เท่านั้นที่จะทำแบบนี้

ซึ่งเมื่อนำเรื่องการประกาศหานายทุนกู้เงิน 200 ล้าน ดังกล่าวของ “นอท กองสลากพลัส” ไปร้อยเรียงกับประเด็นที่ DSI บุกจับคนที่ทำหน้าที่โอนเงินผ่าน “บัญชีม้า” ไปยังบัญชีส่วนตัวของ “นอท พันธ์ธวัช” เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมาแล้วยิ่งไม่ต้องสงสัย

จากแหล่งข้อมูลที่ได้มา คนที่ถูกจับนั้นชื่อนายสุทิน อายุ 48 ปี ถูกจับแถว ๆ ปิ่นเกล้า เป็นลูกน้องในเครือข่ายของเจ้าของบ่อนผิดกฎหมาย จำนวนเงินที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของ “นอท พันธ์ธวัช” (ไม่ใช่ บ.ลอตเตอรี่ออนไลน์) นั้นมี มูลค่า 42 ล้านบาท เงินก้อนดังกล่าวเอาไปหมุนซื้อสลาก 3-4 รอบจะใกล้เคียงกับเงินสองร้อยกว่าล้านบาทที่ประกาศระดมทุน โดยเป็นการโอนผ่านแคชเชียร์เช็ก เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยของ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ โดยเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการอายัดบัญชีทั้งต้นทางและปลายทางเอาไว้หมด

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบไปเพิ่มเติมแล้ว พบว่า การรับโอนเงินในลักษณะนี้ยังมีอีกหลายครั้ง ซึ่งหากเงินที่ผิดกฎหมาย หรือตรวจสอบที่มาที่ไปไม่ได้ และ “นอท พันธ์ธวัช” ชี้แจงไม่ได้ก็จะเข้าข่าย ตาม มาตรา 5 ของ พระราชบัญญัติป้องกันและ ปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ที่กำหนดความผิดต่อครั้งตามจำนวนการโอน 3 ครั้งก็ 3 กรรม 5 ครั้งก็ 5 กรรม 10 ครั้งก็ 10 กรรม ครั้งหนึ่งโทษจำคุก 1- 10 ปี เพราะฉะนั้น “นอท” ต้องเตรียมตัว และไปไล่นับว่าในช่วง 2 ปีกว่าที่ทำกองสลากพลัสมา มีหรือไม่ที่อาชญากร ทุนพนัน ทุนสีเทา เอาเงินมาฟอกกี่รายแล้ว และถ้าผิดจริงจะต้องติดคุกกี่ปี

เตรียมรับ “สึนามิคดี” ที่จะตามมาอีกเป็นพรวน

นายสนธิ กล่าวอีกว่า นั่นเป็นแค่วิบากกรรมที่ต้องเผชิญดอกแรก “ขารับ” ซึ่งคือ การรับเงินทุนจากธุรกิจที่มีลักษณะสีเทา – สีดำทั้งหลาย ซึ่งถ้าหากอธิบายไม่ได้จริง ๆ บัญชีธนาคารก็คงจะทยอยถูกอายัดทั้งหมด

ทั้งนี้ได้รับทราบมาจากทั้ง ดีเอสไอ-ป.ป.ง.-ตำรวจ ระบุตรงกันว่า นอกจากบัญชีของ นอท พันธ์ธวัช และ บริษัทลอตเตอรี่ออนไลน์ แล้ว รายชื่อบุคคล-นิติบุคคล ที่อยู่ใน “แฟ้มสัญญาร่วมลงทุน” นั้นก็จะต้องถูกนำไปตรวจสอบทั้งหมดด้วยว่า บุคคล-นิติบุคคลที่ทำสัญญากับคุณนั้นเอาเงินที่ไหนมาให้กู้ยืม ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไททันฯ ของนายแทนไท หรือ โน๊ต ณัฐพล ซีอีโอของ แบรนด์ Eve’s รวมถึงคนอื่น ๆ ด้วย

นอกจากนี้ ยังมีดอกที่สองคือ “ขาออก” ซึ่งหมายถึงว่า ใครเป็นผู้ซื้อลอตเตอรี่ของคุณ และเอาเงินที่ไหนมาซื้อ “นอท” เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ ในรายการเจาะลึกทั่วไทย ทางช่อง MCOT HD เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 ถึงการที่ดีเอสไอเรียกไปชี้แจงบัญชีว่า เคยมีลูกค้า “กองสลากพลัส” เคยซื้อลอตเตอรี่มากที่สุดถึง 50,000 ใบ คิดเป็นเงิน 5 ล้านบาท

“ผมก็มานั่งนึกว่า เอ๊ะ! กูไปเอาเงินเขามาตอนไหนวะ คิดดูตอนแรกแล้วก็ไม่มี 2 ปีที่ผ่านมา เงินที่ผมเอาเข้าบัญชีจะเป็นเงินที่ออกมาจากบริษัทเท่านั้น ไอ้ตัวผม ไม่ได้รับเงินจากใคร ตรงนี้ผมมั่นใจ ... ถ้าอย่างที่ผมตั้งข้อสังเกตว่า มันจะมาซื้อลอตเตอรี่ของผมหรือเปล่า? ... ” นอท พันธ์ธวัชกล่าว


นายสนธิกล่าวว่าคำให้สัมภาษณ์ของ “นอท” ดังกล่าว ตรงกันข้ามกับหลักฐานของดีเอสไอที่มีอยู่ว่า นายสุทินได้โอนเงิน 42 ล้านบาทเข้าบัญชีส่วนตัวของนอท จึงสามารถ “จับโกหก” ได้หลายข้อว่า 1.“นอท” ใช้บัญชีชื่อตัวเองในการรับเงินจากนายทุนสีเทา(เงินจากบัญชีม้า) 2.“นอท” ไม่รู้ได้อย่างไรว่า “ลูกค้ารายใหญ่มาก” ที่ซื้อสลากกินแบ่งที 5 ล้านบาท จำนวน 5 หมื่นฉบับนั้นเป็นใคร?

ทั้งนี้ หนึ่งในวิธีการฟอกเงินของพวกข้าราชการ นักการเมือง บางส่วนก็คือ “การขอซื้อรางวัลที่ 1” ต่อจากคนที่ถูกรางวัลที่ 1 จริง ๆ เพื่อฟอกเงิน “สีดำ” ให้สะอาดบริสุทธิ์ นำไปชี้แจง ตรวจสอบได้

เพราะฉะนั้น ในส่วนของ “ขาออก” คือคนที่ซื้อลอตเตอรี่ออนไลน์ของกองสลากพลัส ในช่วงที่ผ่านมา 2 ปี โดยเฉพาะรายใหญ่ ๆ ดีเอสไอหรือ ปปง.ต้องตรวจสอบด้วยว่า เป็นใคร เอาเงินที่ไหนมาซื้อสลาก และถูกรางวัลจริงหรือไม่ หรือ เอาเงินมาซื้อสลากที่ถูกรางวัลกับแพลตฟอร์มของนอทเพื่อฟอกเงินหรือเปล่า


นายสนธิกล่าวอีกว่า ที่พูดมานี้เป็นแค่น้ำจิ้มเท่านั้น เพราะเท่าที่ทราบจากการตรวจสอบกับหน่วยงานราชการทั้งหลาย “นอท พันธ์ธวัช” กำลังจะโดนคดีอื่น ๆ ตามมาอีกเป็นพรวนไม่ว่าจะเป็น

1. ดีเอสไอสอบแหล่งที่มาของเงิน และอาจอยู่ในกระบวนการฟอกเงิน, ข้อหาจัดให้มีการพนัน

2.สรรพากรกำลังจัดทีมตรวจสอบการภาษี บุคคลธรรมดา เพราะนอทนั้นใช้บัญชีส่วนบุคคลรับเงินจากผู้อื่น ไม่ใช่บัญชีบริษัท หลักฐานการรับเงิน 42 ล้านมีอยู่แล้ว ก็ต้องตรวจสอบว่าเสียภาษีหรือเปล่า

3.สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ได้ตั้งข้อหาการขายสลากเกินราคา (ซึ่งเมื่อวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 โดนเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว)

4.ป.ป.ง. และตำรวจสอบเส้นทางการฟอกเงินทั้งขาเข้าและขาออก

นายสนธิกล่าวทิ้งท้ายว่า ตนไม่ได้กล่าวหา แต่ถ้า “นอท” ชี้แจงได้ก็เป็นประโยชน์กับตัวเขาเอง แต่เจ้าหน้าที่อาจจะถามต่อว่าที่ซื้อเฟอร์รารี่ ซื้อปอร์เช่ ลัมบอร์กินี่ และบ้านเยอะแยะ เอาเงินที่ไหนมาซื้อ จากประสพการณ์ทั้งชีวิตตนเห็นว่าถ้าตามเส้นทางการเงินแล้วอาชญากรจะหลบหนีรอดไม่ได้เลย เหมือนในอเมริกายุคที่มีมาเฟียเจ้าพ่ออัลคาโปน เอฟบีไอทำอะไรไม่ได้เลย จนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนหนึ่งจบด้านบัญชีมาศึกษาข้อมูลเรื่องการเงินของอัลคาโปนและพบว่าต้องเล่นงานเรื่องหนีภาษี อัลคาโปนก็ติดคุกยาว ซึ่งในไทยไม่ใช่ไม่มีตัวอย่าง อดีต ผกก.โจ้ ถุงดำ ก็โดนมาแล้ว อภิรักษ์ โกฎธิ ฟอเร็กซ์ 3ดี โดนมาแล้ว

“ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยจะต้องระมัดระวัง การทำมาหากินถ้าทำอะไรที่ไม่ผิดกฎหมายอาจจะยากหน่อยกว่าจะรวยขึ้นมา ก็เลยเกิดคนที่อยากรวยเร็ว และพร้อมจะเสี่ยง คุณนอท เป็นคนประเภทนี้หรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่รอดูต่อไป หนังเรื่องนี้ยังไม่จบ” นายสนธิกล่าวทิ้งท้าย

เรื่องเกี่ยวเนื่อง
-แฉวิธีฟอกเงินจากยุคคนโบราณฝังดิน ถึงยุควัยรุ่นเทรดคริปโต
-“นอท กองสลากพลัส” จากเด็กโลกสีเทา สู่ CEO หวยออนไลน์หมื่นล้าน
-ปฐมบท “นอท” กับลอตเตอรี่ออนไลน์ กลยุทธ์สร้างตัวตนผงาดเหนือ “มังกรฟ้า”


กำลังโหลดความคิดเห็น