รองคณบดีนิด้าฟ้องสื่อยักษ์ใหญ่ระดับประเทศอย่าง นสพ.ไทยรัฐ และไทยรัฐออนไลน์ หลังบทวิเคราะห์การเมืองป้ายสีเป็นไอโอรัฐบาลด่าประชาชน เพราะแชร์ข่าวทีมโควิดรัฐบาลไบเดน มะกันทวงโมเดอร์นา เจ้าตัวโวยคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับตำแหน่ง เห็นข่าวมีประโยชน์ นำมาเล่าให้ฟัง กลายเป็นไอโอ หิวแสง ทัวร์ลง ถูกด่าหยาบคาย ถึงกับเคยคิดจะเลิกเล่นเฟซบุ๊กมาแล้ว
วันนี้ (9 พ.ย.) ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้โพสต์บันทึกคำให้การของผู้กล่าวหาหรือพยาน ในคดีระหว่าง ผศ.ดร.วรัชญ์ กับหนังสือพิมพ์ไทยรัฐและไทยรัฐออนไลน์ ระบุว่า "ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าขอบคุณทุกๆ ท่านมากๆ จริงๆ ครับ สำหรับกำลังใจอันมากมายที่ให้มา กรณีที่ผมถูกสื่อกล่าวหาว่าเป็น "ไอโอ" จากโพสต์ที่ผมอธิบายอ้างอิงข่าวต่างประเทศว่าเหตุใดไทยจึงยังไม่ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา หลังจากวันนั้น ผมก็ชัตดาวน์ตัวเองไปสองสามวัน จนดีขึ้นจึงได้ย้อนมาอ่านทุกคอมเมนต์ รู้สึกซาบซึ้งมากๆ ครับ ทำให้มีกำลังใจที่จะทำหน้าที่สื่อสารข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อไปเท่าที่จะมีความสามารถ (และเวลา)
สิ่งหนึ่งที่หลายท่านได้คอมเมนต์ คือกรณีนี้ควรจะฟ้องเป็นกรณีตัวอย่าง ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดเรื่องนี้ แต่เมื่อคิดถึงว่าตัวเองเป็นนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน มีหน้าที่สื่อสารความจริง แก้ไขความเท็จ แล้วนี่ความเท็จเกิดขึ้นกับตัวเอง และในสื่อออนไลน์ที่คงอยู่ตลอดไป ยิ่งต้องใช้สิทธินี้ปกป้องชื่อเสียงตนเอง และเพื่อเป็นกรณีตัวอย่างสื่อละเมิดสิทธิประชาชน เหมือนกับที่หลายๆ คนได้บอก เพราะปกติคนทั่วไปไม่มีใครอยากจะมีเรื่องกับสื่อ โดยเฉพาะสื่อใหญ่ขนาดนี้ จึงได้ปรึกษาท่านผู้ใหญ่และนักกฎหมายบางท่าน (ต้องขอบพระคุณทุกท่านด้วยครับ) และเห็นว่ากรณีนี้เป็นความผิดชัดเจน ทุกท่านสนับสนุนให้ผมดำเนินคดี และเมื่อปรึกษากับคู่คิดแล้วก็สนับสนุน จึงได้ตัดสินใจดำเนินการในวันนี้ ซึ่งก็บังเอิญตรงกับวันที่ 9 (และเป็นวันแรกที่มีการเริ่มฉีดวัคซีนโมเดอร์นาเสียด้วย 55)
ผมเองเคยแค่ร้องเรียน กสทช. นี่ก็เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ฟ้องร้องดำเนินคดีองค์กรสื่อ ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าจะไปได้ถึงไหน ยังไงจะมาอัปเดตความคืบหน้าให้ทุกท่านรับฟังนะครับ และตอนนี้เองผมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างหรือไม่ แต่หากมี และหากผมชนะคดี และได้ค่าชดเชยค่าเสียหาย หลังหักค่าใช้จ่ายแล้ว จะนำไปบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ทั้งหมดครับ
ขอบคุณทุกท่านมากๆ อีกครั้งนะครับ ตอนแรกผมคิดจะปิด account นี้แล้วไปเปิดใหม่จริงๆ แต่หลายๆ ท่านให้สติผมด้วยพระราชดำรัสของ ร.๙ ทำให้ผมย้อนคิดถึงคำสัญญาที่ผมตั้งจิตอธิษฐานต่อเบื้องพระบรมโกศ ว่าจะ "ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร" ตามแบบอย่างของพระองค์ครับ
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
คดีนี้สืบเนื่องมาจาก ผศ.ดร.วรัชญ์ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. หัวข้อ "โมเดอร์นา ทำไมไม่มาเสียที?" โดยชี้ให้เห็นว่าทั่วโลกกำลังรอวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของโมเดอร์นา แม้แต่สหรัฐอเมริกา โดยยกตัวอย่างข่าวต่างประเทศ กรณีที่นายเดวิด เคสเลอร์ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ทีมโควิด ของรัฐบาลนายโจ ไบเดน ได้ย้ำเตือนความจำบริษัทโมเดอร์นาว่าที่บริษัทผลิตวัคซีนออกมาสำเร็จ ก็ด้วยเงินช่วยเหลือจำนวน 10,000 ล้านดอลล่าร์ จากภาษีคนอเมริกัน ดังนั้นขอให้หยุดผลิตวัคซีนเพื่อขายให้เฉพาะประเทศรวย แล้วให้มาผลิตวัคซีนในราคาทุนให้กับรัฐบาลอเมริกาเพื่อนำไปบริจาคให้ประเทศยากจน และส่งเข้าช่วยโครงการโคแวกซ์ (COVAX) ซึ่งโมเดอร์นามีศักยภาพที่จะผลิตได้ถึงพันล้านโดสในระยะเวลาไม่นาน
ต่อมา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 19 ต.ค. 2564 ได้ตีพิมพ์บทวิเคราะห์การเมือง หัวข้อ "ถนัดไอโอกลบบ้อท่า?" ในตอนหนึ่งกล่าวหาว่า ผศ.ดร.วรัชญ์เป็นส่วนหนึ่งของยุทธการไอโอ (ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร) กุนซือพีอาร์ของ ศบค. โพสต์ข้อความ อ้างว่าไม่ใช่แค่ไทยที่รอวัคซีนโมเดอร์นา พร้อมตั้งคำถามว่าทำไมองค์การเภสัชกรรม ผู้รับผิดชอบในการดีลตรงกับโมเดอร์นาและน่าจะเลยไปถึงระดับผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องเคลียร์กับประชาชน เพราะมันคือผลจากรัฐบาลบ้อท่า แทงม้าผิด ไม่จองวัคซีน mRNA มาตั้งแต่ต้น ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งต้องเสียเงินจองวัคซีนเอง เพื่อความปลอดภัยในชีวิต ผิดหลักการรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐในการดูแลสวัสดิภาพคนไทยทุกคน พร้อมลงท้ายว่า บริหารห่วยแตก ยังมีหน้าปล่อยไอโอด่าประชาชน
เรื่องนี้ทำให้ ผศ.ดร.วรัชญ์ ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า อยู่ดีๆ ก็ได้รับเกียรติจากสื่อยักษ์ใหญ่ให้เป็นไอโอ ทั้งๆ ที่การแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต โดยมีพื้นฐานข้อมูลอ้างอิง โดยเปิดเผยชื่อและตัวตนในการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่เคยลงท้ายด้วยตำแหน่งใดๆ ไม่ได้ละเมิดใคร ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ควรเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ แต่เหตุใดถึงกลายเป็นไอโอไปได้ ซึ่งตนใช้เฟซบุ๊กส่วนตัว ไม่เคยแอบเปิดเพจไว้ด่าใครหรืออวยใคร ไม่เคยมีทีมงาน ไม่เคยรับงานจากใครมาเขียนเชียร์หรือชมใครทั้งสิ้น และที่ผ่านมาช่วยงาน ศบค.เป็นหลักก็ไม่เคยมีค่าตอบแทนใดๆ และเท่าที่รู้ ศบค. ก็ไม่ได้มีไอโออะไรทั้งสิ้น ส่วนที่กล่าวหาว่าเป็นกุนซือพีอาร์ ก็เกินจริงไปมาก เพราะมีหน้าที่เพียงแค่ช่วยสนับสนุนข้อมูลของ ศบค. และอยู่ในกลุ่มไลน์ด้านการสื่อสาร อาจช่วยเสนอความเห็นบ้าง แต่ช่วงหลังก็แทบจะไม่ได้เข้าไปช่วยเลย เพราะทีมกระทรวงสาธารณสุขและสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) รับผิดชอบหมดแล้ว
ทั้งนี้ ตนยังงงว่าที่โพสต์ไปนั้นผิดตรงไหน ที่บอกว่าไทยไม่ได้รอโมเดอร์นาประเทศเดียว ประเทศอื่นก็รอกัน เป็นการด่าประชาชนยังไง สงสัยว่าถ้าผู้เขียนเป็นนายกรัฐมนตรี หรือผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม จะทำอย่างไรให้ได้โมเดอร์นามาเร็วกว่านี้ เพราะขนาดรัฐบาลอเมริกายังต้องทวงจนถึงกับขู่เลย ที่ผ่านมาการเล่นเฟซบุ๊กต้องเจอกับคนหลากหลายประเภท ที่ดีก็มีมาก เป็นพิษก็มาก พอคนติดตามมากขึ้นกลายเป็นถูกจับจ้อง พูดอะไรกลายเป็นพูดในฐานะที่ปรึกษา ศบค. ซึ่งไม่ใช่ เพราะตนเห็นข่าวอะไรน่าสนใจ มีประโยชน์ ก็นำมาบอกเล่าให้กันฟัง กลายเป็นไอโอ หิวแสง ทัวร์ลง ถูกด่าหยาบคาย และเคยคิดที่จะหยุดเล่นเฟซบุ๊กแล้วกลับไปทำงานของตัวเอง