โทนี่ วู้ดซั่ม จ้อคลับเฮาส์ ชี้สมองคนไทยไม่ถูกปลดปล่อย ถูกครอบหัวไม่คิดอะไรก้าวหน้า ชี้ประยุทธ์เล่นงานธรรมนัส รู้ว่าอยากอยู่ยาว แต่เตือนไว้ก่อนเจอนักเลง พูดจาดีๆ ก็รู้เรื่อง แต่ถ้าเล่นกับเขาก็ไม่ยอม ปัดข้อหาครอบงำพรรค อ้างชงหญิงอ้อเป็นหัวหน้าพรรคแค่เรื่องในบ้าน เผยสเปกผู้นำหัวใจประชาธิปไตย เข้าใจประชาชน คนเจนเอ็กซ์เหมาะกับงานที่สุด แซะนายกฯ ต้องไปเรียนภาษาอังกฤษกับภริยาที่บ้าน ชมเปิดประเทศเร็วแต่ไม่ชัดเจน หนุนลิซ่าเล่นคอนเสิร์ตในไทย
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. นายทักษิณ ชินวัตร หรือโทนี่ วู้ดซั่ม (Tony Woodsome) อดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ ได้กล่าวในรายการ “Live! CareTalk x CareClubHouse” หัวข้อ “วันนี้ประยุทธ์ พรุ่งนี้…ใคร?” ระบุว่า ในปี 2552 สิ่งที่ตนอยากทำคือความยากจนจะหายไป และคนไทยให้กำลังใจให้ตนทำงานแก้ปัญหาประเทศ ยามประเทศไม่มีเงินและเป็นหนี้ไอเอ็มเอฟ ซึ่งตนใช้หมดภายใน 2 ปี ภูมิใจในผลงานที่ผ่านมา เสียดายที่ควรจะทำให้สำเร็จแล้วไม่ได้ทำ คนทำงานมีผิดพลาดบ้าง ตนวางรากฐานไว้ แต่เพราะรัฐประหารทำให้ล้างตำนานของตนไป แต่คนไม่แฮปปี้รัฐบาลทหาร เป็นการปฏิวัติเสียของ จึงปฏิวัติซ้ำในสมัยที่น้องสาว (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) เป็นนายกรัฐมนตรี
นายทักษิณเห็นว่า บ้านเมืองใช้มิติเดิมเหมือนลากประเทศถอยหลัง ใช้มิติระบบเผด็จการและรัฐราชการ สุดท้ายตามไม่ทันโลก ทำแบบวันต่อวัน ไม่มีวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนพลังหลายด้าน ทั้งที่โลกหมุนเร็วทุกวัน ตกเรื่องเทคโนโลยี การศึกษาสมัยใหม่ การเมืองรูปแบบใหม่ จะทำอย่างไรให้รู้เท่าทันโลกและภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่เอื้อมมือหากินกับประเทศไทย จะอยู่หรือจะสู้อย่างไร จากที่ทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำและได้เงินนิดเดียว คิดว่าเราเดินมาผิดตั้งแต่ปฏิวัติปี 49 ถึงปัจจุบันอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลมาจากประชาธิปไตยอยู่ไม่นาน หากปล่อยให้รัฐบาลประชาธิปไตยอยู่ได้นานคิดว่าบ้านเมืองจะไปได้ดีกว่านี้เยอะ ถึงเวลาที่จะยอมรับว่าประเทศต้องปลดปล่อยพลังสมองของคนไทยทั้งหมด ด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มีเสรีภาพในการพูดและทำ ต้องให้คนรุ่นใหม่ ทั้งเจนเอ็กซ์ หรือเจนวายมาทำงานได้แล้ว เราไปเลี้ยงหลานดีกว่า
“ที่สำคัญที่สุด คือ สมองคนไทยไม่ถูกปลดปล่อย ระบบเผด็จการแบบนี้ คอยถามเด็กว่าอยากเป็นทหารไหม เป็นการครอบหัวเด็ก ไม่ให้คิดอะไรที่ก้าวหน้า ทันสมัย อันนี้เป็นอันตรายต่อประเทศ ไม่ใช่ต่อเด็ก แต่เป็นอันตรายทั้งระบบ ในอนาคตข้างหน้า ถ้าคนไทยอยู่ไม่ได้ ประเทศอยู่ไม่ได้ ใครก็อยู่ไม่ได้ทั้งนั้น วันนี้ต้องทำประเทศแข็งแรง คนไทยแข็งแรง มีศักยภาพ มีความชำนาญ เชี่ยวชาญด้านต่างๆ จะได้เห็นประเทศไทยกลับมาเป็นสยามเมืองยิ้มอีกครั้งหนึ่ง ไม่ต้องทะเลาะกันแบบนี้ วันนี้ที่ทะเลาะกันเพราะทรัพยากรมีน้อย ประชากรมากขึ้นแล้วแย่งกัน ความสามัคคีในชาติจะหมดไป ถ้าไม่ปรับปรุงการบริหารให้ทันสมัย” นายทักษิณกล่าว
นายทักษิณกล่าวถึงการเปลี่ยนเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐว่า สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีทำ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าอยากอยู่นาน เมื่อจะเล่นงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ตนก็อยากจะบอกคนในพรรคว่า คิดว่าในพรรคพลังประชารัฐเหมือนประกอบกำลังคนจากหลายแหล่ง เรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัวมีสูง ก็อาจจะต่อสู้กัน งัดข้อกันดู แต่ในที่สุดน่าจะเอาไม่อยู่ เพราะ ร.อ.ธรรมนัสเป็นนักเลง พูดจาดีๆ น่าจะรู้เรื่อง แต่ถ้าเล่นกับเขาก็ไม่ยอม เรื่องไม่จบ ไม่ใช่ว่าจะลาออกแล้วตั้งกรรมการบริหารใหม่ เพราะเป็นพรรคที่ประกอบชั่วคราว คงไม่จบง่ายๆ ส่วนจะแตกหรือไม่นั้น เชื่อว่าคงอยู่กันแบบนี้ เหมือนผัวเมียพร้อมเลิก อยู่คนละห้อง แต่ยุทธศาสตร์มีไว้แล้ว คือซื้ออย่างเดียว การเมืองถ้ามีการใช้สตางค์ซื้อกันหนักๆ มันก็พัง ประชาชนรับเงิน 500 บาท อยู่ 4 ปีตกปีละ 100 บาท แต่ค่าครองชีพจากการเมืองเฮงซวยแพงกว่าที่รับไป ถึงได้บอกว่ารับเงินใครก็รับไปเถอะ แต่กากบาทเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งนั้น
นายทักษิณยังกล่าวถึงกรณีที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ไปยื่นคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย และนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย อดีตแกนนำ กปปส. กรณีคลิปวิดีโอพูดคุยกับสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นการครอบงำพรรค ว่า ตนเรียนกฎหมายมาเยอะ ตนรู้ว่าตนกำลังทำอะไรอยู่ การครอบงำทางกฎหมาย หมายความว่าสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรก็ได้ แต่ขนาดคนบางคนไปหาตนที่ต่างประเทศ ตนให้เงินไปชอปปิ้งทุกครั้งยังครอบงำไม่ได้เลย แล้วจะครอบงำอะไรพรรคได้ บ้านเราเป็นประเทศเดียวในโลกที่ให้คนที่ไม่ใช่ผู้เสียหายไปร้องได้ วันนี้ต้องกลับมาที่บ้านเมือง อย่าไปนั่งกับเรื่องจุกจิก
“เขาโทร.มาชวนผมว่า ช่วยไปอวยพรคุณเกรียงหน่อย (นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อดีต ส.ส.อุบลราชธานี) เป็นวันเกิดแกเพิ่งผ่านไป เป็นวันเกิดแกย้อนหลัง ผมก็ไม่รู้ว่าวันที่เท่าไหร่ ผมก็ลง เกรียง บีเลเต็ด แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ เขาก็ขอบคุณยกมือไหว้ผม เสร็จแล้วก็คุยโน่นคุยนี่ บอก ท่านครับ น่าจะให้คุณหญิง (คุณหญิงพจมาณ ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา) มาเป็นหัวหน้าพรรคนะครับ อย่างนั้นอย่างนี้ ก็เป็นถามเรื่องครอบครัวสิ ผมก็คอมเมนต์ในเรื่องครอบครัวผม ก็เป็นเรื่องที่เขากินข้าวที่บ้าน แล้วในเมื่อเรื่องมันออกไป มันก็เป็นเรื่องในบ้าน ไม่ได้มีการประชุมพรรค ผมเหมือนผู้ใหญ่บ้านเก่า ลูกบ้านก็คิดถึง โทร.มาหา คุยกันมันธรรมดา เปรียบกับเรียกกรรมการบริหารพรรคลาออก อย่างนี้เรียกครอบงำหรือเปล่า หรือไม่กล้าร้อง คิดว่าเรื่องอย่างนี้อย่าไปเสียเวลา เอาเรื่องใหญ่ๆ ดีกว่า” นายทักษิณกล่าว
นายทักษิณยังตอบคำถามทางบ้านถึงคุณสมบัติของคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ว่า หัวใจเป็นประชาธิปไตย เข้าใจประชาชน ไม่ได้มองประชาชนเป็นพลทหาร ใจมันจะรักประชาชนโดยอัตโนมัติ นอกจากนั้นจะต้องตามโลกให้ทัน ให้รู้ว่าโลกไปถึงไหน แล้วเราควรจะมีจุดยืนอย่างไร มีความเข้มแข็งอย่างไร จะปรับตัวจุดอ่อนอย่างไร เพราะผู้นำต้องเป็นเจ้าภาพในการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น และต้องรู้จักกระจายอำนาจให้คนช่วยกันทำ เราทำคนเดียวไม่ทัน แต่เป็นเจ้าภาพที่จะรู้ว่าอะไรไปถึงไหนแล้ว สิ่งไหนมีคนทำ สิ่งไหนไม่มีคนทำ เพราะต้องทำ ต้องขับเคลื่อนประเทศไปพร้อมกัน โลกทัศน์ต้องกว้างไกล ไม่ใช่มองอะไรย้อนหลังไปตลอด
เมื่อถามว่า จะต้องเป็นอายุเท่าไหร่ เจเนอเรชันไหน นายทักษิณกล่าวว่า น่าจะเป็นคนทำงานที่อายุประมาณเจนเอ็กซ์ เพราะเป็นวัยกำลังทำงาน ประสบการณ์พอ แต่จะมีปัญหาเรื่องความเข้าใจเทคโนโลยี โลกยุคใหม่ที่จะมีปัญหายังเรียนรู้ใหม่อยู่ แต่เบบี้บูมเบอร์ ต้องขยันเรียนจริงๆ ตามทุกเรื่องจริงๆ ถึงจะเอาอยู่ เพราะเกิดในยุคแอนะล็อก ส่วนคนเป็นนายกรัฐมนตรีในยุคต่อไปต้องเข้าใจเศรษฐกิจ ความคิดของคนที่กินเงินเดือนจะไม่คิดว่าเงินขาดมือคืออะไร และคนพวกนี้จะไม่เข้าใจคนหาเช้ากินค่ำคืออะไร แต่คนที่ดิ้นรนทำมาหากินมาก่อนจะเข้าใจว่าต่อสู้ชีวิต ต้องเปิดโอกาสให้เขาอย่างไร รัฐบาลมีหน้าที่ให้ประชาชนทำมาหากินอย่างสุจริต อย่างเสรี และให้เข้าถึงแหล่งความรู้ แหล่งทุน แหล่งเทคโนโลยี ถ้าเอาเศรษฐกิจมาก่อน อันดับสอง เรื่องสาธารณสุข อันดับสาม ความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตย เป็นฝาแฝดกัน ถ้าไม่เข้าใจประชาธิปไตยก็เป็นเศรษฐกิจอะไรไม่รู้
เมื่อถามว่า อึดอัดใจที่ผู้นำประเทศยังพูดภาษาไทย เรื่องภาษาอังกฤษถือเป็นความสามารถพื้นฐานของผู้นำประเทศหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า ภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากล ยกตัวอย่าง สมเด็จฯ ฮุนเซน ตอนเป็นนายกรัฐมนตรีกัมพูชาใหม่ๆ ภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่วันนี้สบายมากเพราะเรียนรู้พัฒนา ไม่กี่ปีภาษาดีขึ้น เมื่อถามว่าผู้นำประเทศบางคน 7 ปีแล้วยังไม่ดีขึ้นเลย นายทักษิณกล่าวว่า “ภรรยาเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษนะ ท่านต้องเรียนกับภรรยา” และยกตัวอย่างนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ใช้ภาษารัสเซียตลอด แต่เวลาเดินกับตน คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ สรุปแล้วแม้ทุกคนจะพูดภาษาตนเอง แต่เวลาสนทนาต้องรับสนิท ไม่อย่างนั้นจะไม่มีเพื่อน ถ้ามีความสนิทสนมก็คุยง่าย ไม่อย่างนั้นก็ดูเป็นทางการไปหมด อย่างนายจุนอิจิโร โคอิซูมิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ไม่พูดภาษาอังกฤษเลย แต่เวลาอยู่กับตนก็พูดคุยกันรู้เรื่อง แหย่กันเล่นได้ เกิดความสนิทสนม เพราะฉะนั้นภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นของผู้นำ อย่างน้อยๆ ก็คุยเล่นกันได้ เวลากล่าวแถลงการณ์คนฟังจะได้ไม่ต้องเสียเวลา แต่เวลาเจรจากลัวจับไม่ทัน มีคนแปลให้ก็ไม่ว่ากัน แต่อย่างน้อยต้องรู้
ถามว่ามีโอกาสที่คนในตระกูลชินวัตรจะขึ้นมานำพรรคเพื่อไทยอีกหรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า เป็นคำถามที่ดี แต่ยังไม่มีคำตอบ การเมืองมันซับซ้อน เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรใครอยากปรึกษาในเรื่องการต่างประเทศก็ยินดี ไม่คิดสตางค์ อยากช่วยบ้านเมือง
ในตอนหนึ่ง เมื่อถามว่าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยการใช้ศิลปินดารามาโปรโมต ทั้งที่โควิด-19 ยังระบาด ถือเป็นสิ่งที่ควรทำตอนนี้หรือไม่ นายทักษิณกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีชนะตน เพราะถ้าเป็นตนจะเปิดประเทศใน 180 วัน แต่นายกฯ เปิด 120 วันถือว่าเก่งกว่าตน แต่ขาดความรอบคอบ เพราะฉีดวัคซีนยังไม่ทั่วถึง นายกฯ น่าจะรู้ดีมากกว่านี้เพื่อทำให้คนของเราแข็งแรง วันนี้ต่างชาติที่เข้ามาเมืองไทยฉีดวัคซีน 2 เข็มแน่นอน เกิน 14 วันแล้ว ตรวจ PCR แล้วผลเป็นลบ โอกาสที่ต่างชาตินำเชื้อมาปล่อยในบ้านเรามีน้อยกว่าที่เราปล่อยกันเอง เพราะเราฉีดวัคซีนน้อย ตรวจโรคน้อยด้วย แต่เราก็ยังเป็นประเทศที่ส่งสัญญาณผิดๆ แล้วไม่เคยตอบอะไรชัดๆ
ตนถามสถานทูตหลายแห่งพบว่าคนอยากไปเที่ยวประเทศไทยเพราะอัดอั้น แต่ถามความชัดเจนเรื่องระเบียบแต่ละประเทศไม่ได้รับทราบ เลยยังไม่กล้าขยับให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเมืองไทย เรื่องนี้ต้องรีบแจ้งกระทรวงการต่างประเทศโดยด่วน ส่วนเรื่องการจัดคอนเสิร์ตลิซ่า แบล็คพิงค์ ชาวต่างชาติที่เข้าไปก็โอเค แต่คนไทยมีการฉีดวัคซีน หรือตรวจ PCR ไหม ถ้ามีก็โอเค แต่จะช่วยเรื่องเศรษฐกิจหรือไม่ ก็ช่วย อย่างน้อยๆ ลิซ่าดังระดับโลก ถ้ามาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทย และเขาเป็นคนไทยด้วย ก็บอกต่างชาติให้รู้ว่าเราเอาจริง เราสนับสนุนการท่องเที่ยวจริง มาเที่ยวได้แล้ว เพราะเดือนมกราคมเป็นช่วงไฮซีซัน คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ แต่การเร่งฉีดวัคซีนสำคัญที่สุด หากเร่งฉีดวัคซีนก็น่าจะปลอดภัย
ช่วงท้าย เมื่อถามว่าถ้าวันนี้ประยุทธ์ แล้วพรุ่งนี้ใคร นายทักษิณกล่าวว่า พรุ่งนี้เราต้องการผู้นำที่มีหัวใจประชาธิปไคย เป็นคนน้ำไม่เต็มแก้ว พร้อมที่จะปรับตัวเรียนรู้กับเรื่องใหม่ๆ มีลักษณะเป็นผู้นำที่จะนำไทยให้ทันโลก การเมืองระหว่างประเทศไม่ท้าทายใคร แต่ไม่เป็นเบี้ยล่างคนอื่น รักษาผลประโยชน์ของประเทศ มีวิสัยทัศน์ และลงมือทำจริง พูดอะไรแล้วต้องทำ ตอนหาเสียงสัญญาอะไรแล้วต้องทำ ถ้าไม่ทำก็อายผีหรือเมียที่บ้าน ถามว่าพรุ่งนี้อีกนานไหมกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น ก็ต้องถามการเมืองในพรรคพลังประชารัฐว่าตกลงให้ลาออกได้หรือยัง เลือกตั้งได้ไหม เอา ร.อ.ธรรมนัสออกได้จริงหรือเปล่า ตกลง 3 ส. ส่งคนมาเป็นเลขาฯ พรรคแทน ร.อ.ธรรมนัสสำเร็จไหม ก็ว่ากันไป