รศ.หริรักษ์ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มธ.แนะ ททท.ล้มเลิกทุ่มงบ 200 ล้านจ้าง "ลิซ่า แบล็คพิงค์" และ "แอนเดรีย โบเซลลี" ควรนำไปปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวแล้วเกิดความประทับใจ แล้วอยากกลับมาอีกมากกว่า
จากกรณีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมร่วมกับเอกชนดึง “ลิซ่า แบล็คพิงค์” หรือ “ลลิษา มโนบาล” ศิลปินเคป็อปชาวไทย และ “แอนเดรีย โบเซลลี” นักร้องโอเปราชื่อดังของโลกชาวอิตาลี มาร่วมกิจกรรมเคานต์ดาวน์ในเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2565 ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งต่อมานายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เผยว่า "งบค่าตัวจำนวน 200 ล้านบาทเป็นค่าตัวของศิลปิน 2 คน และของแอนเดรียแพงกว่านิดหน่อย แต่ถ้ารวมค่าออแกไนเซอร์ จัดงานทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 400-500 ล้านบาท เฉพาะค่าตัว 200 ล้านบาทจะเบิกงบประมาณแผ่นดินมาใช้ ส่วนค่าจัดงานอื่นๆ คาดว่า จะได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน หรือสปอนเซอร์ ส่วนคำถามว่าเงินจำนวน 200 ล้านบาทคุ้มค่าหรือไม่ นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า คุ้มแน่นอน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
วันนี้ (15 ต.ค.) เฟซบุ๊ก "Harirak Sutabutr" หรือ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) โพสต์ข้อความระบุถึงกรณีดังกล่าวว่า "ล้มเลิกเสียเถิดครับ ที่จะใช้เงินงบแผ่นดิน 200 ล้านจ้าง Lisa และ Andrea Bocelli มาเปิดการแสดงในงาน count down ของประเทศไทย งานที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยชอบทำมากคือการจัด event คงเป็นเพราะจัดงานจบแล้วจบเลย เห็นผลงานทันที ไม่ต้องรอนาน พูดอีกอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนว่ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ ถนัดแต่การโปรโมตการท่องเที่ยวแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการทำงาน marketing ที่ไม่ครบวงจร ไม่ครบ 4 p's ซึ่ง p ที่สำคัญที่สุดก็คือ p ตัวแรกคือ Product ที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจเท่าใดนัก ได้แต่ปล่อยให้อยู่ในมือของเทศบาล อบต. อบจ. ไปตามยถากรรม อย่าลืมว่าการโปรโมตเพียงอย่างเดียว โดยที่ตัว product ไม่ดีพอ จะไม่ทำให้เกิดการซื้อซ้ำ พูดง่ายๆ คือ หลงเชื่อการโปรโมต ซื้อครั้งเดียวแล้วเลิกเลย
แทนที่จะนำเงิน 200 ล้านละลายไปกับการจัด event แบบนี้ รัฐบาลน่าจะเอาเงินงบแผ่นดินที่มาจากภาษีของพวกเรา ประชาชนธรรมดา ไปปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศ ที่สำคัญคือ ปรับปรุงห้องน้ำที่แสนสกปรกให้สะอาด ทันสมัย ไร้ที่ติ ทำที่จอดรถให้เพียงพอ และสะดวก จัดระเบียบร้านค้าที่สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดให้ดูสวยงาม เรียบร้อย ไม่เขลอะขละ รกรุงรัง เหมือนเช่นในปัจจุบันจะดีกว่า
อีกประการที่สำคัญที่ต้องทำถัดมา คือ ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวของทุกจังหวัดท่องเที่ยวที่สะดวก เพื่อให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยว มีข้อมูลครบถ้วน บริการครบถ้วน สามารถจองตั๋วการแสดงที่ขึ้นชื่อของจังหวัดได้ด้วย แม้ในสมัยนี้นักท่องเที่ยวจะสามารถทำทุกอย่างได้เองทาง internet ก็ตาม หากนึกไม่ออก ให้ไป bench mark กับการท่องเที่ยวของประเทศ New Zealand ดูว่าเขาทำอย่างไร
การมุ่งเน้นให้นักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวแล้วเกิดความประทับใจ แล้วอยากกลับมาอีก แล้วไปบอกต่อให้คนที่รู้จักได้ทราบ ดีกว่าการใช้เงินละลายน้ำแบบนี้ นอกจากเราจะมีเงินเหลือเฟือให้ถลุงเล่นได้ ซึ่งทุกคนก็ทราบว่าเราไม่มี ครั้งนี้ไม่ใช่แต่ฝ่ายค้าน หรือฝ่าย 3 นิ้วจะออกมาด่า แม้แต่ฝ่ายที่เชียร์รัฐบาลก็จะออกมาคัดค้านกันมากกว่าสนับสนุน ฟังเสียงพวกเราบ้างเถิดครับ อย่าดึงดันต่อไปเลย"