xs
xsm
sm
md
lg

“รณสิทธิ์” ยื่นหนังสือจี้ถาม “อสส.-ประธาน ก.อ.-ว่าที่ อสส.-ป.ป.ช.” สางคดีวิคตอเรียฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (20 ก.ค.) นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์ เด็กและสตรี เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นหนังสือ 4 ฉบับ ถึง นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด, นายพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.), นายสิงห์ชัย ทนินซ้อน ว่าที่อัยการสูงสุด และ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ขอสั่งให้มีการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจในการสั่งไม่ฟ้องคคีสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท และการร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาคนสำคัญคือ เสี่ยกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาว่า เป็นสถานบริการค้ามนุษย์ ทั้งตัดสินจำคุกจำเลยสถานหนักทุกคน

นายรณสิทธิ์ เปิดเผยว่า หนังสือที่ยื่นถึงประธาน ก.อ.ให้เหตุผลว่า ในฐานะเคยร่วมสืบสวน และร่วมกับเจ้าพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการตรวจสอบสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท ซึ่งตนเป็นผู้ล่อซื้อบริการ นำมาสู่การบูรณาการของพนักงานเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ดีเอสไอ ฝ่ายปกครอง บุกทลายสถานบริการแห่งนี้เมื่อต้นปี 2561 และช่วยเหลือเหยื่อที่หลอกมาค้าประเวณี ทั้งชาวไทย ชาวลาว และเมียนมา และจับกุมผู้ต้องหาได้หลายราย

“โดยทางการสอบสวน และเส้นทางการเงินพบว่าเจ้าของสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียชีเครทที่แท้จริง คือ นายกำพล วิระเทพสุกรณ์ นางนิภา วิระเทพสุภรณ์ และ นายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนและสั่งฟ้อง ออกหมายจับบุคคลทั้งสามและส่งสำนวนต่อพนักงานอัยการ และมีคำสั่งฟ้องคดีบุคคลทั้งสาม ในฐานค้าประเวณี ค้ามนุษย์ทั้งในและนอกราชอาณาจักร แต่บุคคลทั้ง 3 หลบหนีหมายจับ”

ต่อมา ทั้ง 3 คน คือ นายกำพล นางนิภา และนายธนพล ได้ร้องขอความเป็นธรรมในช่วงประมาณเดือน ส.ค. 62 ต่อสำนักงานอัยการสูงสุด และทราบต่อมาภายหลังว่า อัยการสูงสุดหรือตัวแทนได้มีคำสั่งกลับคำสั่งเดิม จากสั่งฟ้องคดี เป็นสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และ นายธนพล ในช่วงเวลานั้นเอง ตนพร้อมกลุ่มพิทักษ์สิทธิเด็กและสตรี องค์กรและมูลนิธิที่ทำงานค้านสิทธิสตรีได้มีหนังสือขอสอบถามว่า เหตุใดอัยการพิเศษฝ่ายคดีค้ามนุษย์ผู้รับผิดชอบในคดีนี้จึงสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล ในส่วนนี้โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เคยแถลงว่า กรณีของนายกำพล ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ

นายรณสิทธิ์ บอกว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการอัยการ มีนโยบายอำนวยความเป็นธรรมและต้องการกำจัดขยะใต้พรมในสำนวนการสอบสวนทางวินัยของพนักงานอัยการ จึงขอให้ท่านได้โปรดมีคำสั่งให้มีการตรวจสอบ กรณีการสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล และให้ตรวจสอบกรณีการมีคำสั่งตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของนายกำพล ว่า เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร เพื่อจะได้ขจัดข้อสงสัยและความเคลือบแคลงของประชาชน และสังคมที่กังวลว่า อาจมีการกระทำการ โดยมิชอบในการสั่งไม่ฟ้องคดีนางนิภา และนายธนพล รวมถึงการส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของนายกำพล อีกด้วย เนื่องจากมีลักษณะการสั่งคดีมีรูปแบบเดียวกันกับคดีนายบอส วรยุทธ อยู่วิทยา จากเดิมที่เคยสั่งฟ้องคดี ต่อมาผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม แล้วอัยการกลับคำสั่งเป็นไม่ฟ้องคดี

ส่วนหนังสือที่ทำถึง นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด มีเนื้อหาลักษณะคล้ายกับที่ยื่นประธาน ก.อ.แต่ส่วนที่เพิ่มคือ หลังจากได้มีหนังสือสอบถามอัยการสูงสุด ขอให้ชี้แจงเกี่ยวกับผลการตรวจสอบการกลับคำสั่งฟ้อง เป็นไม่ฟ้องคดี และคำสั่งตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ว่า เป็นไปโดยชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายหรือไม่ หลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า หรือได้รับการชี้แจงอย่างชัดเจน

ขณะนี้ยังปรากฏข้อเท็จจริงด้วยว่า คณะกรรรการ ป.ป.ช. มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนคดี นายเนตร นาคสุข รอง อสส. สั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา โดยมีที่มาจากการร้องขอความเป็นธรรม คล้ายๆ ของนายกำพล กับพวก แล้วสั่งไม่ฟ้องคดีนางนิภา และ นายธนพล มีลักษณะการสั่งคดีมีรูปแบบเดียวกัน จากเดิมที่เคยสั่งฟ้อง แล้วกลับความเห็นในภายหลัง 


นายรณสิทธิ์ เผยอีกว่า จึงต้องการให้อัยการสูงสุด ตอบคำถามว่ากรณีการสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร และตามที่นายกำพล มีหนังสือร้องขอความเป็นธรรม มายังอัยการสูงสุดนั้น อัยการสูงสุดมีคำสั่งอย่างไร โดยยังคงยืนยันสั่งฟ้องคดีตามเดิม หรือกลับคำสั่งเป็นคำสั่งไม่ฟ้องคดี เพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการปฏิบัติหน้าที่อัยการสูงสุดของท่าน สร้างมาตรฐานใหม่ ความสุจริต โปร่งใส ของสำนักงานอัยการสูงสุด และพนักงานอัยการผู้ใต้บังกับบัญชา ให้เป็นที่พึ่งพิงแก่สังคม และประชาชน ได้ขจัดข้อสงสัยของประชาชนและสังคม เนื่องจากประชาชนและสังคมกังวลว่า อาจมีการกระทำการโดยไม่ชอบในการสั่งไม่ฟ้องคดีนายกำพลด้วย ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าการติดตามคดีนี้เป็นไปตามพันธกิจการก่อตั้งมูลนิธิฯ ที่มีวัตถุประสงค์หลัก คือ ช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นจากแผ่นดินไทย

นายรณสิทธิ์ กล่าวเสริมว่า ส่วนจดหมายฉบับที่ส่งถึงนายสิงห์ชัย ทนินซ้อน ว่าที่อัยการสูงสุด ขอให้ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจการกลับคำสั่งฟ้อง เป็นไม่ฟ้องคดี และคำสั่งตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรม กรณีสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท โดยเนื้อหามีลักษณะเดียวกับหนังสือที่ยื่นประธาน ก.อ. และยื่นอัยการสูงสุด และจดหมายฉบับสุดท้าย ยื่นถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. โดยนายรณสิทธิ์ ระบุในหนังสือว่า ตามที่คณะกรรรการ ป.ป.ช. มีคำสั่งตั้งกรรมการไต่สวน คคีสั่งไม่ฟ้อง นายวรยุทธ อยู่วิทยา ดังปรากฏตามภาพข่าว นั้น ข้าพเจ้า ในฐานะ ได้ร่วมทำการสืบสวน และร่วมกับเจ้าพนักงาน ดำเนินการกับสถานบริการอาบอบนวด วิคตอรียชีเครท สถานค้าประเวณี และค้ามนุษข์ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร ต่อมาภายหลังทราบว่า อัยการสูงสุดหรือตัวแทนได้มีคำสั่งกลับคำสั่งเดิม จากสั่งฟ้อง เป็นสั่งไม่ฟ้องคดี

กรณีการสั่งไม่ฟ้องคดีนางนิภา และนายธนพล มีรูปแบบเดียวกันกับคดีนายบอส วรยุทธ จากเดิมที่เคยสั่งฟ้อง แต่หลังจากผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรม แล้วอัยการกลับคำสั่งเป็นไม่ฟ้อง และทราบจากหลักฐานการสอบสวนของพนีกงานสอบสวนคดีวิคตอเรียฯ ว่า ปรากฏว่า มีพนักงานอัยการชั้นผู้ใหญ่รายหนึ่งเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งได้ร้องเรียน ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบเส้นเงินของวิคตอเรียฯ ไปยังอัยการระดับสูงคนหนึ่ง โดยเป็นอัยการผู้มีชื่อถูกกรรมการป.ป.ช.ตั้งกรรมการไต่สวนในคดีนายบอส

ดังนั้น จึงขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้โปรดสอบสวนข้อเท็จจริงทั้ง 2 คดี เพื่อดำเนินการตามกฎหมายกับพนักงานอัยการ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการโดยมิชอบต่อไป

นายรณสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ไม่แปลกใจที่สหรัฐฯจัดลำดับสถานการณ์การค้ามนุษย์ในไทยตกลงจาก 2 ปีที่แล้ว มาอยู่เทียร์ 2 เฝ้าระวัง เป็นเพราะการไม่เอาจริงในการจัดการกับข้าราชการไทยบางคนที่ไปยุ่งเกี่ยวกับคดีค้ามนุษย์


กำลังโหลดความคิดเห็น