ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ช่วงนี้คนชื่อ "ตู่" ท็อปฟอร์มจริงๆเพลิงสงบแต่ดรามาโหมใส่"นายกฯตู่-นันทิดา" ความรู้สึกช้าเหมือนลุงตู่
หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ของบริษัทหมิงตี้ เคมีคอล ซ.กิ่งแก้ว 21 ถ.กิ่งแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการทำงานของหน่วยงานภาครัฐ การช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
โดยเฉพาะ "นายกฯตู่" นันทิดา แก้วบัวสาย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ โดนสังคมโซเชียลฯ กระหน่ำดรามาอย่างหนักถึงกับประกาศตามหาตัวกันเลยทีเดียว
ปรากฏว่า เมื่อวานนี้ (6ก.ค.) เพจ "ที่นี่..บางพลี" ได้โพสต์ภาพบรรยากาศ พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า “นายกอบจ.สมุทรปราการ ลงพื้นที่บางพลี เยี่ยมผู้อพยพเหตุสารเคมีระเบิด..
"นันทิดา แก้วบัวสาย" นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย "สมลักษณ์ ควรสงวน" รองนายก อบจ. "น.ส.ชนม์ทิดา อัศวเหม" และ "ดร.รัชชานนท์ ทองอร่าม" เลขานุการนายกอบจ. สมุทรปราการ เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ และมอบสิ่งของช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยจากเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตพลาสติก ซ.กิ่งแก้ว 21 ณ ศูนย์ช่วยเหลือประชาชน องค์การบริหารส่วนตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ศูนย์ช่วยเหลือ ประชาชนวัดบางพลีใหญ่กลาง มีผู้ประสบภัยเข้าพักประมาณ 250 คน
แม้ว่านั่นเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของ "นายกฯ ตู่ นันทิดา" ตามมาด้วยคำอธิบายของคนใกล้ชิดว่า เธอไม่ได้หายไปไหน ตั้งแต่เกิดเหตุช่วงกลางดึกของคืนก่อนก็แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน เพราะคอยประสานหน่วยงานรัฐ และอำนวยความสะดวกในเรื่องการดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ หรือ ศูนย์อพยพ ก็ต้องวิ่งหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งก็มีหลายคนที่เข้ามาแสดงความเห็นใจ และให้กำลังใจว่า "นายกฯตู่-นันทิดา" ทำดีแล้ว
แต่หลังจากเพจดังกล่าวเผยแพร่ภาพและข้อความดังกล่าวออกไป ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากในทำนอง เพลิงสงบแต่ดรามากลับโหมกระพือถึงการทำหน้าที่นายกฯ อบจ.ของเธอ บ้างก็ว่าความรู้สึกช้า ชาวบ้านเสื่อมศรัทธาเปรียบไปคล้ายๆ "นายกฯตู่" อีกคน
งานนี้ก็คงต้องบอก"ตู่-นันทิดา"ว่า ช่วงนี้คนที่ชื่อ"ตู่"และ เป็นนายกฯด้วยนั้น ท็อปฟอร์ม จริงๆ
** เมื่อ "9 อรหันต์ป.ป.ช." ลงมือไต่สวนความผิดผู้เกี่ยวข้อกับการสั่งไม่ฟ้อง "คดีบอส"เอง ที่ต้องจับตาจากนี้คือ "ความกล้าหาญ" ว่าจะฟันแบบไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม หรือไม่
มหากาพย์ "คดีบอส" วรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถหรูชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต แต่"เนตร นาคสุข" รองอัยการสูงสุด รักษาราชการแทนอัยการสูงสุดในขณะนั้น สั่งไม่ฟ้องคดี แบบมีเงื่อนงำ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม
“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี จึงตั้งคณะกรรมการฯ ชุด " อ.วิชา มหาคุณ" ขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง และนำไปสู่การรื้อคดีใหม่ มีการกลับมาสั่งฟ้องคดี "บอส"อีกครั้ง และ ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกับการปฏิบัติหน้าที่ของ "เนตร นาคสุข" และผู้ที่เกี่ยวข้องตามที่ คณะกรรมการฯ ชุด"อ.วิชา" ระบุชื่อ
เวลาผ่านมาเกือบปี แต่ผลการสอบก็ยังไม่มีความคืบหน้า... กระทั่ง "พชร ยุติธรรมดำรง" ได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) คนใหม่ เมื่อช่วงต้นเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา จึงได้สั่งการให้คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง "เนตร นาคสุข" เร่งสุปผล ขีดเส้นต้องได้ข้อยุติภายในเดือน ก.ค.นี้ เพื่อฟื้นความศรัทธา เชื่อมั่นในองค์กรอัยการกลับคืนมา
คราวนี้ก็ถึงคิว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่มี "บิ๊กกุ้ย" พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธาน ต้องขยับบ้าง เพื่อเรียกศรัทธาขององค์กรเช่นกัน
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช. ชุดใหญ่ ได้พิจารณาข้อมูลตามที่คณะกรรมการชุด "อ.วิชา" ส่งมา เห็นว่ามีมูลที่จะสั่งไต่สวนได้ จึงมีมติให้ กรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน เป็นองค์คณะไต่สวนผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 15 ราย
ในจำนวนนี้มีทั้ง พนักงานสอบสวน ข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ทั้งที่เกษียณไปแล้ว และที่ยังรับราชการอยู่ พนักงานอัยการ รวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้อง ...แม้ทาง ป.ป.ช.จะไม่เปิดเผยชื่อ แต่ประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้ก็พอจะรู้ว่ามีใครบ้างที่อยู่ในข่าย
ตามขั้นตอน การทำงานของ คณะกรรมการป.ป.ช.นั้น เมื่อตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว ก็จะเริ่มทำการไต่สวน หากมีมูลเพียงพอที่จะแจ้งข้อกล่าวหา ก็จะเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้มีโอกาสชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา จากนั้นจะสรุปสำนวนเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ให้พิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป โดยมีกรอบเวลาต้องไต่สวนให้เสร็จภายใน 2 ปี หากไม่เสร็จก็สามารถขอขยายเวลาได้อีก 1 ปี
ตามกรอบเวลาดังกล่าว แม้จะดูเนินนาน แต่ "บิ๊กกุ้ย" ในฐานะประธาน ป.ป.ช. ก็ยืนยันว่าจะทำการไต่สวน พิจารณาโดยเร็วที่สุด เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ อีกทั้งกรรมการป.ป.ช.ทั้ง 9 คน ก็มาเป็นองค์คณะไต่สวนด้วยตัวเอง เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในไม่ช้า
อันที่จริงแล้ว ปัญหา"คดีบอส" ไม่ต้องมานับหนึ่งใหม่ เพราะมีข้อมูล พยานหลักฐาน ที่คณะกรรมการชุด"อ.วิชา"สอบไว้ เพื่อนำเสนอต่อนายกฯนั้น ค่อนข้างสมบูรณ์ มีการระบุชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นไว้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ หรือ อัยการ และทั้งสองหน่วยงานก็ได้ตั้งกรรมการสอบเป็นการภายในอยู่แล้ว ... ดังนั้น ในขั้นตอนของ ป.ป.ช. จึงน่าจะสรุปสำนวนได้ในปีนี้ด้วยซ้ำ
นอกจากเงื่อนเวลาแล้ว ส่งที่ประชาชนคาดหวังจากป.ป.ช.ก็คือ "ความกล้าหาญ" ที่จะดำเนินการเอาผิดแบบไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม จึงจะเรียกความเชื่อมั่น ศรัทธา จากประชาชนได้...ต้องจับตาว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 15 คนนี้ จะถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดยกก๊วนหรือไม่ !!