เจ้าของร้านอาหารที่ชลบุรี ชี้ รอบนี้จะเป็นการปิดรอบสุดท้ายของหลายๆ ร้าน เพราะร้านนั้นร้านนี้ปิดตัว ตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลชุดเดิมแก้ปัญหา ชี้ผู้นำประเทศไม่เคยเรียนรู้จากความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนชูสองนิ้วรู้แล้วว่าความชิบหายกำลังกลับมา แนะยอมแพ้และลาออก ก่อนประเทศชาติจะพังไปกว่านี้
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Bhanuwat Jittivuthikarn ซึ่งเป็นบุตรชายเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านวอล์คกิ้งสตรีท เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ที่เคยออกประกาศปิดร้าน เพราะโควิด-19 และเพราะเจ้าหน้าที่คอร์รัปชัน กลายเป็นที่ฮือฮาเมื่อช่วงหลังปีใหม่ที่ผ่านมา ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ออกมาตรการสำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หนึ่งในนั้นคือการห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้าน ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ระบุว่า
“รอบนี้จะเป็นการปิดรอบสุดท้ายของหลายๆ ร้าน
ตลอดเวลาหกเดือน มีใครรู้บ้างมั่ยหนอ คนทำร้านอาหารอย่างเราต้องเจอกับอะไรบ้าง แม้เมื่อคืนจะนอนไม่หลับกับข่าวการปิดที่ไม่ได้ปิดจริงของ กทม. ผมเลยมานั้งทบทวนดูหกเดือนที่ผ่านมา ขนาดผมเป็นแค่ผู้นำองค์กรเล็กๆ ผมยังพบว่าตัวเองเข้มแข็งขึ้น ใจนิ่งมากขึ้นเมื่อเจอวิกฤต ผมตั้งรับกับปัญหาได้เร็วขึ้น ลำดับความสำคัญของการจัดการได้เร็วขึ้น จากเจ็บไม่จำ จนกลายเป็นเจ็บแล้วจำ นี้คือบทเรียนจากโควิดของผม เพราะเชื่อว่าคนเรามันเรียนรู้จากอดีตกันได้
แต่ทำไมผู้นำประเทศมันไม่เคยเรียนรู้อะไรเลยจากความผิดพลาดของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาตรงๆ รอบนี้ผมรู้ตัวและเตรียมตัวเตรียมใจกับคำสั่งรัฐบาลก่อนรัฐบาลประกาศแล้ว เพราะอะไร ทำไมผมถึงรู้ เพราะตอนนี้ผู้ประกอบการร้านอาหารรุ่นใหม่มีการรวมตัวกันวิเคราะห์ข้อมูลระดับ Big Data กันรายวัน ประเมินสถานการณ์กันรายวัน มีการทำหน่วยข่าวกรองกันเองเพราะไม่มีใครเชื่อข่าวจากรัฐบาลแล้ว
เพราะที่ผ่านมาเราร่วมมือ เราอดทน ดิ้นรน พยามยื้อกันมาให้นานที่สุด เผื่อหวังว่าสักวันทุกอย่างมันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ทุกๆ วัน ทุกเช้าที่ลืมตาขึ้นมา เราคนร้านอาหารก็ปลอบใจตัวเองมาตลอด ว่าเดียวมันก็ดีขึ้น เดียวอีกสักพักมันก็จะผ่านพ้นไป แต่ในชีวิตจริงทุกๆ วัน เราก็ต้องมานั้งเห็นนั่งฟังว่า ร้านนั้นร้านนี้ปิดตัว พรุ่งนี้อาจจะเป็นร้านเราที่ไม่รอด เราจะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว เลยมีการตั้งกลุ่มประเมินสถานการณ์กันขึ้นมาเอง แต่ที่น่าเศร้าคือ แม้เราจะรวมตัวกันสู้ การมีข้อมูลที่ชัดเจน ทำให้หลายร้านเห็นภาพใหญ่ และถือเป็นเรื่องเศร้าที่การปิดรอบนี้จะเป็นการปิดรอบสุดท้ายของหลายๆ ร้าน เพราะตราบใดที่ยังเป็นรัฐบาลชุดเดิมแก้ปัญหา ทุกคนรู้แล้วว่ามันไม่มีทางที่อะไรๆ จะดีขึ้น
ประเทศนี้คือประเทศที่คนแก่ขโมยโอกาส ขโมยความฝันของคนหนุ่มสาว
ส่วนผมเองนั้น dejavu จากการอ่านหน้าตาผู้นำประเทศ ถ้าผู้นำประเทศเราออกมาแสดงตลกทำท่าทำทางว่าชนะแน่นอน V for Victory บ้าบออะไรนั้น (ดูเปรียบเทียบรูปปีที่แล้วในคอมเมนต์) ปีที่แล้วที่ล็อกดาวน์ นายกฯก็ออกมาทำไม้ทำมือ สับขาหลอกประชาชนแบบนี้แหละ รอบนี้ผมไม่ยอมโดนหลอกแล้ว เห็นลุงชูสองนิ้วผมนี้รีบไปจัดการระบบหลังร้านเลย รู้เลยความชิบหายกำลังกลับมา
การออกคำสั่งตอนเที่ยงคืน โดยไม่ออกมาแถลงเองผมมองว่าเป็นความขี้ขลาดตาขาวที่ชายชาติทหารไม่ควรทำ การออกคำสั่งแบบนี้ คุณไม่ได้เห็นคนเป็นคน คุณเห็นคนเป็นแค่ภาระเป็นแค่ปัญหา และที่สำคัญคือคุณเอาชีวิตคนไปเป็นเบี้ยเดิมพันทางการเมืองปกป้องอำนาจตัวเอง
ปัญหาของประเทศที่แท้จริงคือรัฐบาล หัดยอมรับบ้างว่า มึงนะคือไอ้ขี้แพ้ ไอ้ขี้โกง เลือกตั้งมึงก็ไม่ชนะ เลือกตั้งรอบหน้ามึงก็ไม่มีวันชนะ ยอมแพ้และลาออกไปก่อนที่ประเทศชาติจะพังไปกว่านี้”