xs
xsm
sm
md
lg

การ์ดแนวหน้าม็อบ 13 ก.พ. โพสต์เล่าเหตุการณ์ความวุ่นวาย สาเหตุทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนุ่มการ์ดอาสาแนวร่วมประชาธิปไตย โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ระหว่างม็อบ 3 นิ้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เผยสาเหตุมาจากวัยรุ่นเลือดร้อนเพียงไม่กี่คน ยืนยันแนวทางต่อสู้แบบสันติวิธี

จากกรณีกิจกรรม “นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน” เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ของกลุ่มราษฎร เคลื่อนขบวนด้วยการเดินเท้าจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าไปยังศาลหลักเมือง เพื่อทำพิธีทวงจิตวิญญาณเมืองกลับมาเป็นของราษฎร จนเกิดเหตุการปะทะกันของกลุ่มม็อบ 3 นิ้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “เอส พีระพัฒน์” ที่ระบุว่าตนเองเป็นอาสาการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตย ทีม mayhem และอยู่แนวหน้าในเหตุการณ์วันที่ 13 ก.พ. จึงได้โพสต์ข้อความเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ตนเองเห็นว่าเกิดจากกลุ่มวัยรุ่นหัวร้อนเพียงไม่กี่คน ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำดังกล่าวเช่น โยน ขวด หิน แก้ว ระเบิดประทัด ทั้งนี้ ผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า

“ว่ากันด้วยเรื่อง ม็อบ 13 ก.พ.

ขณะที่ผมกำลังพิมพ์ผมพยายามตรวจอักษรให้ดีที่สุด เนื่องด้วยหนังตาที่บวมจึงทำให้มองแป้นไม่ถนัด ถ้ามีพิมพ์ตกหล่นก็ขออภัย การที่ผมอาสามาเป็นการ์ดแนวร่วมประชาธิปไตย ในนามทีม mayhem สิ่งสำคัญเลยคือการ เห็นด้วยในแนวทางความเป็นประชาธิปไตย และไม่เอารัฐบาลที่สร้างกลโกง กติกาพิเศษเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ตัวเองที่ไม่มีความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศ และที่สำคัญอยากให้คนทำรัฐประหารในประเทศต้องได้รับผลโทษ (ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ยังอีกไกลนัก)

ในการมาม็อบแต่ละครั้ง ผมไปเพื่อปกป้องคนในม็อบ จากกลุ่มปั่นป่วน มือที่ 3 หรือแม้แต่ฝ่ายตำรวจ หากเกิด การปะทะ จะประเมินสถานการณ์กับทีมเพื่อไม่ให้เกิดสูญเสีย และเสี่ยง หรืออะไรที่ช่วยได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ เพราะผมชื่นชมในแกนนำที่จะเดินหน้าโดย “สันติวิธี”

แต่ว่าในแต่ละครั้งก็มักจะมีการปะปนของเหล่าวัยรุ่นเลือดร้อน ห้าว และไม่ฟังคำเตือนแกนนำ มีการพกอาวุธ มีการมาดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่จัดงาน ควบคุมสติไม่อยู่และกระทบกระทั่งกันเองหรือกลุ่มอื่นก็บ่อยครั้ง แต่ในบางครั้งกลุ่มวัยรุ่นที่ใจเย็นและมีสติก็ร่วมต่อสู้อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่ เป็นกำลังเสริมอย่างดีในยามที่มีเหตุการณ์รุนแรงปะทะกับเจ้าหน้าที่

เหตุการณ์วันที่ 13 ขณะที่ ครูใหญ่ เดินมาเจรจากับตำรวจ ผมอยู่แนวหน้า กั้นพื้นที่แนวหลังให้ครูใหญ่เพื่อไม่ให้นักข่าวเข้ามาแออัดจนเกินไป เพื่อเซฟความปลอดภัย

ทีมการ์ดได้ประเมินสถานการณ์ครั้งนี้แล้วว่า การบุกเข้าใกล้พื้นที่วัดพระแก้ว จะมีความเสี่ยงเช่นไร เนื่องจากเป็นเขตพระราชฐาน สามารถใช้อาวุธจริงปราบปรามม็อบได้ แนวทางดีสุดคือ ให้แกนนำเจรจา เพื่อให้ตำรวจและม็อบ ต่างฝ่ายต่างยุติ ซึ่งจะเป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย และม็อบก็ได้ทำกิจกรรมแสดงออกได้โดยสมบูรณ์แล้ว ขณะมีการเจรจา จนตำรวจยอมรับข้อตกลง และยอมอ่อนท่าที แต่มีกลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรงทางด้านขวามือของ คฟ. พยายาม ยั่วยุ และปะทะ จะพยายามบุกทำร้ายเจ้าหน้าที่ คฟ.ซึ่งตั้งกองกำลังอย่างนิ่งเฉย จนทีมการ์ดม็อบไประงับเหตุ ก็เกิดการณ์กระทบกระทั่งด่าทอ และจะเข้ามาทำร้ายทีมการ์ดม็อบ

หลังจากนั้น ครูใหญ่ จึงเดินมาหน้ารั้ว หลังลวดหนามเพื่อพยายามบอกกลุ่มวัยรุ่นหน้าลวดหนามให้ใจเย็นๆ แต่ไม่เป็นผล หลังจากนั้นมีการขว้างปาขวดน้ำและสิ่งต่างๆ ตามมาทันที ทั้งๆ ที่นักข่าว และแกนนำยังอยู่ด้านหน้าตำรวจ!!! มีขวด หิน แก้ว แม้แต่ระเบิดประทัด โยนใส่เข้ามาด้านหน้า ซึ่งก็มีผู้บาดเจ็บหลายราย สิ่งเหล่านี้ไม่มีใครอยากให้เกิด คิดว่าถ้ามวลชนบุกเข้าไปเขตวัดพระแก้ว อะไรจะตามมา กลุ่มวัยรุ่นระงับอารมณ์ตัวเองได้หรือ ถ้าเกิดตำรวจใช้กระสุนจริงเขตพระราชฐาน คุ้มไหม

ผมไม่อยากโทษใคร ผมอาสามาจุดนี้ มันมีความเสี่ยงที่จะต้องปะทะ ผมรับได้ แต่ ... หากจะปะทะก็ขอปะทะอย่างมีเหตุผล ถ้าตำรวจทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ถ้าตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุ หรือใช้สิทธิอย่างไม่ถูกต้องกับประชาชน ผมพร้อมยืนหยัดสู้เคียงข้างอย่างเต็มที่แน่นอน

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าฝ่ายใดก็ตามที่ใช้ความรุนแรงหรือสร้างสถานการณ์ ถ้าไม่ชอบแนวทางสันติวิธีก็แยกไปรวมเฉพาะ ดีไหมครับ

การขว้างปา อย่างไร้สติ โดยไม่คำนึงว่าจะถูกพวกเดียวกันหรือไม่ หรือการใช้อารมณ์บางอย่างที่ทำให้เหตุการณ์เกินเลยซึ่งมันไม่น่าเป็นผลดีในแนวทางการต่อสู้ ที่ใช้คำว่า “สันติวิธี” เพราะคนที่เขาต้องการมาแสดงออกอย่างสันติก็ไม่ได้อยากเห็นการถูกกระทำไม่ว่าจะฝ่ายไหนโดนกระทำก็ตาม ผมเคารพการตัดสินใจของทุกกลุ่ม และยังพร้อมร่วมทุกกิจกรรมเหมือนเดิม”

กำลังโหลดความคิดเห็น