นักเขียนด้านสิทธิมนุษยชนเผย กลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมา แฉ 5 ปี รัฐบาลฝ่ายซูจี บ้านเมืองไม่ได้เจริญขึ้น เหยียบย่ำบีบคั้นชนกลุ่มน้อย ไม่อยากร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธุ์ ผลาญงบฯ จ้างฝรั่งเกือบร้อยนั่งที่ปรึกษาประเทศ ทั้งที่ประชาชนยังยากจน เลือกตั้งล่าสุดสารพัดโกงเละเทะ “มิน อ่อง หล่าย” บอกหลายครั้งแต่ไม่ฟัง ดึงดันจะเปิดสภา ให้ได้ กลายเป็นรัฐประหารครั้งล่าสุด
วันนี้ (3 ก.พ.) จากสถานการณ์รัฐประหารในประเทศเมียนมา หลังจาก พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ควบคุมตัว นางออง ซาน ซูจี หัวหน้าพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) และ นายวิน มินต์ ประธานาธิบดีเมียนมา และประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้สัญญา 1 ปี จะจัดให้มีเลือกตั้งใหม่
เฟซบุ๊ก “นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว” ของ น.ส.นิพัทธ์พร เพ็งแก้ว นักเขียนด้านสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความถึงเหตุการณ์ดังกล่าว จากการสัมภาษณ์เพื่อนสัญชาติพม่า และคนของกลุ่มชาติพันธุ์ในช่วงที่ผ่านมา ในตอนหนึ่ง ระบุว่า ทหารพม่าได้เข้าจับกุม นักการเมืองท้องถิ่น ที่รัฐบาลซูจีของพรรค NLD แต่งตั้งให้ทำงานอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ดังที่ท่าขี้เหล็ก (เมืองในรัฐฉาน) ผู้นำท้องถิ่นสังกัดพรรค NLD ของซูจี โดนรวบแล้ว และตามเมืองต่างๆ ทหารได้เข้าล็อกตัวผู้นำที่รัฐบาลซูจีแต่งตั้งไว้แล้ว แต่ผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ และคนของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ทำงานทางการเมืองโดยตรง ยังไม่โดนอะไร
สำหรับในประเทศเมียนมา ได้ประสานงานกับเพื่อนสัญชาติพม่าที่อยู่ในเมียนมา เขาบอกชีวิตชาวบ้านทุกอย่างยังสงบ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เพิ่งมีประกาศเป็นทางการในทีวีพม่า ว่า มีการแต่งตั้ง อู มิน ส่วย รองประธานาธิบดีพม่าคนที่ 1 ขึ้นรักษาการประธานาธิบดีชั่วคราว ทั้งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในประเทศ 1 ปี ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่ ให้โปร่งใสกว่านี้
จากการสอบถามเพื่อนกลุ่มชาติพันธุ์ และติดต่อทางสื่อออนไลน์คุยกับเพื่อนในเมียนมา โดยได้รับทราบมาตลอดหลายปี และรวบรวมเหตุการณ์รัฐประหาร พบว่า การรัฐประหารครั้งนี้ ทั้งประชาชนพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมาก เป็นส่วนใหญ่ก็ว่าได้ เห็นด้วยกับทหาร ประชาชนไม่เอาด้วยกับซูจี และนักการเมืองพรรค NLD สำหรับทางกลุ่มชาติพันธุ์แล้ว แม้หลายปีมานี้ ในช่วงรัฐบาลซูจี ทางซูจีจะช่วยชนกลุ่มน้อยหลายอย่าง แต่ก็เหยียบย่ำบีบคั้นชนกลุ่มน้อยอย่างมาก บังคับให้ผู้นำทุกกลุ่มชาติพันธุ์ต้องพูดภาษาพม่าในรัฐสภา กระทั่งนักการเมืองพรรค NLD เองจะเสนอแนวคิดใดในสภา ก็ต้องนำเสนอประเด็นที่จะพูดในรัฐสภากับซูจีก่อน จึงจะได้รับโอกาสให้เสนอความเห็นในสภาได้
นักการเมืองเมียนมาจำนวนมาก และกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มเจอเรื่องสุดแสบจากซูจีมาตลอด 5 ปี จนเข็ดขี้อ่อนขี้แก่ จนกระทั่งมีนักการเมืองรุ่นใหม่ ทั้งของเมียนมาและชนกลุ่มน้อยไม่เอากับ NLD และเข้ารวมตัวกันกับทหารรุ่นใหม่ เข้าสู่สนามเลือกตั้งในช่วงการเลือกตั้งปลายปีที่ผ่านมา
ส่วนเพื่อนกลุ่มชาติพันธุ์บอกกำลังตรวจเช็ก จะเป็นการรัฐประหารยาว หรือทำแค่ควบคุมระยะสั้น เพราะตอนนี้เป็นช่วงเลือกตั้งเสร็จใหม่ๆ เหลือเวลาให้ต้องเปิดรัฐสภาให้ได้ภายใน 10 วัน ถ้าเปิดสภาไม่ได้ ผลเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ ทหารต้องการให้ผลเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะโกงมาก และทางซูจีจะต้องเปลี่ยนรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่แน่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญเอื้อกับการใช้อำนาจของทหารมาก ดังนั้น ทหารต้องยึดอำนาจ ตรงนี้กลุ่มชาติพันธุ์ก็ต้องการที่สุดในการแก้ รธน. แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา กลุ่มชาติพันธุ์ก็ถูกบีบบังคับอย่างที่สุดจากซูจีด้วย และกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากได้เมินเฉยไม่เอากับรัฐบาลซูจีไปมากแล้วด้วย
“ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเมียนมา และผู้ใหญ่ในกลุ่มชาติพันธุ์ที่พบปะติดต่อกัน มีความเห็นว่า ดีที่มีการรัฐประหาร เพราะ NLD ของซูจี โกงเลือกตั้งมาก คนตายแล้วยังมีชื่อไปเลือกตั้ง บางคนชื่อมีสิทธิเลือกตั้งอยู่ถึง 3-4 เมือง และมีการไปเลือกตั้งทุกเมือง, คนไม่มีบัตรประชาชน คนอายุไม่ถึงเกณฑ์ ยังเข้าไปเลือกตั้งได้ หลายเมืองมากที่เสียงคนลงคะแนนเกินจำนวนคนมีสิทธิจริง การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาในพม่า มีการโกงอย่างโจ่งแจ้ง เละเทะมาก กระทั่งทหารเอง นายพล มิน อ่อง หล่าย ออกมาบอกหลายครั้ง ให้ตรวจสอบการโกงเลือกตั้ง เพื่อให้เกิดความยุติธรรมก่อนเปิดสภา เพราะไม่เป็นประชาธิปไตยจริง ไม่สะอาด ไม่ถูกต้อง มิน อ่อง หล่าย ออกมาบอกหลายครั้ง ซูจี และ NLD ก็ไม่ฟัง จะเปิดสภาให้ได้ จนเมื่อ 3-4 วันก่อน ทหารกับ NLD ประชุมกันที่เนปีดอว์ ทหารขอให้มีการตรวจสอบการเลือกตั้งก่อน ให้ประชาชนได้เห็นความยุติธรรม ความสะอาดโปร่งใสก่อนค่อยเปิดสภา แต่ซูจี และ NLD ไม่ยอม ยืนยันจะเปิดสภาให้ได้”
ผู้โพสต์กล่าวอีกว่า การรัฐประหารครั้งนี้ คนเมียนมาและผู้นำทางความคิดของกลุ่มชาติพันธุ์เห็นด้วย เพื่อนที่เคยถูกทหารพม่าจับติดคุก และต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตลอด ยืนยันว่า ดีที่มีการรัฐประหาร เขาเห็นด้วยกับการรัฐประหาร เพราะทหารไม่ได้มายึดอำนาจเหมือนครั้งก่อน แต่ทหารมาเป็นนายกสภาฯ อูมินส่วยมารักษาการประธานาธิบดี ภายใน 1 ปี จะมีการเลือกตั้งใหม่ ที่คนจำนวนมาก ผู้นำทางความคิดของกลุ่มชาติพันธุ์จำนวนมากเห็นด้วยกับการยึดอำนาจของทหารครั้งนี้ เพราะตลอดหลายปีในการปกครองของซูจีและรัฐบาลพรรค NLD ซูจีได้ทำในหลายสิ่งที่ประชาชนต่อต้าน ไม่เห็นด้วย เป็นการกระทำที่แย่มากๆ
ตัวอย่างเช่น ซูจีไปเอาคนยุโรป ฝรั่งต่างประเทศมาเป็นที่ปรึกษาประเทศจำนวนถึงประมาณ 90 กว่าคน แต่ละคนต้องจ่ายเงินเดือนเขาอย่างน้อยเดือนละ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (60,000 บาท) ทั้งที่ประเทศเมียนมายากจนมาก ประชาชนยากจนมาก ไม่มีเงิน แต่ซูจีเอางบประมาณชาติมาผลาญ ตลอด 5 ปีของรัฐบาลซูจีเสียเงินไปมาก ทั้งที่คนพม่าเองที่เก่งๆ มีความรู้ในเมืองก็มีมาก ซูจีไม่เอาไปปรึกษา เธอเห็นแก่ชาติตะวันตก ประเทศเมียนมาจะเอาแบบตะวันตกไม่ได้ เราไม่เหมือนกัน ชนกลุ่มน้อยก็มีมาก คนไม่มีการศึกษาก็มาก ตลอด 5 ปี ของการปกครองของซูจี บ้านเมืองไม่ได้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาเลย งบประมาณที่ซูจีเอาไปให้ที่ปรึกษาฝรั่ง เอามาช่วยการศึกษาดีกว่า แต่ซูจีและ NLD ไม่ทำ
“ที่สำคัญ ซูจีไม่เห็นหัวชนกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่อยากร่วมมือกับกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่อยากเอาคนของกลุ่มชาติพันธุ์เข้าร่วมทำงานการเมืองในสภา ซูจีไม่เอาอย่างชัดเจนมาก ดังนั้นรัฐประหารครั้งนี้น่าจะดีกับประเทศของเรา มากกว่าปล่อยให้ซูจีเปิดสภาแล้วตั้งรัฐบาลปกครองประเทศต่อไป” ผู้โพสต์ ระบุ