“รสนา” เสนอใช้ “ฟ้าทะลายโจร” เป็นทางเลือกต้านภัยโควิด หลังกรมการแพทย์แผนไทยฯ ทดลองทางคลินิกเบื้องต้น พบว่า ผู้ป่วยทุกรายหายเป็นปกติ แนะรัฐส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนปลูกฟ้าทะลายโจร เพื่อใช้เองและขาย เพื่อสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
วันที่ 23 ม.ค. 2564 น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. กทม. ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า ... ฟ้าทะลายโจรกับโควิด 19 ใช้ภูมิปัญญาไทยสร้างภูมิคุ้มกันทางสังคม
เมื่อวันสิ้นปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2564 ดิฉันมีอาการระคายคอ และมีอาการรุมๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว เป็นสัญญาณว่ากำลังจะเป็นไข้หวัด ทั้งที่ไม่เคยเป็นหวัดมาหลายปี เกิดอาการประสาทขึ้นมาว่า “เราติดโควิด” หรือเปล่า ?เพราะช่วงนั้นข่าวโควิด-19 แพร่ระบาดรอบใหม่ที่สมุทรสาคร กำลังเป็นข่าวดัง บ้านที่อยู่ของดิฉันก็เป็นเขตรอยต่อ กทม.กับจังหวัดสมุทรสาคร เสียด้วย
อาศัยที่เคยเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและช่วยเหลืองานในโครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งตนเอง และมูลนิธิสุขภาพไทยมาตลอดร่วม 40 ปี จึงมีความรอบรู้เรื่องการใช้ยาสมุนไพรพอสมควร มูลนิธิสุขภาพไทยซึ่งเป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ และตัวดิฉันเองก็มีส่วนในการผลักดันสมุนไพร 5 ตัว เข้าบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติเมื่อปี 2542 สมุนไพรหนึ่งใน 5 เสือ คือ ฟ้าทะลายโจร ซึ่งดิฉันมีติดบ้านอยู่ตลอด ฟ้าทะลายโจรมีสรรพคุณแบบยาปฏิชีวนะของไทย
ดิฉันเริ่มกินฟ้าทะลายโจรลูกกลอนครั้งละ 8 เม็ด ทุก 2 ชั่วโมง และอม 1 เม็ด เพื่อลดอาการคันยิบๆ ในลำคอ ชั่วเวลา 1 วัน 1 คืน อาการก็ดีขึ้น รู้สึกได้เลยว่าสยบอาการระคายคอ และอาการครั่นเนื้อครั้นตัวได้อย่างเห็นผลชัดเจน แต่ที่สำคัญคือ อาการวิตกกังวลของดิฉันหายเป็นปลิดทิ้งเลย แต่เพื่อความไม่ประมาท ดิฉันก็ยังกินฟ้าทะลายโจรต่อมาอีก 2 วัน โดยกินห่างลงเหลือทุก 4 ชั่วโมง จากนั้นเริ่มกิน “ยาขาว” ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อตัดโรคให้เด็ดขาด ยาขาวเป็นยาตำรับหนึ่งจาก “จารึกวัดโพธิ์” อันเก่าแก่ เป็นยาสมุนไพรใน “โครงการรวมพลังเครือข่ายแพทย์แผนไทยสู้ภัยโควิด-19” ที่คุณหมอยิ้มและคณะดำเนินการอยู่ คุณหมอยิ้ม หรือ นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ปัจจุบันเป็นรองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
โครงการสมุนไพรต้านภัยโควิด-19 ที่โด่งดังที่สุดในเวลานี้ คือ โครงการวิจัยการใช้ฟ้าทะลายโจรในผู้ป่วยโรคโควิด-19 ระดับอาการที่มีความรุนแรงน้อย ของกระทรวงสาธารณสุข โดยกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
แม้จนบัดนี้ยังไม่มีวัคซีนและยาที่สามารถตอบโจทย์ได้เต็มร้อย แต่ทั้งหมอแผนไทย หมอแผนปัจจุบัน และผู้ป่วยก็รอไม่ได้ จำเป็นต้องใช้ความรู้และภูมิปัญญาที่มีอยู่เยียวยาตัวเอง และสร้างภูมิคุ้มกันทางสุขภาพในสถานการณ์โรคระบาด ซึ่งไม่รู้ว่าจะยุติในวันใด กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แตะมือกับสถาบันการแพทย์ใหญ่ๆ อย่างคณะแพทยศาสตร์ศิริราช กับสถาบันจุฬาภรณ์ ในปี 2563 ได้ทำการศึกษานำร่องผลของยาฟ้าทะลายโจรขนาดสูงฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเซลล์มนุษย์ที่เลี้ยงในหลอดทดลอง ได้ผลสำเร็จ 100% จนนำไปสู่กระบวนการวิจัยขยายผลขั้นต่อไปในผู้ป่วยโควิด-19 ในครึ่งปีหลัง สถานที่วิจัยทางคลินิกเบื้องต้น คือ โรงพยาบาลสมุทรปราการ อันเป็นสถานกักกันโรคของรัฐบาล ที่ใช้รองรับผู้ป่วยโควิด-19 จากต่างประเทศ ที่ผ่านสนามบินสุวรรณภูมิเข้ามา กลุ่มศึกษาอยู่ระหว่าง 6-10 คน ซึ่งยืนยันตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา ซารส์ชนิดที่ 2 ภายใน 3 วัน หลังจากปรากฏอาการไข้ หรือไอแล้ว ก็ให้ใช้ฟ้าทะลายโจรโดยเลือกเฉพาะรายที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง ส่วนรายหนักๆ จะส่งไปรักษาด้วยกรรมวิธีแผนปัจจุบันที่สถาบันบำราศนราดูร ผลสรุปจากการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกเบื้องต้นครั้งนี้ พบว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ทุกรายหายเป็นปกติ
มูลนิธิสุขภาพไทยยังมีข้อมูลการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการรักษาโรคติดเชื้อหลายชนิดได้ผลดีจนได้ฉายาว่ายาเพนนิซิลินสมุนไพร เฉพาะโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเองมีผลการใช้ทางคลินิกในผู้ป่วย 2,717 ราย รักษาหายถึง 2,430 ราย หรือราว 87.4%
ขณะนี้ประชาชนคนไทยกำลังรอคอยว่าจะมีโอกาสได้ใช้วัคซีนต้านโควิดกับเขาในอนาคตอันใกล้ แต่คงไม่เร็วกว่าครึ่งปีต่อจากนี้ แม้มีวัคซีนต้านโควิด เข้ามาในไทยแล้ว แต่ใช่ว่าคนไทยทุกคนจะได้รับบริการแบบถ้วนหน้า สนนราคาก็คงไม่ถูกนัก และก็อาจไม่ใช่ยาวิเศษ ที่จะตอบโจทย์การป้องกันโควิดได้ 100% เมื่อเร็วๆ นี้ มีการสำรวจความเต็มใจรับบริการฉีดวัคซีนในหลายประเทศ ปรากฏว่า ประเทศที่ประชาชนมีความวิตกกังวลกับผลข้างเคียงของวัคซีนมากที่สุดกลับเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างญี่ปุ่น ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ เป็นต้น จนองค์การอนามัยโลกจัดให้ความกังวลในการฉีดวัคซีนของประชาชนเป็น 1 ใน 10 สุดยอดภัยคุกคามอนามัยโลก
อย่างไรก็ดี เรายังมีภูมิปัญญาไทยในเรื่องสมุนไพรที่สามารถนำมาใช้ได้ทันทีในวันนี้เลย และน่าจะเป็นทางเลือกที่มีราคาถูกกว่า และพิษภัยน้อยกว่า เพื่อเป็นมาตรการต้านภัยโควิด-19 ควบคู่ไปกับวิทยาการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 มาตรา 55 วรรคหนึ่งที่ว่า
“รัฐต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง เสริมสร้างให้ประชาชนมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
ในที่นี้ดิฉันขอขีดเส้นใต้ประโยคที่ว่า “...และส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการพัฒนาภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุด”
ถ้ามีการส่งเสริม และสนับสนุนให้ประชาชนปลูกฟ้าทะลายโจร ทั้งเพื่อใช้เอง และขายเพื่อผลิตยา ก็จะเป็นวิสาหกิจที่สร้างรายได้ อีกทางหนึ่ง ในยามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเงินกู้ไม่รู้จบ ซึ่งในที่สุดก็จะกลับมาเป็นหนี้ท่วมหัวประชาชนโดยรัฐบาลที่สร้างหนี้หายหัวไปหมดแล้ว เราจึงไม่ควรมุ่งแต่ทุ่มเทงบประมาณมหาศาลเพื่อซื้อวัคซีนโดยไม่คิดถึงการพึ่งตนเองและการมีรายได้ของประชาชนในยามวิกฤตครั้งนี้