“นพ.ระวี” แจงยานยนต์ไฟฟ้ามีส่วนสำคัญหลักเพียง 3 อย่าง “แบตเตอรี่-มอเตอร์ไฟฟ้า-ระบบควบคุม” ซึ่งกินราคาของรถคันนึงถึง 70% หากรัฐบาลสนับสนุนจริงจัง ประชาชนตื่นตัวใช้กันมาก ไทยมีศักยภาพสามารถผลิตได้เองทั้งหมดภายใน 5-10 ปี
วันที่ 21 ธ.ค. 2563 นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า สภาผู้แทนราษฎร ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “เปิดยุคยานยนต์ไฟฟ้า ไทยจะก้าวไปทางไหน ?”
โดย นพ.ระวี กล่าวในช่วงหนึ่งว่า ไทยเรามีอุตสาหกรรมรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ตอนนี้เริ่มปรับเปลี่ยนว่าทุกค่ายเริ่มผลิตรถ EV (รถยนต์ไฟฟ้า) แต่ยังเน้นเป็นรถไฮบริด และบางส่วนเป็นรถแบตเตอรี่จริงๆ อันนี้เป็นแนวโน้มของประเทศไทย
สิ่งที่สภาได้มีการตัดสินใจตั้งอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้า เพราะในสภาเห็นแล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนไป เลยศึกษาว่าเนื่องจากไทยมีอุตสาหกรรมเครื่องยนต์สันดาปภายใน ถ้าเราปรับเปลี่ยนไม่ทันสถานการณ์จะก่อให้เกิดผลเสีย เพราะอุตสาหกรรมคนไทยผลิตรถยนต์ได้ปีละ 2 ล้านคัน มีแรงงานที่เกี่ยวข้องประมาณ 5-7 แสนคน
รถไฟฟ้าคันนึงค่าใช้จ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ คือ ค่าแบตเตอรี่ คือ แพงมาก ตัวต่อมาคือ มอเตอร์ไฟฟ้า และอีกตัวคืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระบบควบคุม รวมสามอย่างนี้กินค่ารถยนต์ไปถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ต่างจากรถสันดาปภายใน ไทยเป็นดีทรอยต์ของเอเชีย แต่เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้เอง แต่ถ้าอุตสาหกรรมยานยนต์รถไฟฟ้า ส่วนสำคัญมีแค่ 3 อย่าง ฉะนั้น ประเทศต่างๆ ถ้าใครจะเริ่มสร้างรถอุตสาหกรรมยานยนต์รถไฟฟ้า ภายใน 5-10 ปี จะสามารถผลิตได้ด้วยตัวเองทั้งหมด ซึ่งไทยได้เปรียบเพราะมีพื้นฐานอยู่แล้ว ถ้าเราตัดสินใจนโยบายผิด จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยน้ำตาตกในได้เลย
นพ.ระวี กล่าวอีกว่า ตอนนี้ไทยเรามีบริษัทเอกชน ตั้งเป้าผลิตแบตเตอรี่ตั้งแต่ขั้นเซลล์เลย ส่วนตัวมอเตอร์ สวทช. สามารถถ่ายทอดเทคนิคเชิงวิชาการได้ ซึ่งเอกชนถ้ามีปริมาณผลิตพอเหมาะคุ้มค่าที่จะลงทุน เขาสามารถวิจัยศึกษาทำได้ภายในไม่กี่ปี แต่วันนี้ยังนำเข้าหมดพราะไม่คุ้มที่จะผลิตเอง