xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : “เนชั่น” สื่อมืออาชีพ …..ถถถถถถถ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ”จี้ไอลอว์หยุดแถ อ้างรับเงินต่างชาติมาโดยไม่มีเงื่อนไข แต่การเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะกระทบสถานบันหลักของประเทศ คือสิ่งที่ต่างชาติต้องการ จี้อาจารย์ 1,118 คนรีบลาออก หลังจากนายกฯ ไม่ทำตามข้อเรียกร้องภายใน 10 วันตามที่ยื่นคำขาด แนะทีหลังออกแถลงการณ์อย่าเอาเชือกมักคอตัวเอง ชี้ความขัดแย้งในเนชั่น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะขัดผลประโยชน์ แต่สาเหตุสำคัญเพราะ “ฉาย” เป็นนักเล่นหุ้น เมื่อม็อบเด็กขู่แบนสินค้าที่ลงโฆษณา กระทบธุรกิจ ก็เกิดอาการตื่นตูม เลยต้องเปลี่ยนอุดมการณ์ บีบทีมของ “อัญชะลี-สันติสุข-กนก-ธีระ”ลาออก โดยอ้างความเป็นมืออาชีพ ความเป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 ทั้งที่ตนเองไม่ใช่สื่อมืออาชีพ ไม่มีศรัทธาที่ชัดเจน เทียบกับกลุ่มของ“อัญชะลี”ยังมีจุดยืนชัดเจนกว่าในการปกป้องสถาบัน ขณะที่ “อดิศักดิ์”ที่ถูกดึงกลับมาทำงานให้ก็หนุนม็อบ 3 นิ้วเต็มตัว “ฉาย”ต้องประกาศให้ชัดเจนว่ายังมีจุดยืนปกป้องชาติ-ศาสน์-กษัตริย์อยู่หรือไม่ อย่ายึกยัก อ้างคำพูดสวยหรู และปัญหาจะไม่จบเพราะหลายคนในเนชั่นก็ไม่ชอบ “อดิศักดิ์” รวมท้ั้งกลุ่มคนดูที่เคยชอบเนชั่นเพราะการปกป้องสถาบันก็จะหายไป


วันที่ 13 พ.ย. เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยสัปดาห์นี้มีทั้งเรื่องที่ต่อเนื่องมาจากศุกร์ที่เเล้ว และอีกหลายเรื่องที่ต้องพูด อาทิ เนชั่นออกมาเเถลงข่าวจากท่านประธานว่าเป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 และเป็นสื่อมืออาชีพ มาดูกันว่าที่ว่าเป็นมืออาชีพเป็นอย่างไร ทำไมถึงต่อแถวยื่นใบลาออก มีเบื้องลึกที่หลายคนไม่รู้ โดยเฉพาะการเอา อดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ที่หนุนม็อบ 3 นิ้วเข้ามาเป็นผู้บริหาร มีนัยอะไร
กรณี iLaw โต้ไม่ผิดที่รับเงินสนับสนุนจากต่างชาติมา แต่เป็นองค์กรหัวเรี่ยวหัวแรงในการเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญ เป็น NGO ที่มีจุดมุ่งหมายด้านการเมืองอย่างชัดเจน อันนี้ควรหรือไม่
รวมทั้งเรื่องจีนขวาง IPO แอนท์กรุ๊ป เกิดอะไรขึ้นกับ เเจ็ก หม่า



คำต่อคำ SONDHI TALK [13 พ.ย. 63] : เนชั่น สื่อมืออาชีพ….


วันนี้ผมจะมาบอกให้ฟังว่าช่องทางการติดต่อของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK ได้ทางไหนบ้าง ทางแรกคือทางเฟซบุ๊ก ให้กด Like หรือกด Follow แล้วกดติดตาม แล้วเลือก See First ไปเลยในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพื่อให้บางคนที่ยังไม่ได้อยู่ดูได้ความรู้กับสิ่งที่ผมพูด แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ไลฟ์สดผ่านยูทูปเช่นกัน ให้เข้าไปใน YouTube ค้นหาคำว่า SONDHI TALK กด Subscribe เอาไว้ เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่รายการในอดีต "มองโลก มองเรา กับสนธิ" "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" จนมาถึงรายการ "SONDHI TALK"


สำหรับแฟนรายการคนไหนอยากดูเนื้อหา ตลอดจนการถอดคำพูดเป็น text ก็ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะจะรวมไว้ในเว็บไซต์โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ครบทุกเรื่องทีเดียวครับ


สุดท้าย สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่อยากฟังเสียงผม อยากฟังเรื่องราวที่ผมพูด ก็เข้ามาฟังที่ podcast ถ้าท่านที่ใช้ iPhone - iOS ก็เข้าไปที่แอปฯ podcast เมื่อกดเข้าไปแล้วก็ search คำว่า SONDHI TALK ก็จะมีให้ทุกรายการ ส่วนท่านผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์ระบบ android ก็กดเข้าไปเหมือนกัน แต่จะมีคำว่า Podbean แล้วก็กดเข้าไป


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 13 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ศุกร์นี้มีเรื่องเยอะมาก แต่บางเรื่องก็สั้น บางเรื่องก็ยาว แต่ส่วนใหญ่แล้วจะสั้น จะมีเรื่องสุดท้ายที่จะยาว เราจะมีเรื่องของการเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ซึ่งรายละเอียดคงมีไม่มาก แต่ว่าจะเล่าเป็นเกร็ดให้ฟัง เพราะว่ายังไม่จบ เพราะว่ามีเด็กดื้อ เด็กเกเรที่ชื่อไอ้ทรัมป์บ้า ยังไม่ยอมพ่ายแพ้ ป่วนบ้านป่วนเมืองไปหมด

เรื่องที่สอง คือเรื่องข่าวดีของบริษัทที่ผลิตวัคซีน ชื่อไฟเซอร์ ซึ่งแจ้งมาว่าสามารถที่จะรักษาได้มีประสิทธิผลถึง 90 เปอร์เซ็นต์ เรื่องที่สาม คือเรื่องแจ๊ก หม่า เจ้าของอาลีบาบา โดนประเทศจีนตบกะโหลกเพื่อสั่งสอน เรื่องที่ห้า คือเรื่องไอลอว์ (iLaw) องค์กรพัฒนาเอกชนที่รับเงินต่างชาติมา ไม่ผิด แต่ฟังพูดก็แล้วกัน สนุกสนาน เรื่องที่หก คือเรื่องอาจารย์ 1,118 คน ที่เขียนแถลงการณ์และประกาศขู่ว่าถ้านายกฯ ไม่ลาออก อาจารย์จะลาออก และเรื่องสุดท้าย คือเรื่องเนชั่น เรื่องเนชั่นจะเป็นเรื่องที่สุดๆ และอาจจะมีเรื่องต่อเนชั่น ขึ้นอยู่กับการตอบโต้เป็นอย่างไร ถ้ามีการตอบโต้ออกมาอย่างที่ไม่เป็นความจริง คราวนี้ก็ขุดรากถอนโคนกันเลย


ท่านผู้ชมครับ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาในวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 ระหว่างนายโจ ไบเดน กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ท่านผู้ชมคงจะทราบข่าวมาแล้วว่า โดยหลักการแล้ว ด้วยคะแนนเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคะแนนเสียง Popular Vote หรือคะแนนเสียง Electoral Vote นายไบเดน ชนะนายทรัมป์ ไป ถึงแม้ว่า Popular Vote จะชนะจำนวนที่เป็นหลักไม่กี่ล้านเสียง ผมเข้าใจว่าส่วนต่างน่าจะมีประมาณ 3-4 ล้านเสียง เอง ต้องถือว่าเป็นเปอร์เซ็นต์ในการชนะที่น้อยพอสมควร แต่ Electoral Vote นั้นก็คือว่า รัฐแต่ละรัฐจะมีคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตามคะแนนเสียงที่แต่ละคนที่เป็นผู้สมัครได้ แล้วคณะกรรมการพวกนี้ก็จะเทเสียงเอาไป เขาเรียก Electoral Vote หรือที่เรียกว่า คณะผู้เลือกตั้ง โดยที่ทั้งหมดนี้ คะแนนเสียงมีทั้งหมด 538 เสียง ถ้าเกินครึ่งหนึ่งก็ถือว่าชนะทันทีเลย ถึงแม้ว่า Popular Vote ของคนที่ได้เกินครึ่งจะแพ้ แต่ถ้าคณะเลือกตั้งเลือกให้คนนี้ชนะ Popular Vote ก็ไม่มีความหมาย เป็นระบบซึ่งเกิดขึ้นมานานแล้ว ในสมัยโบราณ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะมีการแก้ไขหรือเปล่า เพราะว่าตัว Electoral Vote หรือที่ผมเรียกว่า คณะเลือกตั้งนั้น จำนวนของคณะเลือกตั้งมันจะมีมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับจำนวนประชากร อย่างเช่นกรณีของแคลิฟอร์เนีย มีคณะเลือกตั้งสามารถจะเลือกได้ถึง 55 เสียง เทกซัสจะมี 38 เสียง นิวยอร์ก 29 เสียง ฟลอริดา 29 เสียง เพนซิลเวเนีย 20 เสียง แล้วก็เป็นที่เพนซิลเวเนียนี่ล่ะที่นายไบเดน ชนะนายทรัมป์ ก็เลยได้คะแนนเสียงมาอีก 20 เสียง ก็เลยทำให้นายไบเดน ได้คะแนนเสียงจาก Electoral Vote เกินกว่า 270 น่าจะขึ้นไปประมาณ 280 กว่า โอไฮโอ 18 เสียง มิชิแกน 16 เสียง อะไรต่ออะไรแบบนี้

แต่ว่าปัญหาเรื่องการเลือกตั้งที่ผมจะพูดในวันนี้ ผมคงจะพูดไม่มากนัก เหตุผลที่จะพูดไม่มากนักก็เพราะว่า นายทรัมป์ เป็นคนเกเร ในขณะนี้นายทรัมป์ พยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์สุดเดช โดยการที่จะให้กลุ่มของตัวเอง คณะของตัวเอง คณะผู้หาเสียงของตัวเองนั้น ยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อฟ้องร้องว่ามีการคดโกง ทุจริตขึ้นมา ซึ่งไม่มีหลักฐานเสนอออกไปเลยแม้แต่นิดเดียว ทั่วทั้งประเทศ ถามว่าหลักฐานอยู่ที่ไหน นายทรัมป์ ก็ไม่ยอมบอก แล้วก็ไม่มี เข้าใจว่ายื่นไปแล้วหลายศาล แล้วศาลก็ยกคำร้องว่าไม่มีหลักฐาน ไม่มีเหตุผลที่จะมาร้อง


นอกจากนั้นแล้ว นายทรัมป์ ก็ยังแกล้งนายไบเดน ต่อ ก็คือว่านายทรัมป์ ยังมีสิทธิเป็นประธานาธิบดีอยู่จนกระทั่งถึงวันที่ 20 มกราคม แต่โดยมารยาทแล้ว เมื่อเขาเลือกตั้งได้แล้ว นายทรัมป์ จำเป็นที่จะต้องยอมรับความพ่ายแพ้ แต่นายทรัมป์ ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ก็คือป่วนเพื่อหาเรื่องว่าคดียังไม่จบนะ เรื่องการเลือกตั้งครั้งนี้ยังไม่จบ ผมโดนโกง เหตุผลหลายๆ ข้อ คือนายทรัมป์ เป็นคนซึ่งบอกสมาชิกพรรครีพับลิกัน หรือคนที่จะเลือกพรรคเขา ไว้ว่าไม่ให้เลือกทางไปรษณีย์ ให้มาเดินเข้าคูหา แต่เนื่องจากว่ามันมีโควิด-19 เขาก็เลยออกแบบให้เลือกทางไปรษณีย์ได้ ก็มีการเลือกทางไปรษณีย์มาตั้งนานแล้ว ตั้งไม่รู้กี่ยุคกี่สมัย ไม่เคยมีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ปรากฏว่าในตอนที่ประกาศคะแนนเสียงครั้งแรก เสียงนายทรัมป์ ในบางรัฐจะสูงกว่านายไบเดน หรือบางรัฐซึ่งนายไบเดน มีคะแนนเสียงดีอยู่แล้ว ก็จะสูสีกัน แต่พอคะแนนที่มาจากการส่งไปรษณีย์เปิดออกมาแล้ว ปรากฏว่านายไบเดน ค่อยๆ ตีตื้่นขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วก็ชนะในที่สุด ตรงนี้ล่ะที่ทำให้นายทรัมป์ โกรธ นายทรัมป์ ก็เลยเรียกว่าตัวเองมีคะแนนเสียงถูกต้องตามกฎหมาย ภาษาอังกฤษเรียกว่า Legal votes แต่ของนายไบเดน เป็นคะแนนเสียงที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะว่าเป็นคะแนนเสียงที่ส่งมาทางไปรษณีย์ แล้วก็มีข้อถกเถียงกันเยอะ ทั้งๆ ที่ตามกฎหมายอนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้

แต่จะอย่างไรก็ตาม ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน ไม่ว่าจะเป็นคนที่อยู่ในวงการเมือง แม้กระทั่งสมาชิกพรรครีพับลิกันเอง ซึ่งเป็นพรรคเดียวกันนายทรัมป์ ก็บอกว่านายไบเดน ชนะ หลายๆ คน แม้กระทั่งคนใกล้ชิดนายทรัมป์ ก็บอกว่าน่าที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ได้แล้ว ทำไมการยอมรับความพ่ายแพ้มีความสำคัญมาก ? เพราะว่าทันทีที่นายทรัมป์ ประกาศยอมรับการพ่ายแพ้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาก็คือว่า ... เหมือนสมัยที่นายบารัก โอบามา เป็นประธานาธิบดียุคสุดท้าย แล้วนายทรัมป์ ชนะเลือกตั้ง นางฮิลลารี คลินตัน ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ออกมาปั๊บ บารัก โอบามา ก็เชิญนายทรัมป์ มาที่ทำเนียบขาว


เหมือนกับว่ามาทำความรู้จักกัน แล้วก็เซ็นเอกสาร จำเป็นต้องเซ็นเอกสารหลายประการ เพื่อที่จะเปิดขุมทรัพย์ หรือเปิดกฎกติกาต่างๆ ที่รัฐบาลอเมริกาจะมีหน่วยงานๆ หนึ่ง ซึ่งคอยเก็บเงินเรื่องพวกนี้ที่จะเอามาใช้จ่ายในการที่จะ Transition คือการเปลี่ยนผ่านแผ่นดิน ก็คือจะมีการเบิกเงินทองได้ เอามาใช้ จะมีการที่ทำให้ทีมของนายไบเดน สามารถจะเข้าไปกระทรวงโน้นกระทรวงนี้ ไปเช็กข้อมูล ไปเอาความลับออกมาได้ ซึ่งถ้าไม่มีการอนุญาตจากประธานาธิบดี ก็คือนายทรัมป์ หรือสมัยที่นายบารัก โอบามา อยู่ ถ้านายบารัก จะเบี้ยวนายทรัมป์ นายทรัมป์ ก็คงต้องรอถึงวันที่ 20 ซึ่งก็จะทำให้ล่าช้าไปอีก เพราะทำให้นายไบเดน ทุกวันนี้ไม่สามารถที่จะตั้งคณะรัฐมนตรีได้ เพราะความเกเรของนายทรัมป์ นายทรัมป์ ตอนนี้เกเรมากที่สุด

ผมมีข่าวเรื่องของหลานสาวคนหนึ่ง ชื่อ แมรี ทรัมป์ แมรี ทรัมป์ เคยฟ้องร้องและเคยเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง แล้วออกมาให้สัมภาษณ์ ต่อว่า ตำหนิลุงของตัวเอง คือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าเป็นคนที่ใช้ไม่ได้ แล้ว ดร.แมรี ทรัมป์ เป็นนักจิตวิทยา ได้รับปริญญาเอก แล้วก็ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิทยา


นางแมรี บอกว่า ลุงของเขาคนนี้ เขารู้นิสัยดี เขาทำนายได้เลยว่า จากนี้ไปนายทรัมป์ จะเป็นคนที่เกเรมาก เหมือนเด็กที่ไม่ได้อะไรดั่งใจแล้วไม่ยอมแพ้ อยู่ในบ้านก็จะหยิบของออกมาขว้าง เอาแก้วน้ำขว้าง เอาแจกันทุ่มลงบนพื้น ซึ่งลักษณะแบบนี้นายทรัมป์ กำลังทำอยู่ และทำอยู่อย่างมากมาย เด็กก็จะมาว่าพ่อ ว่าแม่ ว่าพี่ ว่าน้อง ว่าคนใช้ นายทรัมป์ ตอนนี้อาละวาดไปจนถึงทวีตปลดนายเอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

นอกจากนั้นแล้ว กำลังจะปลดหัวหน้า CIA หัวหน้า FBI ตามอารมณ์ของตัวเอง ถ้าใครก็ตามที่ไม่เสนอสนองความคิดของนายทรัมป์แล้ว แล้วนายเอสเปอร์ ในช่วงที่เป็นรัฐมนตรีฯ กลาโหม เป็นคนที่ขวางนายทรัมป์ เพราะนายทรัมป์ เป็นคนที่ต้องการให้เอาทหารเข้ามาปราบการจลาจลที่มีอยู่ทุกเมือง เอสเปอร์ เขาไม่ต้องการให้เอาทหารเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย นายทรัมป์ ก็เลยโกรธนายเอสเปอร์ ก็เลยประกาศปลดนายเอสเปอร์ ทางทวิตเตอร์ แล้วยังพูดต่อด้วยว่า ยังมีหัวหน้า FBI หัวหน้า CIA อีก


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ผมคิดว่านายทรัมป์ จะยืดไปจนกระทั่งถึงเดือนมกราคม และในที่สุดแล้ว นายทรัมป์ ก็จะไม่มีทางเลือกแล้ว เพราะเมื่อคะแนนเสียงทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเข้าไปที่สภา แล้วสภาก็จะนับคะแนนอีกทีหนึ่ง แล้วสภาก็จะประกาศให้นายโจ ไบเดน เป็นประธานาธิบดีที่ถูกต้องตามกฎหมายคนต่อจากนายทรัมป์ แต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ ตอนนี้เป็นการยอมรับจากคะแนนเสียงของทุกๆ รัฐที่ส่งมา บวกแล้วนายไบเดน ชนะ

ท่านผู้ชมครับ การเลือกตั้งครั้งนี้มันมีข้อคิดสำหรับผม และมีข้อคิดอยู่เล็กน้อยอยากจะให้คิดสักนิด ถึงนายทรัมป์ จะแพ้นายไบเดน ก็ตาม แต่ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ จำนวนที่แพ้ ผมคิดว่าไม่ถึง 2 เปอร์เซ็นต์ แสดงว่าอะไร ? สมมุติว่านายไบเดน ได้ 51 นายทรัมป์ ได้ 49 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชมลองนึกดูสิ 49 เปอร์เซ็นต์ เสียงของนายทรัมป์ เมื่อวิเคราะห์เสียงของนายทรัมป์ จริงๆ แล้ว 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ของ 49 เปอร์เซ็นต์ ที่ลงคะแนนเสียงให้นายทรัมป์ เป็นคนผิวขาวทั้งสิ้น และเป็นคนที่อยู่ภาคกลางของอเมริกา และทางภาคใต้ ก็คือเป็นพวกผิวขาวที่ต้องการสนับสนุน เนื่องจากนายทรัมป์ เป็นคนที่เหยียดผิว และเป็นคนที่สนับสนุนให้คนผิวขาวเป็นใหญ่ขึ้นมา


แสดงว่าฐานของนายทรัมป์ หรือฐานของรีพับลิกัน 48 เปอร์เซ็นต์ เป็นเสียงที่ตายตัว จะเลือกกี่ครั้งๆ ถ้ายังใช้นโยบายแข็งกร้าวกับคนผิวสี ใช้นโยบายของการเชิดชูคนผิวขาวเป็นใหญ่แล้ว ผู้สมัครรีพับลิกันทุกคนก็จะได้คะแนนเสียงตรงนี้ไป ส่วนต่างอีกเล็กน้อย 2-3 เปอร์เซ็นต์ ก็อยู่ในส่วนที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Swing State เป็นรัฐที่เอนไปเอนมา สุดแล้วแต่ ครั้งนี้เลือกรีพับลิกัน ครั้งหน้าเลือกข้างเดโมแครต ด้วยเหตุนี้ Swing State ประมาณ 7-8 รัฐ จึงเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาจะต้องเข้ามา

ท่านผู้ชมครับ เรื่องของนายไบเดน ตีซะว่าผมยังเชื่อ และผมคิดว่านายไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีอย่างแน่นอนแล้ว ไม่มีข้อกังขาอะไรทั้งสิ้น เป็นเพียงแต่ว่า จะประกาศเมื่อไร อาทิตย์หน้า


หรือถ้ามีเวลา ผมจะอธิบายนัยของนายไบเดน เมื่อขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีแล้ว นโยบายที่เขาจะมีต่อต่างประเทศ ซึ่งจะกระทบพวกเราหมด กระทบจีน กระทบไต้หวัน กระทบตะวันออกกลาง กระทบอิหร่าน กระทบหลายๆ เรื่อง และทิศทางของการเดินหน้านโยบายการต่างประเทศของสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไร ผมจะวิเคราะห์ให้ฟัง ผมจะวิเคราะห์ว่าไต้หวันจากนี้จะเป็นอย่างไร จีนจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร และจีนเตรียมรับมือในเรื่องนี้ด้วยวิธีใด ความขัดแย้งในทะเลจีนตอนใต้จะเป็นอย่างไร การค้าการขายระหว่างอเมริกากับจีน ที่นายทรัมป์ มากดขี่ กดหัวจีนเอาไว้ จะมีทางเจรจาขึ้นมาใหม่ไหม แล้วนายไบเดน จะมีนโยบายต่อจีนอย่างไร เพราะว่าในการเลือกตั้งนั้น เนื่องจากนายทรัมป์ ด่าจีนหนัก แล้วก็ด่าว่าทุกอย่าง จนกระทั่งพรรคเดโมแครตเองก็เห็นด้วยว่าจีนเป็นศัตรู

เพราะฉะนั้นแล้ว การที่นายไบเดน จะออกมาแล้วตอบโต้จีนอย่างอ่อนน้อมเหมือนแต่ก่อน อย่างนุ่มนวลนั้น อาจจะทำยากขึ้น เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน และผมมีข้อมูลพร้อม และผมมีตรรกะทึ่จะอธิบายให้ท่านผู้ชมฟัง แต่คงไม่ใช่ครั้งนี้


แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ มันก็มีข่าวดีท่ามกลางข่าวที่สับสนวุ่นวายที่สุด ก็คือว่า บริษัท ไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาในสหรัฐอเมริกา ประกาศข่าวดีว่า เขามีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ทำท่าจะใช้ได้ผล ก็คือว่า ป้องกันได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าสูงมาก ดร.ฟาวซี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่อาฆาตของนายทรัมป์ ยังพูดยืนยันว่า ถ้าของไฟเซอร์สามารถจะป้องกันได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ต้องถือว่าสูงมากๆ และเขาก็คำนวณว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วน่าจะมีวัคซีนออกมาได้ประมาณเดือนมีนาคม


แน่นอนที่สุด มันอาจจะเป็นโชคของนายไบเดน ก็ได้ เพราะว่านายทรัมป์ พยายามบีบให้บริษัทต่างๆ ผลิตวัคซีนออกมาก่อนวันที่ 3 พฤศจิกายน เพื่อที่จะทำคะแนนเสียง แต่ว่าเขาผลิตไม่ออก พอนายไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีปั๊บ ผู้บริหารระดับสูงของไฟเซอร์ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ทันทีว่าเจอวัคซีนแล้ว วัคซีนพิสูจน์ได้แล้วว่ารักษาได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นข่าวดี

ท่านผู้ชมครับ เมื่อประมาณอาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมานี้ มีข่าวชิ้นหนึ่งทางด้านธุรกิจ ที่ฟังดูแล้วอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ว่าถ้าดูให้ลึกๆ แล้ว มันมีนัยทางการเมืองสูง และมันอธิบายให้เห็นบทบาทของรัฐบาลจีน ที่มีต่อวงการธุรกิจของจีน


คือ นายแจ๊ก หม่า เจ้าของอาลีบาบา ผู้ถือหุ้นใหญ่ของอาลีบาบา เขามีบริษัทลูกบริษัทหนึ่ง ชื่อว่า แอนท์ (ANT) ก็คือมดนี่ล่ะ เป็นบริษัทปล่อยเงินกู้ให้กับประชาชน ออนไลน์เลย คือสามารถจะกู้ได้ทุกประเภท ในวงเงินที่จำกัดหรือไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับนโยบาย ปรากฏว่าคนมาใช้บริการ ANT GROUP เยอะมาก ก็คือว่าผ่านแอปพลิเคชัน พอกดแอปพลิเคชันเข้าไป ใส่ข้อมูลที่ ANT GROUP ต้องการ บัตรประชาชน มีบริษัททำงานเท่านี้ มีรายได้เดือนละเท่านี้ ขอกู้เท่านี้ เขากดปั๊บ มันจะอนุมัติให้ทันทีเลย


ANT GROUP หรือบริษัท มด ก็คือบริษัทการเงินนั่นเอง แต่เป็นการเงินยุคดิจิทัล นั่นก็คือว่าคุณไม่ต้องเดินข้าไปที่สาขาแบงก์ไหน แบงก์หนึ่งไปกรอกข้อมูลว่าผมขอกู้เอามาเท่านี้ ขอกู้เพื่อที่จะเอามาทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ผมขอกู้เพื่อมาหมุนเงิน ผมขอกู้มาเพื่อจะทำ 1..2..3..4..5.. แค่กดแอปพลิเคชันไป แล้วกดความต้องการ ให้ข้อมูลที่เขาต้องการ เพราะว่า ANT GROUP เขาใช้ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เป็นตัวประกอบ ถ้าข้อมูลมาแบบนี้ ควรจะให้กู้หรือไม่ควรจะให้กู้ กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ เขาจะให้กู้ทันทีเลย


ทีนี้ บริษัทนี้เจริญเติบโต ใหญ่มาก ใหญ่จนกระทั่งธนาคารที่ปล่อยกู้ในระบบเดิมๆ เริ่มกลัว แล้วธนาคารในประเทศจีนนั้นเป็นของรัฐบาลจีนทั้งสิ้น แล้วในที่สุด ANT GROUP โดยนายแจ๊ก หม่า ก็จะเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปรากฏว่า IPO ที่เขากำลังจะขายออกไป แล้วก็ขายไปเรียบร้อยแล้ว จะมีเงินเข้ามา IPO 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นราคา เป็นยอดเงิน IPO ที่ใหญ่ที่สุด ที่สุด ที่สุดในโลกนี้ ที่ไม่เคยมีใครจะใหญ่กว่า แม้กระทั่งบริษัท อารัมโก ของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ยอดเงิน IPO ยังสู้ ANT GROUP ไม่ได้ เขาบอกว่า ANT GROUP เข้าเมื่อไรปั๊บ ทรัพย์สินส่วนตัวของนายแจ๊ก หม่า ที่มีอยู่แล้ว ก็จะเพิ่มขึ้นอีกทันทีเลย 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Seventeen Million Dollars ถือว่าใหญ่มาก


ทีนี้ มันมีปัญหา ปรากฏว่าบริษัท ANT GROUP กำลังจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในตลาดเซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง ปรากฏว่าภายใน 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะเข้า นายแจ๊ก หม่า ถูกคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ และคณะกรรมการผู้ควบคุมกฎระเบียบเรื่องการเงินการทองของจีน เรียกเข้าไปพบ แล้วก็พูดจาในห้องประชุมลับ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ออกมา ANT GROUP ประกาศ แล้วตลาดหลักทรัพย์ทั้งฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ ก็ประกาศว่า ให้ยุติการเอาบริษัท ANT GROUP เข้ามาในตลาด เพราะทำผิดระเบียบหลายข้อ คือพูดง่ายๆ ว่าให้พักก่อน ให้มาแก้ไขเรื่องต่างๆ ก่อน จริงๆ นั่นก็คือการหยุด ไม่ให้ ANT GROUP เข้าตลาดหลักทรัพย์


เขาก็เลยมาวิเคราะห์กันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ? เขาวิเคราะห์กันว่า ฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะว่า แจ๊ก หม่า เป็นคนที่ชอบพูด คนที่อยู่ในประเทศจีน ที่เป็นข้าราชการ จะบอกว่า แจ๊ก หม่า เป็นคนปากเสีย เนื่องจาก แจ๊ก หม่า ชอบขึ้นเวทีและพูดวิพากษ์วิจารณ์เรื่องโน้นเรื่องนี้ แล้วก็ทำให้ตัวเองเป็นพระเอกในเวทีโลก ในเวทีประเทศจีน หลายต่อหลายครั้ง แจ๊ก หม่า เคยไปพูดที่อเมริกา แล้วก็ไปสอนคนในอเมริกาว่าถ้าคุณทำตามแบบผม คุณน่าจะทำแบบนี้ๆๆ มันก็จะเป็นอย่างนี้ๆๆ ทีนี้ แจ๊ก หม่า วิพากษ์วิจารณ์ ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ และวิพากษ์วิจารณ์ธนาคารกลาง ก็คือแบงก์ชาติของจีน และพวกควบคุมกฎการธนาคารในจีน ในทางลบ 


ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ไปตำหนิติเตียนว่าคนที่อยู่ธนาคารกลาง พวกที่อยู่คณะกรรมการควบคุมกฎการธนาคารของประเทศจีนนั้น เป็นคนล้าสมัย นี่มันยุคดิจิทัลแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว คุณยังคิดแบบเดิมๆ มันก็เลยทำให้วิวัฒนาการ นวัตกรรมทางการเงินที่ต้องใช้ระบบดิจิทัลนั้นมันไม่ได้พัฒนาไปเท่าที่ควร จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวความคิดจากโรงรับจำนำ และต้องพึ่งพาพัฒนาของระบบสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันนี้ระบบสินเชื่อของจีนนั้นถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ไม่คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค ทั้งยังขัดขวางการสร้างนวัตกรรมของฟินเทค (FinTech : Financial Technology)


ความปากพล่อยของ แจ๊ก หม่า กลายเป็นกระแสร้อนแรงไปทั่วโลกออนไลน์ ชาวเน็ตบางส่วนก็มองว่า แจ๊ก หม่า เป็นคนที่ชอบพูดให้ตัวเองดูดี ดูเท่ ชอบใช้คำคม แสดงความเก่งกาจ แต่การพูดคราวนี้ทำให้ แจ๊ก หม่า เจ็บตัวมาก เขาเสียทั้งเงิน เสียทั้งโอกาส ภายในพริบตา เพราะการประกาศระงับการทำ IPO ของ ANT GROUP ในนาทีสุดท้ายนี้ หุ้นอาลีบาบาร่วงไป 10 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบ 76,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย 2.3 ล้านล้านบาท ในตลาดนิวยอร์ก เพราะว่าอาลีบาบา ก็ลิสต์อยู่ในตลาดนิวยอร์กเหมือนกัน พอหลังจากนั้น ปรากฏว่า สื่อทางการจีน อย่างซินหัว ... ท่านผู้ชมครับ สำนักข่าวซินหัวต้องถือว่าเป็นกระบอกเสียงของจีน จีนมีสำนักข่าวอยู่ 2-3 เจ้า ที่เป็นกระบอกเสียงของจีน อันแรกก็คือซินหัว ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ประเทศไทย มีข่าวซินหัวที่ทำเป็นภาษาไทย เอามาลงในข่าวใน LINE ก็เยอะ มีอีกอันหนึ่งคือ People's Daily


People's Daily เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ ชื่อ Global Times และเป็นเจ้าของทีวีชื่อ CGTN


ซินหัวได้เผยแพร่บทความที่เขียนโดยผู้ประกาศข่าวคนหนึ่ง เขาเขียนว่าอย่างไร ผมจะอ่านให้ฟัง


อย่าพูดตามใจปาก (ฮว่า ปู้ เข่อ สุย โข่ว)
อย่าทำตามอำเภอใจ (ซื่อ ปู้ เข่อ สุย ซิน)
เกิดเป็นคนไม่ควรมักง่าย (เหริน ปู้ เข่อ สุย อี้)


ที่สำคัญคือ ทำไมถึงรู้ว่าเขาด่า แจ๊ก หม่า ? เพราะเขาใช้รูปประกอบในบทความเป็นรูป ก้อนเมฆรูปม้า 'หม่า' ก็คือ ม้า แจ๊ก หม่า แซ่หม่า ชื่อตัว คือ หยุน 'หยุน' ก็คือ เมฆ เหมือนยูนนาน ซึ่งก็คือ เมฆทางใต้


บทความไม่ได้สื่อแบบโต้งๆ หรือกล่าวชื่อใคร แต่เมื่อมีรูปก้อนเมฆที่เป็นรูปม้า ก็คือ แจ๊ก หม่า นั่นเอง เพราะนั่นคือ หม่า หยุน สอดคล้องกับภาพประกอบดี

อีกประการหนึ่งในการสั่งระงับการทำ IPO ครั้งนี้ มีนัยมาก เป็นการส่งสัญญาณจากกลุ่มผู้นำเหล่าพรรคคอมมิวนิสต์ว่า พวกเขาไม่สบายใจกับอิทธิพลของ ANT GROUP เพราะว่าอิทธิพลของ ANT GROUP เป็นบ่อนทำลายอำนาจสถาบันการเงินรัฐ นอกจากนั้นแล้ว ยังเป็นการตบปาก แจ๊ก หม่า เขกกบาล แจ๊ก หม่า ที่ต้องการให้ปฏิบัติต่อ ANT GROUP ในฐานะบริษัทเทคโนโลยี แทนที่จะเป็นบริษัทการเงินที่ถูกคุมอย่างเข้มงวด


ท่านผู้ชมครับ รูปแบบธุรกิจของ ANT GROUP ไม่เหมือนใคร และไม่มีคู่แข่งในจีน ANT GROUP ประสบความสำเร็จในฐานะเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบของภาคการธนาคาร ก็คือไม่จำเป็นต้องขึ้นอยู่กับภาคการธนาคารว่า ห้ามปล่อยสินเชื่อเท่านั้นเท่านี้ แม้ว่า ANT GROUP จะเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากมาย หลากหลาย แต่การที่แบงก์ต่างๆ ใช้ผู้ปล่อยกู้รายย่อย หรือแพลตฟอร์มเทคโนโลยีบุคคลที่สาม เช่น ANT GROUP เป็นคนรับประกันเงินกู้ ก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แล้วจะมีหนี้เสีย ณ วันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 ธนาคารกลาง และผู้คุมกฎการธนาคารจีน ได้ออกกฎใหม่แล้ว ให้ผู้ที่ปล่อยกู้ออนไลน์รายย่อย สมมุติว่าท่านผู้ชมปล่อยกู้ไป 100 บาท ต้องกันเอาไว้ 30 บาท 30 เปอร์เซ็นต์ ของเงินที่ร่วมปล่อยกู้กับธนาคารเอาไว้ มันก็เลยทำให้การเงินของ ANT GROUP ลำบาก แต่สรุปก็คือว่า ไม่ให้เอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ นี่คือการสั่งสอนนะ ท่านผู้ชม การสั่งสอนว่าอย่างไร ?


จีนจะไม่ห้าม ANT GROUP อาลีบาบา เทนเซ็นต์ Vanda Group ที่ทำอสังหาริมทรัพย์ ที่ไปซื้อกิจการโรงหนังทั่วประเทศอเมริกา อีกหลายๆ เจ้า อยากรวย รวยไป แต่ข้อแรกคือ ห้ามเฉาฉุ่ย ปากเสียง มาตำหนิทางการจีน สอง รวยได้ ไม่ห้าม แต่อย่ามาเล่นการเมือง การที่ แจ๊ก หม่า มาตำหนิธนาคารกลางจีน และตำหนิผู้ควบคุมกฎการธนาคารของจีน นั่นคือการเข้ามาเล่นการเมืองอีกแบบหนึ่ง เพราะฉะนั้นทางจีนก็ว่า ดังซ่านักเหรอ เมื่อดังซ่านัก ไม่ให้เข้า ไม่ให้ออก IPO พริบตาเดียว แจ๊ก หม่า สูญเงินไป 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.2 ล้านล้านบาท พริบตาเดียว เงินก้อนนี้ที่ แจ๊ก หม่า ควรจะได้ หายวับไปกับตา และปรากฏว่า จากวันนั้น จนถึงวันนี้ แจ๊ก หม่า หายตัวไปแล้ว ไม่ให้สัมภาษณ์อะไรทั้งสิ้น เงียบสนิท ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว นี่คือเรื่องราวของอาลีบาบา ของแจ๊ก หม่า ที่ท่านผู้ชมควรจะรับทราบเอาไว้


ท่านผู้ชมครับ มีองค์กรพัฒนาเอกชน หรือที่เรียกกันว่า NGO อยู่เจ้าหนึ่ง ที่เรียกตัวเองว่า ไอลอว์ (iLaw) ท่านผู้ชมคงจะได้ยินชื่อ ไอลอว์ เข้ามาในช่วงที่เด็กประท้วงระยะหลัง การประท้วงครั้งนี้ ไอลอว์ จะมีบทบาทมาก หลายเรื่อง เรื่องที่มีบทบาทมากที่สุด ก็คือเรื่องของการที่ ไอลอว์ ใช้สิทธิในการเป็นตัวแทนประชาชน ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจว่า ไอลอว์ เอาสิทธิที่ไหนมา เพราะว่าผมก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง แต่ผมไม่ได้รับ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า องค์กรเอกชนนี้ตั้งขึ้นมา แล้วก็อ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชน ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นตัวแทนประชาชนที่ไหน เป็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งตั้งองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ขึ้นมา แล้วก็ไปขอให้ฝรั่ง หรือต่างชาติ ส่งเงินสนับสนุนมาให้ ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะว่าเจ้าของ ไอลอว์ หรือคนที่บริหาร ไอลอว์ ก็บอกว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ถ้าจะเอาเงินมาสนับสนุนองค์กรพัฒนาเอกชน ก็ต้องมีหน้าที่คอยอวยรัฐบาลอย่างเดียว ไม่สามารถจะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล อันนี้ก็พอจะฟังขึ้น


ไอลอว์ ตั้งมาตั้งแต่ปี 2552 สิบเอ็ดปีแล้ว เขาบอกว่าหลักการของเขาเพื่อให้เมืองไทยไปถึงหลักการประชาธิปไตย เสรีภาพในการแสดงออก สิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ฟังแล้วนั่นก็คือปรัชญาของทางตะวันตก 100 เปอร์เซ็นต์

เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 ประมาณอาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมา ไอลอว์ หลังจากที่โดนตำหนิติเตียนว่า ได้รับเงินต่างชาติมาเพื่อมาดำเนินการ ไอลอว์ ก็เลยเขียนลงในเฟซบุ๊ก เปิดเผยหมดเลยว่า จริง ผมได้รับเงินมาจริง แล้วก็ไม่ได้รับมาเล็กๆ น้อยๆ ด้วย ได้รับมาจากหลายๆ แห่ง เขาบอกว่าตั้งแต่ปี 2552-2557 ไอลอว์ ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Open Society ของจอร์จ โซรอส และมูลนิธิ ไฮน์ริค เบิลล์ ของเยอรมนี และได้รับเงินสนับสนุนเป็นครั้งคราวจากบริษัท กูเกิล


ท่านผู้ชมครับ เงินที่ได้มา สังเกตอย่าง องค์กรที่ให้เงิน ไอลอว์ หรือให้เงิน NGO หลายๆ NGO มา ไม่ว่าจะเป็นองค์กรสิทธิมนุษยชน องค์กรโน่นนี่นั่น จะเป็นองค์กรที่ตั้งขึ้นมาในต่างประเทศ ลักษณะขององค์กรในต่างประเทศที่จัดเงินจัดทองมาให้ และสนับสนุนองค์กรพัฒนาเอกชนตามประเทศต่างๆ ก็เพื่อผลักดันให้องค์กรตามประเทศต่างๆ นั้นได้มีเงินมีทองมาดำเนินกิจการ และกิจกรรม อันจะเป็นประโยชน์ต่อปรัชญาแนวความคิดของทางตะวันตก ซึ่งจริงๆ แล้วปรัชญาแนวความคิดทางตะวันตกมีทั้งดี ดีมากๆ และมีทั้งไม่เหมาะกับสิ่งแวดล้อมในสังคมแต่ละยุคแต่ละสมัย และแต่ละสถานที่ หลายอย่าง ในเรื่องปรัชญาความคิดของทางตะวันตกนั้น ไม่สามารถจะเอามาใช้ในบริบทของสังคมไทย หรือสังคมเวียดนาม สังคมอินโดนีเซีย สังคมพม่า สังคมลาว และอีกหลายๆ สังคม


แต่เนื่องจากว่าพวกนี้มีลักษณะคล้ายๆ หลักการตลาด โคคา-โคล่า กับแมคโดนัลด์ โคคา-โคล่า ขายทั่วโลกหมดเลย แมคโดนัลด์ ก็ขายทั่วโลก เพราะต้องการให้แมคโดนัลด์แต่ละจุด ไม่ว่าจะเป็นอยู่ในบังกลาเทศ อยู่ในนิวเดลี หรืออยู่ในกัลกัตตา หรืออยู่ในมุมไบ มีแมคโดนัลด์เหมือนกับที่อยู่ในนิวยอร์ก หรืออยู่ในซานฟรานซิสโก ก็ฉันใดฉันนั้น ก็คือว่าว่า ถ้ากติกาทางกฎหมาย ถ้ากติกาทางสิทธิมนุษยชน ถ้ากติกาในเรื่องสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ที่อเมริกามีอย่างไร เยอรมนีมีอย่างไร อังกฤษมีอย่างไร ประเทศไทยต้องมีอย่างนั้น และ ไอลอว์ ก็เป็นหนึ่งในหลายๆ องค์กรที่ใช้วิธีนี้ ก็คือเอาเงินต่างชาติมา โดยที่แน่นอนที่สุด ผู้บริหาร ไอลอว์ ก็บอกว่า เงินที่ได้มาต้องไม่มีเงื่อนไขผูกมัด ก็คือว่า ถ้าเป็นนโยบายที่คนที่ให้เงินเห็นชอบว่านโยบายนี้ถูกต้องแล้ว ก็แน่นอนที่สุด คุณก็ร่างนโยบายที่มันล้อนโยบายทางตะวันตก เขาก็ต้องให้เงินคุณมา

ทีนี้ เขาได้เงินจากจอร์จ โซรอส ของแหล่งที่เรียกว่า Open Society ผมจะเล่าให้ฟังเรื่องจอร์จ โซรอส นิดหนึ่ง มันเป็นเรื่องตลกร้ายมาก จอร์จ โซรอส เอาเงินใส่มาในประเทศไทยหลายๆ อัน คนที่เป็นหัวหอกในการเอาเงินต่างประเทศเข้ามา คือ นายจอน อึ๊งภากรณ์ คนๆ นี้แต่ก่อนเคยดูแลมูลนิธิเอดส์ ก็เอาเงินจากต่างประเทศมาสนับสนุน


จอร์จ โซรอส เป็นคนที่เขาเรียกว่าเป็นพ่อมดทางการเงิน ก็คือคนที่มา ... (ขอโทษนะครับท่านผู้ชม ใช้ภาษาที่ไม่ค่อยเพราะ) กระทืบค่าเงินบาทไทย เงินบาทไทยปี 2540 ที่เจ๊ง พินาศฉิบหายวินาศสันตะโรก็ฝีมือนายจอร์จ โซรอส ผมไม่อยากจะไปว่า ไอลอว์ เขาหรอกว่าเอาเงินที่เคยทำร้ายประเทศไทยมา แล้วก็จะมาทำร้ายประเทศไทยอีกรูปแบบหนึ่งในเชิงทางวัฒนธรรมและในทางการเมือง

Open Society ไม่ได้ให้เฉพาะ ไอลอว์ นะ ให้เงินเว็บไซต์ประชาไท เครือข่ายพลเมืองเน็ต และให้เงินสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย ก็คือเงินผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย ถ้าจะจัดสัมมนา เชิญคนมาเพื่อมากินเลี้ยง จ่ายค่าเช่า ไม่มี ก็ต้องขอเงิน Open Society แล้วทำไม Open Society ต้องให้เงินผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทย เพราะผู้สื่อข่าวต่างประเทศในประเทศไทยก็คือว่า สมาชิกของคนที่เป็นตัวแทน เป็นผู้สื่อข่าวของสำนักพิมพ์รอยเตอร์ สำนักพิมพ์เอพี เป็นของนิวยอร์กไทมส์ มาร่วมมือกัน แต่ต้องมีเงินที่จะเอามาใช้จ่ายในการที่จะจัดสัมมนา จัดเลี้ยงโน่นนี่นั่น แล้วในการจัดสัมมนาก็จะเชิญคนที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศต้องการที่จะเอามาบี้ เอามาขยำ หรือเอามาแสดงความคิดเห็น เพื่อจะตอกย้ำในทฤษฎีทางตะวันตก มันเป็นอย่างนี้นะครับ


ผู้อำนวยการของ ไอลอว์ คือ นายจอน อึ๊งภากรณ์ นายจอน ผมเรียกว่าเป็นนายหน้า NGO ไปขอฝรั่งมาทำโน่นทำนี่ ตั้งแต่ทำเกี่ยวกับเรื่องเอดส์ มาจนถึงประชาไท ไอลอว์ ยอมรับว่ามี 6 องค์กรต่างชาติที่สนับสนุน มีตั้งแต่ปี 2557 ก็คือปีที่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ปฏิวัติยึดอำนาจมา ไอลอว์ ก็เลยได้รับเงินสนับสนุนเยอะมาก ได้จาก Open Society Foundation ได้จากไฮน์ริค เบิลล์ ได้จาก NED ที่ผมบอกว่า NED ก็คือหน่วยงานสาขาย่อยของกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา ก็คือเป็น CIA ภาคพลเมือง ได้มาจาก กองทุนสำหรับสิทธิมนุษยชนของโลก ได้มาจาก American Jewish World Service และได้รับเงินสนับสนุนเป็นรายครั้งจากบริษัท กูเกิล และผู้สนับสนุนอิสระ


ไอลอว์ ไม่ผิด คนที่บริหารเขาบอกว่าข้อมูลทั้งหมดอยู่บนเว็บไซต์เรามาตั้งแต่ก่อตั้ง และเว็บไซต์ผู้ให้ทุนทุกแห่ง โดยหลักการเปิดเผย โปร่งใส ตรวจสอบได้ แน่นอน ไม่ใช่เรื่องต้องทำโดยปิดลับ ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด แต่ที่สำคัญก็คือ วัตถุประสงค์ในการทำนั้น ก็คือว่า ล้อ เลียนแบบ และผลักดันให้ประเทศไทยเปลี่ยนไปในเชิงตะวันตก ในเชิงปรัชญาทางการเมืองตะวันตก ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ว่า กลุ่มองค์กร NED หรือที่เรียกว่า National Endowment for Democracy เป็นกองทุนเพื่อประชาธิปไตยแห่งชาติ เป็นองค์กรที่ก่อตั้งในสมัยประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐอเมริกา อ้างว่าเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) มีเป้าหมายในการส่งเสริมประชาธิปไตยในต่างประเทศ โดยได้งบประมาณมาจากสภาคองเกรส ผ่านองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของอเมริกา คือ USAID ซึ่งงบประมาณ NED นั้น ถูกรวมไปอยู่ในงบประมาณของกระทรวงการต่างประเทศ NED จึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และมีบทบาทคล้ายๆ CIA ภาคพลเมือง


ท่านผู้ชมครับ ประเทศรัสเซียเคยแบน NED ภายใต้กฎหมายองค์กรเอกชนไม่พึงประสงค์ นอกจากนั้นแล้ว ในปี 2545 NED ถูกจับได้ว่าให้เงินสนับสนุนกลุ่มตรงกันข้ามกับรัฐบาลของประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ของเวเนซุเอลา ซึ่งได้รับการเลือกตั้งมา แล้วก็สนับสนุนหน่วยทหารที่ต้องการโค่นล้มประธานาธิบดีของประเทศเฮติ


คุณยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการไอลอว์ ยอมรับว่า ประเทศทางตะวันตก ร่ำรวย ให้เงินประเทศโลกที่สามเพื่อจุดมุ่งหมายทางการเมือง ชัดเจน คุณยิ่งชีพ ทำน่ะ ไม่ผิดหรอก ส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ผมเห็นด้วย ทำอะไรก็ตาม ความคิดเห็นทางการเมือง แสดงความคิดเห็นทางการเมืองได้ โดยไม่ปิดกั้น แต่ผมเริ่มไม่เห็นด้วยเมื่อความคิดเห็นทางการเมืองเข้ามากระทบสถาบันหลักของประเทศไทย อย่างเช่น ส่งเสริมให้มีการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ แต่ไม่ได้พูดตรงๆ แต่ลักษณะ กระบวนทัศน์ของการส่งเสริม ก็คือส่งเสริมให้มีอิสระเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งเด็กฝ่ายที่ประท้วงหลายคน และไอลอว์ ก็ให้การสนับสนุนในการที่จะต้องมาปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่ง 10 ข้อในการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ถ้าท่านผู้ชมเป็นแฟนประจำเพจผม ไปอ่านที่ผมวิเคราะห์เป็นข้อๆ ว่าที่สุดแล้วมันไม่ใช่การปฏิรูป มันเป็นการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ซึ่งประเด็นต่างๆ เหล่านี้ ไอลอว์ โดยนายจอน อึ๊งภากรณ์ เป็นคนที่เกี่ยวข้องทั้งสิ้น สนับสนุนให้กำลังใจ เสนอเว็บไซต์ประชาไท เอาเงินให้เว็บไซต์ประชาไท


แล้วเว็บไซต์ประชาไทก็เป็นเว็บไซต์ประชาไท อันเดียวที่ถ่ายทอดสดการชุมนุมที่ลานพญานาค ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในครั้งแรก และมีการขึ้นเวทีแล้วประกาศถึง 10 ข้อในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เพราะฉะนั้นแล้ว พูดได้เลยว่า เว็บไซต์ประชาไท รับงานมาจากต่างประเทศ และเว็บไซต์ประชาไท กับไอลอว์ มีเจตนาที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ เพราะฉะนั้น การที่คุณยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการไอลอว์ บอกว่าอยู่ได้ด้วยเงินต่างชาติ ผมขอบคุณที่อุตส่าห์เอาเงินต่างชาติมา แต่ผมมีประเด็นอยู่นิดหนึ่ง


ไอลอว์ ทะลึ่ง มาร่างรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ แล้วยื่นเข้าสภาเพื่อให้รัฐสภาพิจารณา ปรากฏว่า รัฐธรรมนูญให้โอกาสประชาชนเสนอร่างกฎหมายให้ แต่องค์กรที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงเสนอร่างแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไทย กลายเป็น NGO ที่ได้รับเงินจากต่างชาติ และเป็น NGO ที่มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองอย่างชัดเจน ผมถามว่า แล้วถ้าลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม ถ้าเราจะให้เงิน NGO เขาไปร่างรัฐธรรมนูญของเขา รัฐบาลและประชาชนของเขาจะยอมไหม ? นี่คือการแทรกแซงทางการเมืองภายในประเทศอย่างชัดเจน โดยฝรั่งเอาเงินมาให้ ไอลอว์ แล้ว ไอลอว์ ก็อ้างว่าไม่มีเงื่อนไข

"การที่คุณจอน หรือผู้จัดการ ไอลอว์ หรือนักวิชาการ สื่อมวลชนคนไหน จะออกมาปกป้องว่า ไอลอว์ รับเงินต่างชาติอย่างเปิดเผย ชี้แจงตลอด เพื่อรณรงค์แก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ รณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ สามารถทำได้ ไม่เห็นจะแปลกอะไร" ท่านผู้ชมครับ ผมพูดได้เลยว่า โคตรจะแถเลย และหน้าด้านที่สุด หน้าด้านจริงๆ คุณเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน แล้วคุณบอกว่าคุณเป็นตัวแทน คุณเป็นตัวแทนใคร ? ผมถามหน่อยสิ คุณก็คือตัวแทนตะวันตก มายื่นร่างรัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไข แล้วคุณก็เน้นตรงที่ว่า ให้แก้ไขมาตรา 1 มาตรา 2 หลายๆ ข้อ เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่าใช้ไม่ได้ และอีกประการหนึ่ง ผมต้องขอยืมคำพูดของคุณคำนูณ สิทธิสมาน วุฒิสมาชิก หน่อย


คุณคำนูณ สิทธิสมาน เขาดู 6-7 ข้อ 10 ข้อ ที่ ไอลอว์ เสนอมาในการแก้รัฐธรรมนูญ เขาตั้งข้อสังเกตว่า ในหลักการ 10 ประการ ในบางประเด็นเป็นเรื่องใหญ่ที่จะส่งผลกระทบ อย่างเช่นในประเด็นที่ 6 ที่ 7 ซึ่งมีรายละเอียดว่า บัญญัติให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) รวม 7 ฉบับ สิ้นผลไป กล่าวคือ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ส่วนข้อ 7 ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และกรรมการองค์กรอิสระทุกองค์กรชุดปัจจุบันพ้นจากตำแหน่ง และให้สรรหาใหม่ทั้งหมดตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ 2540 แม้จะให้ผู้ที่พ้นตำแหน่งรักษาการไปก่อน แต่กฎหมายที่ระบุอำนาจหน้าที่นั้นสิ้นผลไปแล้วตามประเด็นที่ 6




ท่านผู้ชมครับ คุณคำนูณ เขาชี้ให้เห็นว่า ประการที่ 1 นี่คือการนิรโทษคดีทุจริต หลักการประเด็นที่ 6 กับ 7 ของ ไอลอว์ ที่เสนอมา จะมีผลต่อกระบวนการดำเนินคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และคดีทุจริตประพฤติมิชอบอื่นๆ แน่นอน เพราะการไปกำหนดให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ที่เป็นฐานกำหนดความผิดโดยตรง มีอันสิ้นผลไป หรือพูดง่ายๆ ว่ายกเลิกนั้น ก็จะมีผลเหมือนกับการนิรโทษกรรมทุจริตในทางปฏิบัติตามกฎหมายอาญาที่ว่า กฎหมายมีผลย้อนหลังได้ หากเป็นคุณต่อผู้กระทำผิด ตามที่มีคำพิพากษาศาลฎีกาหลายฉบับได้วางมาตรฐานไว้

ผู้ใดต้องโทษจำคุก พ.ร.ป.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต อยู่ ก็จะยื่นคำร้องให้ศาลออกหมายปล่อยตัว คุณยิ่งลักษณ์ ก็สามารถจะยื่นศาลอนุมัติได้ว่า คดีทุจริตจำนำข้าว ก็สามารถจะปล่อยตัวได้ อีกหลายต่อหลายคนที่หนีอยู่ต่างประเทศก็จะยื่นมา ผู้ใดอยู่ระหว่างการสู้คดี ก็จะใช้เป็นข้อต่อสู้เพิ่มขึ้น ส่วนผู้ที่หนีคดี อย่างเช่น คุณยิ่งลักษณ์ ก็เป็นการเพิ่มน้ำหนักในการหาทางกลับบ้านได้เท่ๆ เช่นกัน


เพราะฉะนั้น ผลข้างเคียงที่เป็นเสมือนการนิรโทษกรรมคดีทุจริตต่อบุคคลที่ได้รับผลคดีนี้ จะคงอยู่ตลอดไป ต่อไปในอนาคตเมื่อมีการตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ กำหนดฐานความผิดเดิมขึ้นมาใหม่ ก็จะไปเข้าหลักกฎหมายอาญาทั่วไปอีกด้านหนึ่งที่ว่า กฎหมายที่ออกใหม่นั้น หากเป็นโทษกับบุคคล ไม่สามารถใช้บังคับย้อนหลังได้ ก็คือพอยกเลิกปั๊บ นิรโทษกรรมไปเลย แล้วออกกฎหมายอาญาใหม่ขึ้นมา ไม่สามารถจะใช้ย้อนหลังได้แล้ว


ฉะนั้น เบื้องหลังของ ไอลอว์ ก็คือเบื้องหลังของการเอาทักษิณ ชินวัตร เอายิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลับมาเมืองไทยอย่างเท่ๆ


อีกประการหนึ่งที่คุณคำนูณ พูด ประเทศจะตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศ ไม่มีกฎหมาย และกระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริต อย่างน้อย 5-6 เดือน


ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัด ประการแรก ไอลอว์ รับเงินต่างชาติ เขาบอกไม่ผิด อ๋อ นั่นไม่ผิด ใครให้เงินมาก็ไม่ผิด แต่ว่าปรัชญาที่คุณเอาเงินต่างชาติมา และปรัชญาที่คุณพยายามต่อสู้ในหลายๆ เรื่องนั้น เป็นปรัชญาทางตะวันตก และที่สำคัญที่สุดก็คือ เนื้อหาสาระของรัฐธรรมนูญชุด ไอลอว์ ก็คือเนื้อหาสาระที่สอดแทรกวิชามารที่จะนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่กระทำความผิดในเรื่องของการทุจริตประพฤติมิชอบในประเทศไทย


ท่านผู้ชมครับ รับเงินต่างชาติมา แล้วมาทะลึ่งยื่นเรื่องขอแก้รัฐธรรมนูญ คุณไปเรียกร้องให้กฎหมายในเรื่องสิทธิมนุษยชนดีขึ้น ผมเห็นด้วย แต่คุณจะไปเรียกร้องให้มาแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ โดยที่คุณอ้างว่า คุณมีสิทธิ์ คุณเป็นตัวแทนใคร ไอลอว์ ? คุณเป็นตัวแทนใคร ? คุณรับเงินต่างชาติมา แล้วคุณก็แถไปว่า คุณไม่มีเงื่อนไข ถ้าจะให้เงินฉัน ห้ามกำหนดเงื่อนไข ก็เงื่อนไขมันไม่ต้องมีเพราะว่าสิ่งที่คุณทำนั้น มันก็คือสิ่งที่ต่างชาติต้องการให้คุณทำอยู่แล้ว โคตรแถ ตลกร้ายมาก


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ก็คือหลังจากที่มีการชุมนุมกันแล้ว เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมือง หรือที่เรียกว่า คนส. รวมตัวกันที่ลานปรีดี พนมยงค์ ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ คนที่นำเครือข่ายนี้ คือ รศ.อนุสรณ์ อุณโณ เป็นอาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ม.ธรรมศาสตร์ พร้อมอาจารย์ และนักศึกษา ประมาณ 50 คน เดินเท้าจากมหาวิทยาลัยไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นชื่อเครือข่ายนักวิชาการ รวม 1,118 คน ต่อนายกรัฐมนตรี แล้วมีหนังสือแถลงการณ์ด้วยนะ ว่าหยุดสลายการชุมนุม ขจัดผู้เห็นต่าง สร้างทางออกให้ประเทศไทย ไม่ผิดหรอกครับ ผมเห็นด้วย

การสลายการชุมนุมนั้น ก็เป็นเรื่องถกเถียงกัน แต่ถ้าการสลายการชุมนุมนั้น รัฐบาลทำแล้วก็ทำตามขั้นตอน ก็เป็นเรื่องที่จะสามารถอธิบายกันได้

อาจารย์อนุสรณ์ อ่านแถลงการณ์ว่า การชุมนุม เป็นการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่รัฐบาลไม่รับข้อเสนอ และยังขัดขวาง ทั้งการตั้งข้อหาและจับกุมคุมขังแกนนำผู้เข้าร่วม มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอันร้ายแรง การใช้กำลังสลายการชุมนุมคืนวันที่ 16 ตุลาคม ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ สถานการณ์บานปลาย

ท่านผู้ชมครับ บางครั้งเวลาเราออกแถลงการณ์อะไร ถ้าเราดูอะไรที่มันรอบตัวสักนิด ระมัดระวังหน่อย แถลงการณ์หลักๆ ควรที่จะให้สิทธิในการชุมนุมโดยสงบ อหิงสา ผมเห็นด้วย แต่ในขณะเดียวกัน อาจารย์อนุสรณ์ ก็ลืมพูดไปถึงเรื่องของการหยาบคาย ใช้วาจาที่ชั่วช้า แล้วไปจาบจ้วง ก้าวร้าวพระมหากษัตริย์ หรือว่าเจตนาที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของประเทศไทย ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อาจารย์อนุสรณ์ ไม่ได้คุยในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว


อาจารย์อนุสรณ์ ก็เลยพูดต่อในแถลงการณ์ 1. ขอประณามการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมบริเวณแยกปทุมวัน คืนวันที่ 16 ตุลาคม เพราะเป็นการจัดการกับการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามหลักการและขั้นตอนที่เป็นสากล การใช้กำลังที่ไม่ได้สัดส่วน หรือเกินกว่าเหตุ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้มีอาวุธ ไม่ได้มีพฤติกรรมรุนแรง และจำนวนมากเป็นเยาวชน รัฐบาลต้องยุติการสลายการชุมนุมและรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนี้



ข้อที่ 2 ท่านผู้ชมฟังดีๆ รัฐบาลต้องยุติการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือขจัดผู้เห็นต่าง ต้องยกเลิกการตั้งข้อหา และปล่อยตัวผู้ชุมนุมทุกคนอย่างไม่มีเงื่อนไข ต้องยกเลิกการใช้กฎหมาย เช่น พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เอาผิดผู้แสดงความเห็นต่าง หรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รวมทั้งต้องยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน


3. รัฐบาลต้องรับข้อเสนอของกลุ่มผู้ชุมนุมไปพิจารณาอย่างจริงจัง ทั้งการให้นายกรัฐมนตรีลาออก การแก้รัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะการปฏิรูปสถาบันให้สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตย


การปฏิรูปสถาบันที่อาจารย์พูดถึง อาจารย์หมายถึง 10 ข้อ ใช่ไหม ? ถ้า 10 ข้อ อาจารย์ไปอ่านคำอธิบายของผมหน่อยใน 10 ข้อนั้น อาจารย์จะเห็นได้ชัดว่านั่นไม่ได้เป็นการปฏิรูป นั่นคือการเอาการปฏิรูปมาบังหน้า แต่เบื้องหลังคือการล้มล้าง


อาจารย์อนุสรณ์ อ่านต่อ หากรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการตาม 3 ข้อเรียกร้อง ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2563 สิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2563 ก็ประมาณสิบกว่าวันที่ผ่านมา อาจารย์ พร้อมคณะนักวิชาการ พร้อมยกระดับการต่อสู้กับรัฐบาล อาจารย์ และนักวิชาการ 1,118 คน พร้อมยกระดับการต่อสู้กับรัฐบาล ด้วยการประกาศหยุดสอนทั่วประเทศ และเปิดทางนักศึกษาชุมนุมใหญ่ ท่านผู้ชมครับ อาจารย์อนุสรณ์ครับ deadline ผ่านมาแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม สิบวัน มาวันนี้ก็ถือว่าผ่านไปแล้วอีกนาน ปรากฏว่า ท่านอาจารย์ให้นายกฯ ลาออก นายกฯ คนนี้ดื้อด้าน ไม่ออก ให้แก้รัฐธรรมนูญ ก็ยังไม่ไปไหน ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ก็เงียบ อาจารย์ขู่ว่าจะหยุดสอนทั่วประเทศ และลาออก อาจารย์ครับ ที่ผมพูดเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรนะ อาจารย์เดินสายออกโทรทัศน์ ปกติจริงๆ แล้วผมว่าอาจารย์น่าจะหยุดสอน แล้วไปยื่นใบลาออกกับมหาวิทยาลัย เพราะว่าอาจารย์ไม่รู้บทบาทและหน้าที่ของตัวเอง


เรื่องนี้อาจารย์รู้ไหมว่าเป็นบทเรียนสอนสั่ง อย่าทะลึ่งยื่นคำขาด ถ้ายื่นคำขาด ก็อย่าเอาเชือกคล้องคอตัวเอง ว่าในสิบวัน ถ้าไม่ทำตาม ผมจะลาออก ผมจะหยุดสอน ลาสิ หยุดสอนไปเลย ทำไมไม่ลา ทำไมไม่หยุดล่ะ หยุดสอนแล้วก็ลาออก ทีหลังเขียนแถลงการณ์แบบนี้ อย่าเอาเชือกไปผูกคอตัวเอง เป็นถึงอาจารย์ มีสติปัญญา สอนอยู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สอนเด็ก ให้จำคำว่า "สัจจะวาจา" เอาไว้ พระพุทธเจ้าท่านมีพระธรรมคำสั่งสอนชัดเลย คนต้องมีสัจจะ คนที่ไม่มีสัจจะ ไม่มีธรรม เพราะฉะนั้นแล้ว จะถือว่าผมแนะนำ หรือแรงหน่อยคือสั่งสอน ทีหลังเขียนแถลงการณ์อย่าไปผูกมัดอะไรกับตัวเองไว้ ผมหมั่นไส้ ถ้าบอกว่าภายในสิบวัน ถ้าไม่จัดการ ลาออก ก็จะหามาตรการอื่นๆ เพื่อยกระดับการประท้วงต่อไป โอเค ฟังได้ แหมฟังตอนแรกน่ะ โอ๊ย ตายล่ะ สิบวัน ถ้านายกฯ ไม่ลาออก อาจารย์ลาออก 1,118 คน หยุดสอน เรื่องใหญ่แล้วงานนี้

ท่านผู้ชมครับ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเข้มข้นเหลือเกิน ทราบไหมว่า ทุกวันนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ลงทุกที จากมหาวิทยาลัยที่เคยเป็นแถวหน้าของประเทศในการจัดอันดับทางวิชาการ การจัดอันดับของธรรมศาสตร์นั้นหลุด Top Ten ของมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดไปเรียบร้อยแล้ว อาจารย์อนุสรณ์ ควรจะเข้าไปเน้นในเรื่องคุณภาพการสอน แต่ผมพอเข้าใจได้ อาจารย์สอนทางสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา อาจารย์ไม่ได้สอนทางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ได้สอนแพทย์ศึกษา ไม่ได้สอนวิศวะ แต่สิ่งที่เห็นชัดก็คือว่า บ้านของตัวเอง องค์กรของตัวเอง ยังไม่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้น แล้วทำให้สถาบันตกต่ำลงไป ปีนี้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อยู่อันดับ 11 แพ้หลายแห่ง แพ้ใครบ้างผมจะเล่าให้ฟัง แพ้มหาวิทยาลัยมหิดล อันดับแรก แพ้มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง อันดับสอง แพ้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันดับสาม แพ้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี อันดับสี่ แพ้มหาวิทยาลัยสุรนารี อันดับห้า แพ้มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อันดับหก แพ้มหาวิทยาลัยขอนแก่น อันดับเจ็ด แพ้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อันดับแปด แพ้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อันดับเก้า แพ้สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง อันดับสิบ และธรรมศาสตร์ อยู่อันดับ 11




อาจารย์ครับ ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน อย่าไปยื่นคำขาด ผมเล่าประสบการณ์ในการประท้วงของผมให้อาจารย์ฟังนิดหนึ่ง เผื่อจะได้ประเทืองปัญญา


สมัยที่ผมประท้วงคุณทักษิณ ชินวัตร ประธานสหภาพการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง โน่นนี่นั่น บอกว่าถ้าทักษิณ ไม่ลาออกภายในกี่วันๆ แล้วจะดับไฟ ดับน้ำ ทุกอย่าง ไม่ออก แล้วก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้ด้วย ผมถือว่าอาจารย์องค์ลงก็แล้วกันตอนที่เขียนและร่างแถลงการณ์ อาจารย์ไม่ได้ต่างจากพวกเด็กๆ ลูกศิษย์คุณเลย เพนกวินเอย รุ้งเอย ที่ขึ้นเวที เวลาขึ้นแล้ว พูดจาอะไรก็จำไม่ได้ องค์ลง พอลงมาแล้วเหงื่อแตกพลั่กๆ พูดไปได้อย่างไร ทีหลังเขียนแถลงการณ์อย่าเที่ยวไปขู่ชาวบ้านเขา ถ้าขู่แล้วเขาไม่ทำตาม แล้วตัวเองบอก ถ้าไม่ทำตามตัวเองจะทำ 1..2..3.. ทำสิ ถ้าจะไม่ทำ ทีหลังขู่แล้วอย่าโชว์โง่ เอาเชือกไปผูกคอตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน ประมาณ 3-4 วันที่แล้ว คุณฉาย บุนนาค หรือที่เขาเรียกกันว่า "ท่านประธาน" เป็นประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป ได้ออกมาเปิดแถลงข่าว เหมือนกับว่าจะยืนยันในจุดยืนของเนชั่น แล้วก็กึ่งๆ ตอบโต้การลาออกของกลุ่มที่ออกไป ตั้งแต่คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม คุณอัญชะลี ไพรีรัก คุณสันติสุข มะโรงศรี คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล และอีกหลายต่อหลายคน แต่ประเด็นสำคัญที่ผมดูแล้ว ก็คือว่า คุณฉาย ไม่ได้ออกมาพูดอะไรใหม่เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ยังย้ำคิดย้ำทำอยู่ในคำว่า "มืออาชีพ" ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณฉาย เคยพูด


ผมจำได้ว่าคุณฉาย เคยตอบโต้ผมมาครั้งหนึ่ง สมัยที่ผมตอบโต้กับลูกน้องของคุณฉาย ที่เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์คมชัดลึก คุณเบิ้ม หรือชื่อจริงคือ ประชาไท ในกรณีที่ใช้หนังสือพิมพ์คมชัดลึก รับงานมาเพื่อโจมตี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เป็นเวลาถึง 22 วัน โดยผมชี้ให้เห็นว่าเรื่องราวต่างๆ คุณโจมตีใครก็ตาม คุณไม่ควรจะมาลากยาวถึง 22 วัน เหมือนกับอาฆาตแค้นกันมาตั้งแต่ชาติก่อน กี่ภพ กี่ชาติ จริงๆ ผมเป็นการสอนมวย แล้วก็ปรากฏว่า ทั้งคุณเบิ้่ม ประชาไท และคุณฉาย ก็ออกมาแถลงการณ์ แถลงประเภทกัดเล็กๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ คุณฉาย ย้ำคำว่า "มืออาชีพ"


ท่านผู้ชมครับ วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน ผมจะอ้างคำพูดของคุณฉาย บางส่วนก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ท่านผู้ชมฟัง และให้คุณฉาย ฟังเป็นการส่วนตัว ผมลืมบอก ท่านผู้ชมหลายท่านที่ติดตามรายการข่าวนี้ ต้องรู้ว่า คุณพ่อของคุณฉาย เป็นเพื่อนสนิทของผม แล้วก็เรียนหนังสือโรงเรียนประจำมาด้วยกัน ที่โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา ชื่อคุณยุทธ ชินสุภัคกุล


คุณฉาย พูดว่า "การที่มีบุคลากรตั้งใจทำงานเพื่อองค์กรลาออกไป เป็นเรื่องปกติของธุรกิจ แต่เนชั่นทีวี เป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาตลอด" ท่านผู้ชมครับ คุณฉายครับ คุณเอาอะไรเป็นมาตรฐานมาวัดว่า เนชั่นเป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 ของประเทศไทย คุณไม่อายไทยรัฐบ้างหรือ คุณไม่อายหลายๆ ช่องที่เขาทำข่าวบ้างหรือ หรือว่าคุณคนเดียวเท่านั้นที่ถือว่าเป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 นี่คือความหลงตัวเองของคุณฉาย ตั้งแต่แรก และความหลงตัวเองตรงนี้ หลงมาตั้งนานแล้ว


คุณฉาย พูดต่อว่า "ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาตลอด ดังนั้น ไม่ได้ขายดารา หรือผู้ประกาศ แม้เป็นองค์ประกอบหนึ่งที่สำคัญ แต่ขายความน่าเชื่อถือและความจริง เป็นดั่งแสงเทียนนำทางของสังคมในยามที่้วิกฤตเป็นดั่งกระจกสะท้อนสังคม" โอ้โห คำพูดสวยหรู ตื่นมาตอนเช้า เปิดหน้าต่าง เห็นทุ่งลาเวนเดอร์ มองบนท้องฟ้าแล้วบอกโลกมันสวยเหลือเกิน คุณฉาย คุณหลงตัวเองไปหรือเปล่า รากเหง้าของคุณ คือนักเล่นหุ้น คุณคือนักเล่นหุ้น คุณลงทุนในหุ้น แล้วคุณร่วมลงทุนกับนายกำพล ซึ่งเป็นเจ้าของ Victoria Secret แล้วโดนข้อหาคดีฟอกเงิน นี่ผมยังมีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับคุณนะ ถ้าคุณยังไม่ปรับเปลี่ยนนิสัยและสันดานการหลงตัวเองของคุณ โดยที่คุณเห็นว่าคุณโดดเด่นกว่าทุกคน และทุกคนที่ไปนั้นคือหมูหมากาไก่


จริงอยู่ คุณอัญชะลี ไพรีรัก หรือคุณสันติสุข มะโรงศรี หรือคุณกนก อาจจะไม่ดาราดาวเด่น แต่เขามีจุดยืนของเขา แล้วเดี๋ยวผมจะพูดเรื่อง มืออาชีพ กับจุดยืน

ท่านผู้ชมครับ คุณฉาย พูดต่อ "อีกทั้งเนชั่นเป็นองค์กรมหาชน โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ไม่มีชื่อของบุคคลทางการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลเข้ามาถือหุ้น ส่วนกระแสข่าวลือต่างๆ เป็นการใส่ร้ายป้ายสี และการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ไม่เกี่ยวกับผลประกอบการ"


คุณฉายครับ จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยว ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าหุ้นของคุณ ซึ่งแต่ก่อนหุ้นละ 7.50 บาท วันนี้เหลือแค่ 17 สตางค์ ท่านผู้ชมใช้สามัญสำนึกคิดสิ หุ้นบริษัทๆ หนึ่งเคยขึ้นถึง 7 บาท 8-9 บาท วันนี้เหลือ 17 สตางค์ มันแปลว่าอะไร

เพราะฉะนั้นแล้ว ในการประชุมผู้ถือหุ้นใหญ่ครั้งนี้ก็จะมีการเสนอคุณอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ซึ่งอดีตเป็น CEO ของเนชั่นเก่า แล้วก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตของคุณฉาย มาก่อน สมัยก่อน คุณอดิศักดิ์ ไม่ยอมอยู่เนชั่น ลาออกไปเลย แล้วก็โพสต์เรื่องราวต่างๆ โจมตีคุณฉาย ตลอดเวลา ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้ติดใจเรื่องนี้ เพราะว่าในโลกนี้ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลประโยชน์


แต่คุณฉาย พูดต่อว่า "ในกรณีของนายกนก รัตน์วงศ์สกุล และนายธีระ ธัญไพบูลย์ ที่ลาออกไปนั้น คุณฉาย ระบุว่า เนชั่นไม่ได้รับผลกระทบทางธุรกิจ แต่ถือว่ากระทบทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นการจากไปแบบใด" ทั้งนายกนก และนายธีระ เป็นพิธีกรหน้าจอ เขาบอกว่า "ทั้งคุณกนก และภรรยาคุณกนก คุณลักขณา อยู่เนชั่นมานานกว่า 27 ปี ทั้งหมดทำคุณประโยชน์มากมายให้องค์กร เป็นต้นแบบการทำงาน และเป็นวิถีชีวิตที่พนักงานทุกคนถือเป็นบุคลากรสื่อที่วางตัวดี ไม่วางตัวเข้าขั้วอำนาจการเมือง เป็นสิ่งที่ตนชื่นชมมาตลอด" มิหนำซ้ำแล้ว คุณฉาย ยังบอกว่า "ประตูบ้านของเนชั่นนั้น ยังเปิดรับพี่ๆ ทุกคนอยู่เสมอ ไม่มีปิด เลือดทุกคนยังเป็นสีน้ำเงินทุกหยด" หมายความว่าอะไร ? หมายความว่า เลือดทุกคนยังรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ อยู่ทุกหยุด สีน้ำเงิน เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง สีของคุณ เป็นสีน้ำเงิน แต่น้ำเงินแบบไหน น้ำเงินสีผสม หรือเป็นน้ำเงินแท้


ท่านผู้ชมครับ คนที่ถือหุ้นเนชั่น ที่คุณฉาย บอกว่ายังไม่มีการเปลี่ยน ผมจะบอกให้ คุณฉาย ก็รู้ แต่คุณอย่าโลกสวยกับผม วันนี้คุณคีรี กาญจนพาสน์ เตรียมตัวเตรียมใจเหมือนกันที่จะขายหุ้นในส่วนที่คุณคีรี ถืออยู่ ซึ่งถืออยู่ประมาณ 9 เปอร์เซ็นต์กว่า แล้วบวกนอมินีอีก น่าจะประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ คุณคีรี จะทิ้งหุ้นคุณอยู่แล้ว มีการเจรจาตลอดเวลาในขณะนี้ แล้วผมเชื่อว่าไม่เกินธันวาคม หรือมกราคม ก็จะเห็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ คุณคีรี จะไม่กล้าเข้ามาถือหุ้นในช่องเนชั่น ซึ่งกำลังจะเป็นช่องการเมือง ที่ยืนข้างฝ่ายที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์




คุณคีรี เป็นพ่อค้า เกิดที่ฮ่องกง โตที่ฮ่องกง คุณคีรี ไม่เอา คุณคีรี เสี่ยง คุณคีรี ลงทุนกับ BTS คุณคีรี ลงทุนกับสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งประมูลได้พร้อมกับนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ และคุณคีรี กำลังจะแข่งขันในการประมูลรถไฟสายสีส้ม แต่ถ้าคุณคีรี มาอยู่ในช่องเนชั่น ซึ่งในที่สุด ผมเชื่อ 100 เปอร์เซ็นต์ ว่าเป้าหมายของคุณอดิศักดิ์ ก็คือยืนข้างม็อบสามนิ้ว แล้วผมจะอธิบายให้ฟังว่าพวกคุณเลิกพูดในเรื่องของมืออาชีพ เพราะยิ่งพูดไป อุปมาอุปไมยเหมือนคำพูดของหนังสือกำลังภายในที่บอกว่า "ผายลมมารดาท่าน" เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง


เพราะฉะนั้น คุณคีรี ในขณะนี้อยากจะกระโดดหนีคุณใจแทบขาด แล้วผมก็รู้ว่า เขาเตรียมขายหุ้นแล้ว และผมคิดว่าคงอีกไม่นาน

ทีนี้ คุณฉาย ก็พูดออกมาอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุณวีระศักดิ์ ชื่อเล่นชื่อ วี เป็น 1 ใน 3 บรรณาธิการเครือเนชั่น ที่ถูกสั่งให้ยุติออกอากาศรายการเนชั่นสุดสัปดาห์ ทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี เนื่องจากขัดนโยบายสถานีช่วงปลายเดือนสิงหาคม ก็คือ พูดง่ายๆ กลุ่มคุณวีระศักดิ์ ก็ประกอบด้วย คุณวีระศักดิ์ พงศ์อักษร คุณสมชาย มีเสน และคุณบากบั่น บุญเลิศ


คุณบากบั่น บุญเลิศ เข้ามาได้อย่างไร คุณบากบั่น บุญเลิศ เข้ามาเพราะความโอหังมมังการของคุณฉาย คุณฉาย ตอนนั้นเอาเงินของเนชั่นไปซื้อ อย่างเช่น ไปซื้อนิตยสารรายสัปดาห์ ชื่อฐานเศรษฐกิจ ด้วยเงินประมาณร้อยกว่าล้าน แล้วปรากฏว่าในที่สุดแล้วไม่มีอะไรเกิดขึ้น ได้แค่คุณบากบั่น บุญเลิศ มาทำงาน แล้วก็ไม่มีความหมายอะไรเลยทั้งสิ้น ฐานเศรษฐกิจ หายไปจากวงการ กลายเป็นหนังสือพิมพ์ออนไลน์ไปเลย


ผมยังจำได้ ผมเคยวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ได้ต่อสาธารณชน แต่ผมพูดให้คุณพ่อของคุณฉาย ฟัง ว่าโง่ที่สุด จริงๆ เทคโอเวอร์เนชั่นแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือต้องปิดสื่อมวลชนที่เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น คมชัดลึก และเช่น ฐานเศรษฐกิจ แล้วในที่สุดก็ต้องเป็นกรุงเทพธุรกิจ แต่คุณฉาย คนที่ไม่เคยทำสื่อ และคนที่มองว่าเงินทองที่จะทำสื่อไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น เพราะว่าคุณฉาย เป็นคนเล่นหุ้น หาเงินหาทองได้ คุณกำพล ยังไม่ได้โดนคดีความในเรื่องการค้ามนุษย์ คุณฉาย ก็มองว่ามีโทรทัศน์ มีทั้งช่องเนชั่น มีช่องสปริงนิวส์ มีช่อง NOW สามช่อง มีหนังสือพิมพ์คมชัดลึก มีหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ มีหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ มีหมดทุกอย่าง ถึงกับช่วงๆ หนึ่งในกลุ่มที่ออกไปแล้ว รวมกับคุณฉาย ลืมตัวและหลงตัว คิดว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หมายความว่าทุกคนต้องกลัวเขาหมด

ท่านผู้ชมเชื่อไหม คนบางคนที่อยู่ในกลุ่มคุณฉาย อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย วันเกิดต้องจัดก๊วนกอล์ฟ คิดก๊วนละ 50,000 บาท แล้วก็ให้คนที่อยู่ในก๊วนกอล์ฟ คนที่มาเล่นก๊วนกอล์ฟนี่นักธุรกิจทั้งนั้น คนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ทั้งนั้น ซื้อมา 50,000 บาท ผมไม่รู้ว่าซื้อมากี่ก๊วน 20-30 ก๊วน ก็ 1-1.5 ล้านบาท นี่คือวิธีการทำมาหากินแบบเนียนๆ คุณฉาย คุณอย่าบอกว่าคุณไม่รู้ และผมจะเรียนให้คุณฉาย ทราบนะว่าฝีมือคนที่อยู่กับคุณปัจจุบันก็ไม่ใช่ธรรมดา ไปถามบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิ เขากลัวพวกคุณฉละเขารังเกียจพวกคุณ รังเกียจจริงๆ เพราะทำไมรู้ไหม ? เพราะพวกคุณบางคน ซึ่งผมไม่อยากเอ่ยชื่อ มีวิธีรีดไถเงินพวกบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เพราะเขาไม่อยากจะทะเลาะกับคุณ คุณไปคุยได้ ผมอายุ 73 แล้ว ผมมีคนอยู่ รุ่นน้อง รุ่นลูก รุ่นหลาน ที่ทำงานตลาดหลักทรัพย์ ทำงานอยู่บริษัทจดทะเบียน เล่าให้ฟังเลย อา/ลุง มันไถฉิบหายเลย งานนี้ ถ้ามันขออะไรมาแล้วไม่ให้ เดี๋ยวมันหาเรื่องเขียนด่า ออกรายการ ทำให้เสียหายอีก นี่คือความจริงที่ผมพูดกับคุณฉาย ถ้าคุณเข้าใจผม คุณอย่าเถียง ถ้าคุณเถียงมา ผมจะได้เปิดฉากรบกับคุณอย่างเต็มตัวเสียที รบกับคุณในฐานะผู้ใหญ่ เพื่อนพ่อคุณ สั่งสอนไอ้เด็กกะโหลกกะลาอย่างคุณ


พอกลุ่มเก่าเขาลาออกไป ไปอยู่ที่ใหม่ นายวีระศักดิ์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ตอนนี้ดำรงตำแหน่งบรรณาธิการอาวุโสเครือเนชั่น "ยอมรับว่าการทำงานที่ผ่านมาของสถานีนั้น บิดเบี้ยว รู้สึกเศร้าใจเมื่อเห็นน้องๆ ภาคสนามเวลารายงานข่าวการชุมนุมต้องหลบๆ ซ่อนๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ดูแลสื่อทีวี โดยน้องบางคนต้องปิดไมค์ ต้องไม่มีไมค์เนชั่น หรืออยู่ห่างจากม็อบ มันเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยดีเท่าไร ในขณะที่ช่องอื่นๆ สามารถรายงานตรงกลางม็อบ กลางมวลชนได้" เขากล่าวอีกว่า "จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดคำถามว่าถึงจุดนี้ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่ดีที่สุดคือการกลับเข้าไปสู่การทำหน้าที่สื่ออย่างแท้จริง เป็นสถาบันสื่อ ทุกคนที่มีความภาคภูมิใจที่สุด การที่เราดึงกลับ แม้ว่าจะบิดเบี้ยวไปบ้างระยะหนึ่ง เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ ถ้าทุกคนช่วยกัน" นายวีระศักดิ์ กล่าว


จริงๆ แล้วคำพูดของนายวีระศักดิ์ ครั้งนี้ คือการด่ากลุ่มของคุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม คุณปอง อัญชะลี ไพรีรัก คุณสันติสุข มะโรงศรี คุณกนก รัตน์วงศ์สกุล และคุณธีระ

ท่านผู้ชม ผมจะวางตัวเป็นกลาง ผมเคยดูรายการของคุณอัญชะลี และคุณกนก ตลอดจนคุณสันติสุข มะโรงศรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสันติสุข มะโรงศรี ผมยังไม่เห็นคุณสันติสุข มีอคติอะไรมากมายนัก โปรดสังเกตคำว่า "มากมายนัก" นะ มีอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นเรียกว่า น่าสังเกต หรือผิดสังเกต เพราะทุกอย่างที่คุณสันติสุข พูดนั้น คุณสันติสุข จะแบ็กอัปด้วยข้อมูล อาจจะเป็นข้อมูลที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่พอใจ เด็กไม่พอใจ


ในขณะเดียวกัน ฉันใดฉันนั้น VOICE TV อาจจะแบ็กอัปด้วยข้อมูลอะไรบางอย่าง ซึ่งจะทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามกับเด็ก ฝ่ายที่ต้องการปกป้องสถาบันกษัตริย์ไม่พอใจเช่นกัน นี่คือเวทีสงครามของสื่อ แม้กระทั่งการแสดงออกก็แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งค่าย ผเคยเล่าให้ฟังแล้วไง ในการสัมภาษณ์ของคุณจอมขวัญ หลาวเพชร ระหว่างสัมภาษณ์ปารีณา ไกรคุปต์ กับสัมภาษณ์น้องมายด์ เวลาน้องมายด์พูด คุณจอมขวัญ จะยิ้ม แต่คุณปารีณาพูด หน้าคุณจอมขวัญ จะหงิก จะบิดเบี้ยว เหมือนกับว่า (มึงพูดอะไรของมึงวะ) body language มันบอก เพราะฉะนั้นแล้ว มันแบ่งพรรคแบ่งพวกกันชัดเจน แล้วผมจะนำมาสู่คำว่า "มืออาชีพ"


เหมือนอย่างคุณอดิศักดิ์ พูด โพสต์ว่าเนชั่นต้องกลับไปสู่แนวทางมืออาชีพ แต่ 3-4 วันที่ผ่านมานี้ ผมไม่จำเป็นต้องพูดมากมาย คุณอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ซึ่งปีนี้อายุ 60 ปี อายุน้อยกว่าผม 13 ปี ก็ต้องถือว่าเป็นรุ่นน้องผม แต่เขาคงไม่อยากจะนับพี่นับน้องกับผมหรอก แต่ผมจะเรียนให้ทราบว่า เขาเป็นเพื่อนสนิทของคุณสุนันท์ ศรีจันทรา ซึ่งตอนนี้อยู่กับผม ทำข่าวหุ้น และคุณสุนันท์ ศรีจันทรา ถ้าเอ่ยชื่อคุณฉาย บุนนาค ขึ้นมาบนโต๊ะกินข้าว เกิดอาการพาล รับประทานไม่ลงทันทีเลย แทบจะอ้วกแตกอ้วกแตนออกมา ก็คือพูดง่ายๆ ว่า คุณสุนันท์ บอกว่า เขารู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของคุณฉาย ดี ซึ่งผมไม่รู้ว่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของคุณฉาย นั้นเป็นอย่างไร เอาเป็นว่า คุณสุนันท์ จะทำตัวอย่างไร แล้วคุณอดิศักดิ์ ในฐานะที่ ก็คงจะสนิทกับคุณสุนันท์ ก็คงจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของคุณฉาย


มาวันนี้ คุณอดิศักดิ์ ก็เดินบนทุ่งลาเวนเดอร์อีกคน "เนชั่นต้องกลับไปสู่แนวทางมืออาชีพ" แต่เมื่อเราดูประวัติ ดูการโพสต์ต่างๆ ของคุณอดิศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นทวิตเตอร์หรือโน่นนี่นั่น ก็พิสูจน์ชัดเจนว่าคุณอดิศักดิ์ ยืนอยู่ข้างม็อบสามนิ้ว แล้วคุณจะเป็นมืออาชีพได้อย่างไรถ้าคุณยืนอยู่ข้างม็อบสามนิ้ว

ถ้าอย่างนั้น คุณอดิศักดิ์ คุณเข้ามา และผมก็เห็นแล้วตั้งแต่คุณยังไม่ทันเข้ามาก่อนหน้า แต่คุณมีโอกาสเข้ามาเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว คุยกันเรียบร้อยแล้ว เพจของเนชั่น 22 กับเพจคมชัดลึก ลักษณะการพาดหัวข่าวเปลี่ยนไปเลย เปลี่ยนไป ไปยืนข้างม็อบสามนิ้ว ในขณะเดียวกัน พอโดนคนที่เป็นแฟนเก่าเนชั่น เขาเอาโพสต์กับทวิตเตอร์ของคุณอดิศักดิ์ มาดูว่า คุณอดิศักดิ์ นี่อะไรกัน เชียร์เด็ก เชียร์เด็กขนาดมีคนตำหนิติเตียนในเรื่องของการที่เด็กจะไปสถานทูตเยอรมนี แล้วไม่ได้รับการพบปะเอกอัครราชทูตเยอรมนี มีคนเขาติเตียนว่า กลุ่มเด็กคือใคร กลุ่มราษฎร 63 คือใคร ? มีสถานภาพเป็นนิติบุคคลอย่างไร ? เป็นอะไรบ้าง ทำไมเอกอัครราชทูตเยอรมนีถึงไม่ให้พบ ? ก็เพราะเหตุนี้ คุณอดิศักดิ์ กลับแก้ตัวแทน บอกว่าไปเอาความคิดของคนเยอรมันมาแทนความคิดคนไทยได้อย่างไร ผมก็ไม่ประหลาดใจ คุณอดิศักดิ์ น่าจะเป็นคนที่เห็นด้วยกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ ซึ่งผมได้พูดไปแล้ว ท่านผู้ชมที่ดูรายการนี้เป็นล้านๆ คน ไปไล่แต่ละข้อที่ผมบอกว่าปฏิรูป 10 ข้อนั้น แท้ที่จริงคือการล้มล้างสถาบันกษัตริย์นั่นเอง


เอาล่ะ ไม่เป็นไร เรากลับมาสักนิดหนึ่ง คุณอดิศักดิ์ คงจะต้องทำงานเหนื่อยมาก เพราะประการแรก สิ่งแรกที่ทุกคน ท่านผู้ชมยังไม่รู้ว่าคุณกนก กับคุณธีระ ต้องออกจากเนชั่น ก็เพราะว่าสองคนนี้ไม่เผาผีกับคุณอดิศักดิ์ เพราะเคยอยู่ที่เดียวกัน สมัยที่คุณอดิศักดิ์ ลาออกจากเนชั่น สองคนนี้ยังไม่ยอมออก เพราะเขาเป็นคนเก่าคนแก่ของเนชั่น เขาคิดว่าจะทำงานอยู่ที่เก่า สองคนนี้ก็โดนก่นด่า กระแทกกระทั้น ประชดประชันตลอดเวลา ทั้งๆ ที่คุณอดิศักดิ์ ออกไปก็ได้รับเงินชดเชยตามข่าวว่า จริงหรือไม่จริงผมไม่รู้ ได้รับเงินไปตั้ง 10 ล้าน แต่คุณอดิศักดิ์ เปิดเผยว่าไม่ได้รับ แต่พรรคพวกฝ่ายคุณกนก ก็บอกว่ารับไปแล้ว 10 ล้าน เอาล่ะ ผมไม่พูดแล้วกันเรื่องนี้ จริงหรือไม่จริง ผมไม่ยืนยัน แต่ผมจะชี้ให้เห็นว่า สองคนที่ออกไป เขาออกเพราะเขาไม่ถูกกับคุณอดิศักดิ์ แล้วคุณฉาย บอกว่ายินดีต้อนรับพวกพี่ๆ กลับมานะ คุณต้อนรับใคร คุณฉาย หรือคุณไม่รู้ หรือคุณรู้ แต่คุณต้องการจะสร้างวาทกรรมสวยหรู เพื่อให้คนเขาดูแล้วบอกว่าเท่จริงๆ คนๆ นี้

เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาคุณมีปัญหาอะไร ปัญหาเกิดขึ้นจากคุณทั้งนั้น คุณปล่อยให้ปัญหาเรื่องคุณสนธิญาณ เกิดขึ้นมา แล้วคุณก็ไปพูดเบื้องหลังว่าเป็นเรื่องขัดผลประโยชน์ ก็คุณปล่อยให้มีการขัดผลประโยชน์ได้อย่างไร ตั้งแต่ต้น ก็ตอนแรกก็เห็นรักกันปานจะแหกก้นดม ไปเที่ยวที่บ้านคุณสนธิญาณ ทางใต้ ไปเล่นเรือด้วยกัน ไปดูคฤหาสน์ที่สร้าง ไปร่วมทำมาหากิน ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าทำมาหากินอะไรกันนะ หลายอย่าง ผมพอรู้อยู่บ้าง เอาไว้ให้ผมได้ข้อมูลชัดๆ หน่อย อีกสักพักผมจะมาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง


เมื่อคุณรักกันขนาดนี้แล้ว แล้วคุณก็บอกคุณมาขัดผลประโยชน์ออกไป เหตุผลก็คือว่า จุดยืนทางการเมืองไม่เหมือนกัน แยกให้ถูกนะท่านผู้ชม ผมเชื่อว่าการออกไปครั้งนี้มีเรื่อง 2 เรื่อง หนึ่ง ผลประโยชน์ที่ขัดกัน สอง อุดมการณ์ที่เริ่มเปลี่ยน เพราะคุณฉาย เป็นคนที่ชาติก่อนเป็นกระต่าย ทำไมรู้ไหม ? ตื่นตูมง่าย พอเด็กมา มีการสั่งแบน มีแคมเปญว่าไม่ให้บริษัทโฆษณานี้มาลง คุณฉาย เริ่มกลัวแล้ว เพราะว่าคุณฉาย ไม่ใช่ผม ที่ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่า การทำสื่อมวลชน การจะเป็นมืออาชีพนั้น มันมีองค์ประกอบสำคัญอีกองค์ประกอบหนึ่งที่ผมอยากจะพูดให้ท่านผู้ชม คุณฉาย คุณอดิศักดิ์ คุณวีระศักดิ์ คุณสมชาย มีเสน และที่สุดก็คือคุณบากบั่น บุญเลิศ ให้ฟัง ผมมีสิทธิ์จะพูด ถ้าพูดถึงอาวุโสแล้วผมเชื่อว่าในประเทศไทย ถ้าผมอันดับ 2 ไม่มีใครกล้าขึ้นอันดับ 1 ก็แล้วกัน ในเรื่องความอาวุโสและความรอบรู้และความเก๋าในวงการ

ท่านผู้ชมครับ เมื่อคุณฉาย ได้รับการตอบโต้จากเด็ก ก็เกิดตกใจ ตื่นตูม รายได้เนชั่นลดถอยลงไป มีคนมาพูดให้ฟังว่า คุณปอง อัญชะลีเอย คุณสันติสุขเอย คุณกนกเอย กำลังจะพาเนชั่นไปสู่หายนะ ผมจะเล่าอะไรให้คุณฟังอย่างนะคุณฉาย คุณฉาย เห็นการเลือกตั้งคราวที่แล้วไหม ของโจ ไบเดน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ถ้าคุณฉาย ยังไม่รู้ตัวเลข ผมจะเล่าให้ฟัง ทรัมป์ แพ้โจ ไบเดน ประมาณ 2 จุด คือประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ มีคนสนับสนุนทรัมป์ อาจจะสัก 48-49 และคนสนับสนุนไบเดน 51 เปอร์เซ็นต์ แต่คนสนับสนุนทรัมป์ จะเป็นคนที่ลงนรกก็ไปกับทรัมป์ ขึ้นสวรรค์ก็ไปกับทรัมป์ เพราะคนๆ นี้เป็นรีพับลิกัน ผิวขาว ที่อยู่ตรงกลาง มิดเวสต์ และอยู่ทางใต้ คือเป็นคนที่เหยียดผิว เป็นคนที่ว่า ทรัมป์นี่หัวหน้าเรา เพราะฉะนั้นแล้ว จะถูกหรือจะผิด ไม่สน แต่จะเอาทรัมป์


คุณฉาย สมัยที่คุณอัญชะลี ไพรีรัก อยู่ หรือคุณสันติสุข มะโรงศรี หรือคุณกนก อยู่นั้น เขามีแฟน เหมือนแฟนของทรัมป์ เพราะว่าแฟนของเขาก็เหมือนแฟนของทรัมป์ เขาเชื่อว่า 3-4 คนนี้ และนโยบายเนชั่นนั้น เป็นนโยบายของการพิทักษ์ รักษา ปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ สำหรับผมแล้ว ความคิดของเขาในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ อาจจะไม่เห็นด้วยกับผม เพราะผมค่อนข้างจะเห็นด้วยกับกระบวนการที่ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มันยุติธรรม แต่สิ่งหนึ่งซึ่งผมยืนข้างๆ คุณอัญชะลี ไพรีรัก ยืนข้างๆ คุณสันติสุข มะโรงศรี ยืนข้างๆ คุณกนก ยืนข้างๆ คุณธีระ ก็คือพระมหากษัตริย์ คือผมเห็นด้วยว่า สถาบันกษัตริย์ไม่ใช่ที่ๆ คนชูสามนิ้วและหลายคนที่อยู่เบื้องหลัง จะมาย่ำยีกัน แล้วมาลับลวงพราง สร้าง 10 ข้อของการปฏิรูป ซึ่งผมอธิบายแต่ละข้อๆ ให้เห็นคราวที่แล้วว่า แท้ที่จริงมันก็คือกระบวนการเพื่อล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ตรงนี้ผมไม่ได้เห็นต่างไปจากพวกที่ออกไปจากคุณเลยแม้แต่นิดเดียว คุณฉาย

และคนพวกนี้ และประชาชนพวกนี้ ยังมีในประเทศอีกเยอะ ที่เห็นด้วยกับคุณอัญชะลี กับผม กับนายแพทย์เหรียญทอง เป็นเพียงแต่ว่าวิธีการของแต่ละฝ่ายที่ออกมาปกป้องสถาบันกษัตริย์นั้นแตกต่างกันไป คุณสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตหลวงปู่พุทธะอิสระก็มีวิธีการของเขาเอง คุณสนธิญาณ ก็มีวิธีการของเขาเอง คุณหมอวรงค์ก็มีวิธีการของเขาเอง แต่ละคนมีวิธีการซึ่งไม่เหมือนกัน แต่มันไปบรรจบถึงจุดสุดท้ายก็คือว่า สถาบันกษัตริย์จะต้องมีอยู่


ท่านผู้ชมครับ ที่ผมกำลังพูดก็คือว่า ในขณะนี้คุณฉาย คุณจะรักษากลุ่มคนกลุ่มนี้ไว้อย่างไร วันนี้ผมเห็นแล้วว่ารักษาไม่ได้แล้ว ผมจำเป็นต้องพูด วันอังคาร ที่คุณแถลงข่าวไป วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน คุณพ่อของคุณ คุณยุทธ ชินสุภัคกุล มาหาผมที่ทำงาน มาบอกให้ผมเข้าไปช่วย ผมบอกว่า ผมช่วยอะไรไม่ได้นะ ตอนนี้ผมทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แต่ไม่เป็นไร ผมจะแนะนำให้ วันนี้ลูกชายคุณแถลงข่าว สิ่งที่สำคัญที่สุด จะต้องแถลงให้ประชาชนได้รับทราบคือ เนชั่น ช่อง 22 ยังยืนหยัดอยู่กับการปกป้องชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ชัดเจน เพราะฉะนั้นแล้ว ใครจะไปก็ตาม คนใหม่ที่เข้ามาก็ต้องยืนบนหลักตรงนี้ เพราะว่ากลุ่มแฟนเนชั่น เป็นกลุ่มคนที่เขาชอบคุณก็เพราะว่าคุณปกป้องสถาบันกษัตริย์ เอาล่ะ บางส่วนชอบเพราะว่าคุณปกป้องลุงตู่ บางส่วนชอบเพราะคุณปกป้องลุงป้อม ไม่เป็นไร แต่ส่วนใหญ่แล้วจะชอบเพราะว่าคุณออกมาต่อสู้แทนสถาบันกษัตริย์


คำถาม คุณไม่ได้แถลงอย่างนี้เลยแม้แต่นิดเดียว คุณกลับพลิกประเด็น กลายเป็นขี้โม้ก่อน ว่าหนึ่ง คุณเป็นสื่อมืออาชีพ สอง คุณเป็นองค์กรข่าวที่มีชื่อที่สุดในประเทศไทย คุณเป็นได้อย่างไร ผมถามคุณหน่อย คุณเป็นตั้งแต่สมัยไหน คุณไม่รู้หรือว่าผมรบกับเนชั่นมาตั้งแต่สมัยคุณสุทธิชัย หยุ่น ไม่เชื่อก็ไปถามคนในวงการดู ขนาดไหน อย่าให้ผมเล่าให้ฟังเลย ขนาดถึงกับมีเรื่องมีราวกันตอนจะขึ้นเครื่องบินไปฮ่องกง อย่าให้ผมอธิบายให้ละเอียดมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าจะถามว่ามีใครรู้จักช่องเนชั่นดีไหม ในอดีต ผมนี่ รู้จักดี รู้จักดีมากกว่าคุณเยอะ คุณฉาย คุณเพิ่งเข้ามาได้ 3 ปีเอง และคุณก็ไม่ใช่มืออาชีพ คุณก็ไม่ใช่นักเลงที่จะทำข่าว ไม่ใช่ครับ เนชั่้นไม่มีความหมายสำหรับผม เพราะมันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ต้องดับไป ในที่สุด


ผมจะเล่าเรื่องมือาชีพให้คุณฟัง พูดกันนักเหลือเกิน "มืออาชีพ" คุณวีระศักดิ์ ฟังให้ดีๆ ไอ้เรื่องเด็ก คุณไปอายแทนเด็ก ถ้าเขาไม่ให้คุณเข้าไปทำข่าว คุณวีระศักดิ์ คุณสามารถจะบอกเด็กได้ว่า จุดยืนของเราเป็นอย่างนี้ เราเข้าใจเขาไหม เราไปทำข่าว ถ้าอย่างนั้นคุณไม่ต้องถืเอไมโครโฟนเข้าไป คุณเข้าไปสังเกตการณ์แล้วคุณเขียนบันทึกมา เขียนรายงานข่าวมาว่าคุณเจอคนนั้น เจอคนนี้ ใครพูดว่าอะไร ไม่เสียหายอะไร มันก็ได้ข่าวเหมือนกัน เป็นเพียงแต่ว่ามันไม่มีการจ่อสัมภาษณ์แล้วเอามาขึ้นทีวี คุณก็ได้ทำหน้าที่ข่าวเหมือนเดิม เป็นเพียงแต่จุดยืนของคุณชัดเจน

มีใครบ้างในวงการข่าวที่กล้าบอกว่าตัวเองไม่ใช่มืออาชีพ ทุกคนอ้างทั้งนั้น คุณจอมขวัญ หลาวเพชร ก็บอกว่าฉันมืออาชีพค่ะ พวกพิธีกรช่อง VOICE TV ก็บอกว่าผมมืออาชีพครับ คุณหม่อมปลื้ม ก็บอกว่าผมมืออาชีพ มีใครบ้างที่ไม่ใช่มืออาชีพ ทุกคนมืออาชีพหมด แต่ ท่านผู้ชมครับ มืออาชีพมันมีอยู่อย่างหนึ่ง ก่อนที่จะเป็นมืออาชีพ คุณต้องมีศรัทธาก่อน คุณไปถามหมอสิ หมอที่มืออาชีพ จะเป็นเสื้อแดง เสื้อน้ำเงิน เสื้อส้ม เสื้อเหลือง แต่ถ้าไม่สบายมา ก็รักษา อาจจะมีบางมืออาชีพ หรือบางประเภท อย่างเช่นคุณหมอเหรียญทอง ซึ่งฮาร์ดคอร์มากๆ ซึ่งกรณีของคุณหมอเหรียญทอง นั้น คงจะไม่มีใครอีกแล้ว นอกจากคุณหมอเหรียญทองคนเดียว ที่บอกว่าถ้าเป็นเสื้อแดงผมจะไม่รักษา นั่นเป็นข้อยกเว้น


แต่ส่วนใหญ่แล้วหมอก็จะรักษาหมด เพราะอะไร ? เพราะเขามีศรัทธาในวิชาชีพของเขา อาชีพของเขาคืออาชีพที่ต้องช่วยคนโดยไม่มีสี ไม่มีศาสนา ไม่มีชาติกำเนิด ฉันใดฉันนั้น ตำรวจก็ต้องมีศรัทธาในวิชาชีพของตัวเอง อาจจะเป็นเพราะว่าบางคนเข้ามาเป็นตำรวจเพราะอยากรวย แต่พื้นฐานโดยหลักๆ แล้ว ศรัทธาต้องมาตรงที่ว่า มาช่วยดูแลประชาชน


มืออาชีพในเรื่องของกฎหมาย คนรวย คนจน จับได้หมด ไม่เว้น แต่ถ้าศรัทธาคุณมีเมตตา กรุณา อยู่ในตัว ถ้าคุณไปจับแม่คนหนึ่ง เขามาแจ้งความแม่คนหนึ่งซึ่งขโมยนมกระป๋องเพื่อไปเลี้ยงลูก คุณก็ทำได้สองอย่าง ถ้าคุณเป็นคนที่มีเมตตา กรุณา มีศรัทธาในความเป็นมนุษย์ คุณก็บอกกับเจ้าของ นมกระป๋องนี้เท่าไร คุณก็จ่ายให้แล้วก็เลิกลากันไป สงสาร เพราะเขารู้ว่าถ้าเรื่องนี้ไม่จบ ต้องลงบันทึกประจำวัน แม่คนนี้ต้องถูกดำเนินคดี หรือเขาอาจจะพูดกับเจ้าของว่า เอาน่าเจ๊ เห็นแก่ผมเถอะนะ ปล่อยเขาไปเถอะ นี่ล่ะ แต่ละคนต้องมีศรัทธาก่อน ถึงจะเป็นมืออาชีพ

ผมก็มืออาชีพ แต่ผมมีศรัทธา ศรัทธาของผมศรัทธาอะไร ผมศรัทธาพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ผมศรัทธาหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ปรมาจารย์ทางพระกรรมฐาน ผมศรัทธาพระพุทธศาสนา ผมศรัทธาในสถาบันกษัตริย์ เมื่อผมมีศรัทธาแล้ว ความเป็นมืออาชีพของผมก็จะยืนอยู่ตรงที่ผมศรัทธา เพราะฉะนั้นแล้ว ใครก็ตามจะมาทำลายในสิ่งที่ผมศรัทธา ผมก็ต้องหาข้อมูลให้ดีว่าที่เขาทำลาย เขาทำลายประเด็นไหน ผมคงไม่ออกไปด่าพ่อล่อแม่เขาหรอก ท่านผู้ชม แต่สิ่งที่ผมจะทำในศรัทธาของผม คือผมต้องดูว่า Icon , Role model พวกซึ่งด่าสถาบันกษัตริย์ หรือพวกที่ชูคณะราษฎณ 2475 ขึ้นมา หรือที่ชูสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล หรือที่ชูปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นั้น เขาชูคนพวกนี้เพราะอะไร ถ้าเขาชู 2475 ผมรู้อยู่แล้วว่าคณะราษฎร 2475 นั้นไม่ใช่คณะราษฎร แต่เป็นคณะโจร ผมออกรายการไปแล้ว และผมเอาเหตุผลให้ฟัง เอาหลักฐานให้ฟัง นี่คือวิธีสู้ของผม เพราะศรัทธาของผมมี ถูกต้อง


ส่วนศรัทธาของเด็ก จะได้ศรัทธาที่แท้จริง หรือศรัทธาเพราะถูกปั่นหัวมา ไม่เป็นไร ผมกำลังบอกทุกคนว่า ที่คุณบอกคณะราษฎร 2475 นั้นมันเป็นคณะโจร หรือศรัทธาที่ผมมีต่อหลายเรื่อง ผมเปรียบเทียบของเด็กยุคนี้ กับสมัยที่เป็น Red Guards สมัยยุคเหมา เจ๋อตุง เจียงชิง Gang of Four ผมเปรียบเทียบว่ามีอะไรหลายอย่างคล้ายกัน นี่คือศรัทธาที่ผมต้องการให้เกิดความสงบ แล้วให้มีการต่อสู้ในระบบ

ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนที่พร้อมจะสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ แต่ผมก็ไม่พร้อมที่จะแก้รัฐธรรมนูญ ในร่างรัฐธรรมนูญที่ ไอลอว์ เสนอไป เพราะผมอ่านดูแล้วว่า ข้อ 6 ข้อ 7 ของ ไอลว์ ที่เสนอมานั้น ก็คือการนิรโทษกรรมของข้าราชการ หรือของนักการเมืองที่โกงแผ่นดิน ผมไม่เห็นด้วย และผมยิ่งไม่เห็นด้วยมากขึ้นว่า ไอลอว์ มันคือใคร มันเป็นตัวแทนใคร เพียงเพราะมันได้เงินจากต่างประเทศมา แล้วมันก็เขียนร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าอย่างนั้นอีกหน่อยใครต้องการเปลี่ยนแปลงเมืองไทยให้ได้รับการยอมรับ ก็ตั้งองค์กรพัฒนาเอกชนมา แล้วก็ไปขอเงินต่างชาติมา แล้วก็เปลี่ยนแปลงในบางประเด็น หรืออาจจะมีคนกล้าพอที่จะตั้งองค์กรพัฒนาเอกชนว่า ต้องการเปลี่ยนแปลงให้ประเทศไทยเป็นประเทศระบบสาธารณรัฐ โดยไม่มีกษัตริย์ แล้วก็รับเงินมา รับเงินจอร์จ โซรอส มา แล้วก็เอาเรื่องนี้มาเคลื่อนไหว ท่านผู้ชมยอมได้ไหม ? ยอมได้ไหมที่เรามีคนที่ใช้เงินต่างชาติแล้วมาทำตามทิศทางที่คนต่างชาติต้องการ


ผมไม่รู้ว่าคุณอดิศักดิ์ ศรัทธาอะไร คุณฉาย ศรัทธาอะไร ถ้าคุณฉาย ยังศรัทธาเหมือนอย่างผมศรัทธาว่าต้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้ ในลักษณะเชิงข่าว การวิเคราะห์ข่าว หรือการพาดหัวข่าว นั่นไม่ใช่ศรัทธาของคุณแล้ว ฉะนั้นคุณเชื่อผมอย่าง ถ้าคุณไป คุณก็ไปให้สุดซอยด้านหนึ่งเลย ถ้าคุณจะมา ถ้าคุณอดิศักดิ์ มา ถ้าจะยืนอยู่กับม็อบสามนิ้ว คุณก็ไปทางม็อบสามนิ้วเลย ไม่มีใครว่าอะไรคุณ เพราะเป็นศรัทธาของคุณ คุณฉาย ทำไปเลย แต่คุณเป็นพวกหัวมังกุท้ายมังกร ยึกยัก คุณยังไม่รู้เลยว่าตัวคุณอุดมการณ์อยู่ที่ไหน ให้ตายสิ! คุณเพียงแต่ใช้คำพูดที่สวยหรูมาพูดเท่านั้นเอง ว่าเนชั่นเป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 มีมานานแล้ว ห้าสิบปี คุณฉาย คุณเพิ่งเข้ามาแค่ 3 ปีเองนะ คุณลืมไปแล้วหรือ ท่านผู้ชมครับ คุณฉาย เพิ่งเข้ามาทำเนชั่น 3 ปี แล้วเอา 47 ปี ที่สุทธิชัย หยุ่น และพรรคพวกหลายคน ทั้งกนก เขาก็ทำมา คุณธีระ ก็ทำมา ที่เขาสู้มาตลอด เอามาอ้างเป็นเครดิตตัวเอง

ศรัทธานี่สำคัญ ไม่สำคัญได้อย่างไร ที่อเมริกา พรรครีพับลิกัน กับพรรคเดโมแครต เขามีศรัทธาเรื่องอะไรรู้ไหม ? ศรัทธาเหมือนกันเลย แต่วิธีการก้าวไปสู่ศรัทธานั้นจะต่างกัน ศรัทธาของสองพรรคนั้นคือระบบทุนนิยมเสรี


ระบบทุนนิยมเสรี ก็คือว่า ทุนต้องเป็นใหญ่ และอีกศรัทธาหนึ่งก็คือว่า อเมริกาต้องก้าวไปสู่ในโลกและเป็นใหญ่ที่สุด นั่นคือศรัทธาที่ทั้งสองพรรคนี้มี รีพับลิกันบอกว่าศรัทธาที่จะให้ทุนเป็นใหญ่นั้น รีพับลิกันบอกว่า ต้องคิดภาษีของนายทุนให้ต่ำหน่อย แต่เดโมแครตบอกว่า ไม่ใช่ ศรัทธายืนหยัดบนทุน แต่ให้มีการแบ่งปันกันมากขึ้น คือเก็บภาษีคนรวยให้มากขึ้น มันแตกต่างที่วิธีการ แต่ศรัทธาเหมือนกัน เหมือนกันทุกแห่ง ผมก็มีศรัทธา Voice TV ก็มีศรัทธา ไทยรัฐก็มีศรัทธา ไทยรัฐศรัทธาอะไร ? ศรัทธาไทยรัฐเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ตั้งต้น ก็คือมีศรัทธาแบบไม่มีศรัทธาอะไรทั้งสิ้น เล่นไปตามกระแส กระแสใครขึ้นก็กระโดดเกาะกระแสนั้นทันที กระแสใครตกก็เหยียบย่ำซ้ำเติม เดลินิวส์ก็มีศรัทธาชัดเจน ทุกสื่อ แต่ละคนมีศรัทธา ท่านผู้ชมทุกคน ทุกท่าน เราทั้งหลายล้วนแต่มีศรัทธา เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อเรามีศรัทธาแล้ว ความเป็นมืออาชีพของเราในวิชาสื่อ เราต้องพิสูจน์ศรัทธาของเราให้ได้ ใครก็ตามมาทำลายศรัทธาของเรา ถ้ามาทำลายด้วยเหตุด้วยผล เราก็ต้องเอาเหตุและผลต่อสู้กลับไป


ผมยังอยากจะเห็นว่าช่องคุณฉาย บุนนาค จากนี้ไป เวลาเด็กออกมาแล้วชูป้ายหรือพูดจาจ้องทำลายสถาบันกษัตริย์ คุณอดิศักดิ์ และคุณฉาย จะมีจุดยืนตรงนี้อย่างไร คุณเชื่อผมสิ คุณอดิศักดิ์ และคุณฉาย อย่าให้ผมสอนมวยคุณเลย

คุณอดิศักดิ์ คุณจบพาณิชย์การบัญชี คุณเคยเป็นเซลส์มาก่อน แล้วคุณจับพลัดจับผลูมาเป็น CEO ของเนชั่น ถ้าคุณจะเอาเรทติ้งของคุณ ถ้าคุณตัดสินใจเดินมาทางนี้ คุณต้องเดินไปทางเด็กสุดซอยเลย คุณไม่ต้องมาก้ำๆ กึ่งๆ เพราะว่าเด็กไม่เอากับคุณแน่นอน


เมื่อเช้านี้ก่อนผมออกรายการ ผมคุยกับพรรคพวกบนโต๊ะกินข้าว หลายคนมองว่าเด็กในอนาคตมันจะเจริญเติบโตต่อไป ผมไม่เถียง จะเจริญเติบโตต่อไปอย่างไรก็ตาม มนุษย์เรา ครอบครัว พ่อแม่ ทุกคน มีราก มีที่มาที่ไปทั้งสิ้น ในที่สุดเด็กก็ต้องกลายเป็นพ่อเป็นแม่ มีลูก เด็กจบไปก็ต้องหางานทำ ต้องไปสมัครงาน ต้องอยู่ในกฎระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นปูนซิเมนต์ไทย ไม่ว่าจะเป็น ปตท. ไม่ว่าจะเป็นบริษัท ทรู ไม่ว่าจะเป็น AIS หรือจะเป็นอะไรก็ตาม ทุกอย่างต้องมีระเบียบ มีกติกา มีกรอบ คุณจะมาชูสามนิ้วในบริษัทต่อไปได้อย่างไร คุณก็ต้องมีเมียใช่ไหม คุณต้องมีสามีใช่ไหม แล้วคุณต้องมีลูกใช่ไหม แล้วคุณต้องเลี้ยงลูกขึ้นมา และคุณก็จะรู้แล้ว ณ วันนั้น เมื่อลูกคุณประพฤติปฏิบัติแย่กว่าสมัยที่คุณประพฤติปฏิบัติอีก เพราะฉะนั้นผมไม่ได้กังวลเรื่องนี้เลย


ยังมีอีกหลายเรื่องนะ ผมจะเตือนคุณก่อน คุณฉาย คุณทำอะไรไว้ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ แต่ถ้าคุณจะแตกหักกับผมเมื่อไร เดี๋ยวผมจะเปิดให้หมดทุกเรื่อง รวมทั้งที่ดินของบริษัท กฤษดามหานคร ซึ่งตอนนี้กรมบังคับคดียังระงับ ยังไม่ให้โอนอยู่ เหตุผลเพราะว่ามีผู้ร้อง ผมไม่รู้ว่าคุณเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่ว่าเผอิญมันมีบางข้อมูลที่ผมอาจจะจำเป็นต้องถามคุณเหมือนกัน


เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าการที่มาอ้างคำว่า ตัวเองเป็นมืออาชีพ เป็นสื่อมืออาชีพนั้น เป็นการอ้างลอยๆ เหมือนกับนายทรัมป์ กำลังอ้างว่าเดโมแครตโกงการเลือกตั้ง ไปฟ้องศาล ถูกศาลจำหน่ายคดีไป 7 คดีแล้ว เพราะว่าไม่มีหลักฐาน มืออาชีพ การปกป้องสถาบันกษัตริย์ก็เป็นมืออาชีพอย่างหนึ่ง และไม่บิดเบี้ยวด้วย เพราะทำตามศรัทธาที่ตัวเองมี เอาวิชาชีพที่เป็นมืออาชีพมาบริการศรัทธาของตัวเอง ฉันใดฉันนั้น

ผมอยากให้คุณฉาย ยุติ จากการแถลงข่าว จากนี้ต่อไป จะกี่ครั้งก็ตาม คุณยุติได้แล้วว่า หนึ่ง เนชั่นเป็นองค์กรข่าวอันดับ 1 ของประเทศไทย สอง พรรคพวกคุณฉาย ... แล้วท่านผู้ชมรู้ไหมว่าในนั้นน่ะ ไม่สงบหรอก คนเก่าๆ ที่เคยอยู่เนชั่น ที่ยังอยู่จนปัจจุบัน ก็ไม่ชอบคุณอดิศักดิ์ ผมนี่ไม่อยากจะพูดว่าคุณอดิศักดิ์ เก่าเกินไปแล้วที่จะมาทำงานในยุคนี้ เวลาทำงาน อย่าทำตามกระแส เอาหลักไว้ก่อน จะดี จะชั่ว จะอย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าคุณอัญชะลี ไพรีรัก คุณสันติสุข คุณกนก และคุณธีระ เป็นคนที่มีหลัก เพียงแต่ว่าวิธีการของคนพวกนี้ อาจจะไม่ถูกใจหรือทำให้หลายคนพอใจ เพราะว่าเขาเป็นคนที่มีวิธีการอีกแบบหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่รื่นรมย์นักในการพูดในการจา แต่เขามีศรัทธาของเขา และอย่าไปว่าเขาว่าไม่ใช่มืออาชีพ คนพวกนี้เป็นคนที่โคตรจะมืออาชีพเลย


คุณต้องการสื่อมืออาชีพใช่ไหม ? วันหลังผมจะเล่าให้ฟัง เรื่องสื่อมืออาชีพ สายตาพวกคุณ คุณฉาย และคุณอดิศักดิ์ คุณก็คงคิดว่า BBC Thai เป็นสื่อมืออาชีพใช่ไหม แล้วเดี๋ยววันหลังผมจะฉีกหน้ากาก BBC Thai ให้คุณดูว่าไม่ใช่มืออาชีพหรอก โคตรหลอกลวงเลย ที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ เอาเงินสนับสนุนจากประชาชนคนอังกฤษ แล้วมาจ้องที่จะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ในเมืองไทย ในนามของ BBC นี่เป็นเรื่องที่สำคัญมาก รอนิดหนึ่งแล้วผมจะกลับมาอธิบายให้ฟังนะครับท่านผู้ชม

วันนี้มีหลายเรื่องเหลือเกินที่พูดมา จากนี้ไปจะมีแต่เรื่องสนุกๆ ทั้งนั้น หลายเรื่องที่ท่านผู้ชมอาจจะคิดไม่ถึง แต่ผมและทีมงานได้มีการเตรียมการเอาไว้ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ วันนี้เอาเพียงแค่นี้ก่อนแล้วกัน ผมถือว่าสมควรแก่กาลเวลาแล้ว สวัสดีครับ


กำลังโหลดความคิดเห็น