“รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์” วิเคราะห์ผลเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ ชี้ไม่ว่า “ทรัมป์” หรือ “ไบเดน” ได้ เน้นรุกภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเหมือนกัน เพื่อถ่วงดุลจีน ต่างตรงที่ไบเดนให้ความสำคัญเรื่องสิทธิมนุษยชนมากกว่า
วันที่ 4 พ.ย. 2563 รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง “นิวส์วัน” ถึงประเด็นเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020
โดย รศ.ดร.สมชาย กล่าวในช่วงนึงว่า ถ้าไบเดนได้เป็นประธานาธิบดี นโยบายสหรัฐฯ ที่มีต่อจีน 70-80 เปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม แต่อาจจะร่วมมือกับจีนในเรื่องลดโลกร้อน จะกลับเข้ามาเป็นสมาชิกความตกลงปารีส, ร่วมมือกับจีนปกป้องไม่ให้ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และแก้ไขเรื่องโควิด
ส่วนการกีดกันทางการค้ายังคงอยู่ แต่จะต่างกันตรงที่ทรัมป์ทำแบบปูพรมไม่มีการแยกแยะ แต่ไบเดนจะแยกแยะ บางเรื่องที่กระทบผู้บริโภคอเมริกันก็อาจยกเลิก
แล้วไบเดนจะร่วมกับยุโรปเล่นงานจีน จะแตกต่างกันตรงนี้ ไบเดนจะเข้ามาแก้ไขความสัมพันธ์ ที่ทรัมป์ทำกับสหภาพยุโรป จะร่วมมือให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น
รศ.ดร.สมชาย กล่าวอีกว่า สิ่งนึงที่เหมือนกัน คือจะเน้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไบเดนเอาแน่อินโดแปซิฟิก เพื่อถ่วงดุลจีน แต่จะต่างอีกอย่าง คือทรัมป์ไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน แต่ไบเดนมี เขาจะเล่นงานประเทศที่มีปัญหาสิทธิมนุษยชน
เมื่อถามถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังโควิด-19 รศ.ดร.สมชาย กล่าวว่า ตอนแรกคนในวงการหุ้นกลัวว่าไบเดนมา หุ้นจะตก เพราะจะขึ้นภาษี แต่ตอนหลังคนในวงการหุ้นไม่กลัว เพราะถูกชดเชยด้วยมาตรการทุ่มเงิน 4 ล้านล้าน จึงประเมินว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจะสูงกว่าทรัมป์
สำหรับไทย กรณีถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี เขาเป็นคนที่เล่นทั้งศัตรูและพันธมิตร ฉะนั้น เราเป็นพันธมิตรกับจีน เรามีการเกินดุลการค้า และที่สำคัญที่เขากลัวเราใกล้ชิดกับจีน เพราะฉะนั้นเขาคงบีบเรา ที่โดนไปแล้วก็ตัด GSP กรณีนี้อย่าแปลกใจเลย แรงกดดันนี้จะอยู่กับเรา เพื่อบีบเราให้เราดำเนินนโยบายให้ดี ภายใต้ความขัดแย้งอันนี้
ทรัมป์ไม่ได้มีจิตวิญญาณเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เขาใช้เป็นเครื่องมือ กรณีนี้ผิดกับไบเดน แต่ไม่ต้องแปลกใจถ้าทรัมป์จะเล่นงานเราเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่เพราะผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมากกว่า
