ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมมาตร วิสุทธิวงษ์ ที่ปรึกษา ผอ.ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์และช่วยเหลือประชาชน (บลูเฮาส์) ลงสำรวจพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ร่วมกับนายอุดม เพชรน้อย นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลตะค่า สมาชิกสภาเทศบาล ผู้ใหญ่บ้าน ต.ตะค่า อ.บางปลาม้า สุพรรณบุรี และพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ สุพรรณบุรี เข้าช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยและยากไร้ จำนวน 7 ครอบครัว เช่น ครอบครัวนายประวิตร คล้ายสุบรรณ พ่อเลี้ยงเดี่ยวรับภาระดูแลลูกสาว2คน ในวัยเรียนเพียงลำพัง มีอาชีพรับจ้างทาสีกินรายวันไม่เพียงพอ สภาพบ้านทรุดโทรมไร้ฝาบ้านไม่ถูกสุขอนามัย และอีกครอบครัวนายประยูร แหวนทองคำวัย70ปีพิการขา อยู่กับภรรยาลำพังมีปัญหาการเคลื่อนไหวไม่มีรายได้ ช่วยตัวเองลำบาก บ้านน้ำท่วม มีเพียงเงินผู้สูงอายุและผู้พิการประทังชีวิต เป็นต้น
โดยนายสมมาตรเปิดเผยเพิ่มว่า สถานการณ์แม่น้ำท่าจีนยังคงมีระดับสูง โดยเฉพาะ 2 อำเภอท้ายน้ำ คือ อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำรับน้ำมาจากประตูระบายน้ำพลเทพชัยนาท เพื่อระบายลงสู่แม่น้ำท่าจีนผันสู่ทุ่งที่ราบลุ่มต่ำทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งบ้านเรือน พื้นที่เกษตร ถนนถูกตัดขาด โดยเฉพาะ ต.โคกคราม และ ต.จรเข้ใหญ่ รับน้ำมาจากทุ่งเจ้าเจ็ด ขณะที่พระนครศรีอยุธยาก็รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งนี้ ส่วนตัวมีแนวคิดที่จะสนับสนุนส่งเสริมการทำธนาคารน้ำใต้ดินระบบเปิด โดยหลักการสำคัญคือ พยายามเก็บน้ำไว้ใต้ดิน ทะลุชั้นดินเหนียวถึงชั้นหินอุ้มน้ำที่ต่อเชื่อมกับชั้นน้ำบาดาล วิธีนี้เหมาะสมกับพื้นที่เกษตรกรรม เนื่องจากสามารถสูบน้ำจากบ่อมาใช้ได้โดยไม่หมด เมื่อปริมาณน้ำลดลง น้ำจากใต้ดินก็จะซึมซับกลับเข้ามาเติมเต็มปริมาณน้ำในบ่อให้มีน้ำอย่างสม่ำเสมอ ที่ผ่านมามักเลือกทำระบบปิด ข้อดีระบบปิดคือทำได้ทั้งชุมชนเมืองและชนบท แต่ข้อจำกัดคือไม่สามารถนำน้ำขึ้นมาใช้ได้โดยตรง ต้องมีน้ำเติมเข้ามา หรือแนวคิดการขุดลอกบึงเดิมที่มีอยู่ในจังหวัดสุพรรณบรีเกือบ 70 บึงให้กลับมาใช้งานได้เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ซึ่งคงต้องอาศัยการบูรณาการกันทุกภาคส่วนของจังหวัดด้วย
ส่วนการช่วยเหลือประชาชนก็กำลังประสานงานกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. ที่มีอยู่ในทุกตำบลของสุพรรณฯ ทำความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานเพื่อมาช่วยขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพสร้างรายได้อย่างยั่งยืน พึ่งพิงตนเองได้ ในภาวะที่โควิด-19 ยังระบาดไปทั่วโลก
